รวมข้อมูลสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย 2563 พร้อมดอกเบี้ย refinance บ้านกรุงไทย มีแบบไหนบ้าง รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทยยากไหม ดูกันที่ iMoney
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทย – รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร ทำไมต้องรีไฟแนนซ์ เพราะหลายคนก็ยังไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า กู้ซื้อบ้านเพียงแค่ครั้งเดียวผ่านแล้วก็ผ่านไป โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องรีไฟแนนซ์กันสักเท่าไร เพราะคิดว่าการรีไฟแนนซ์นั้น มีไว้สำหรับคนที่มีปัญหาทางการเงิน ผ่อนไม่ไหว เหมือนกับพวกการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั่นเอง ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การรีไฟแนนซ์บ้านนั้น ไม่จำเป็นที่คุณต้องมีปัญหาทางการเงิน หรือผ่อนไม่ไหวนะคะ คุณสามารถทำได้เรื่อยๆ ทุกๆ 3 ปี อาจจะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ เพราะในช่วง 3 ปีแรก ธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นลดดอกเบี้ย เพื่อสร้างแรงจูงใจ โดยคนส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีรีไฟแนนซ์บ้านกันค่ะ เป็นเทคนิคในการลดดอกเบี้ย เพราะว่าจะช่วยทำให้คุณได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลง ขยายระยะเวลาในการผ่อนได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม จ่ายรายเดือนได้น้อยลง มีเงินเหลือมากขึ้นในแต่ละเดือน หากใครกำลังมองหาธนาคารเพื่อจะรีไฟแนนซ์บ้านอยู่ iMoney มีโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารกรุงไทยมาฝากกันค่ะ
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย อัพเดท 2563
ชื่อสินเชื่อ |
จุดเด่น | เงื่อนไขการกู้ | ประเภทของสินเชื่อ |
ดอกเบี้ย |
สินเชื่อบ้านกรุงไทย |
ให้วงเงินสูงสุด 90% ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 30 ปี และขอกู้เพิ่มจากสินเชื่อ Home For Cash ได้อีกด้วย | มีรายได้ที่แน่นอน มีการงานที่มั่นคง และจะต้องที่สำคัญจะต้องไม่มีประวัติในการผิดนัดชำระหนี้มาก่อน | บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม |
ดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 0.99 ต่อปี หรือสูงสุดร้อยละ MRR – 2.75 ต่อปี |
Credit : https://pixabay.com
รีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย ตอนนี้จัดโปรโมชั่นสุดแรงด้วยดอกเบี้ยที่แสนจะถูกเหลือเพียงร้อยละ 0.99 ในปีแรก ถือว่าดอกเบี้ยนี้ถูกจริงๆเลยค่ะ มากู้รีไฟแนนซ์บ้านกับกรุงไทยนี้สามารถทำได้กับบ้านทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ อาคารชุด อาคารพาณิชย์ อีกด้วยค่ะ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารกรุงไทยนอกจากได้เงินก้อนไปโปะหนี้บ้านกับธนาคารเดิมแล้วนั้น คุณสามารถขอสินเชื่อเพิ่มวงเงินในครั้งเดียวกับที่ทำรีไฟแนนซ์บ้านได้เลยค่ะ จะช่วยทำให้คุณมีเงินก้อนมาใช้จ่ายหมุนเวียนในชีวิตประจำวัน หรือว่าจะนำเงินมาต่อเติมบ้าน ซ่อมแซมบ้านก็ได้อีกด้วยนะคะ เรียกรับเงิน 2 ต่อกันเลย แถมระยะเวลาการผ่อนธนาคารกรุงไทยให้นานถึง 30 ปี เลยนะคะ นอกเหนือจากนี้ยังมีเงื่อนไขอะไรบ้างเรามาดูกันเลยค่ะ
เงื่อนไขการขอกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย
- ผู้สมัครที่จะรีไฟแนนซ์นั้นจะต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น
- มีรายได้ที่แน่นอนโดยธนาคารจะคำนวณว่าเพียงพอต่อการจ่ายหนี้ได้หรือไม่
- มีหน้าที่การงานที่มั่นคง
- ไม่ได้จำกัดอายุ แต่อายุเมื่อรวมกับระยะเวลาในการผ่อนแล้วต้องไม่เกิน 65 ปี หรือไม่เกินเกษียณอายุตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ข้าราชการ อัยการ ผู้พิพากษา
- ในกรณีที่ต้องการกู้ร่วมใครมีอายุน้อยสุดก็จะใช้เกณฑ์นั้นเป็นที่ตั้ง
- ที่สำคัญจะต้องไม่มีประวัติในการผิดนัดชำระหนี้มาก่อน
- ในกรณีที่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และได้ชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว ให้นำเอกสารมายื่นในการสมัครด้วยค่ะ
วงเงินในการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทย
การให้วงเงินกู้นั้น ธนาคารจะให้แบ่งตามประเภทของหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ค่ะ
- ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ จะได้วงเงินไม่เกินจากยอดหนี้ที่คุณค้างกับธนาคารเดิมค่ะ หรือสูงสุดร้อยละ 90 จากราคาประเมิน ทั้งนี้ หากบ้านของคุณมีราคาซื้อขายตั้งแต่ 10,000,000 บาทขึ้นไป คุณจะได้รับวงเงินสูงร้อยละ 80 จากราคาประเมิน
- ประเภทคอนโดมิเนียม จะได้วงเงินไม่เกินจากยอดหนี้ที่คุณค้างกับธนาคารเดิมค่ะ หรือสูงสุดร้อยละ 80 จากราคาประเมิน
ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย
ในการคิดดอกเบี้ยนั้น ธนาคารจะมีทั้งหมด 3 แบบ ให้คุณได้เลยค่ะ มีทั้งแบบทำประกัน และแบบไม่ทำประกัน มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าแบบไหนที่จะได้ดอกเบี้ยถูกกว่ากันค่ะ
แบบที่ 1
- ทำ MRTA เต็มวงเงินกู้ และระยะเวลากู้ และ GLTSP เต็มวงเงินกู้ และระยะเวลาทำประกัน 15 ปี
- ในปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่อยู่ร้อยละ 0.99 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 2 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 75 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปีค่ะ
- ดอกเบี้ย 3 ปี เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ร้อยละ 3.33 ต่อปี
แบบที่ 2
- ทำ MRTA/ GLTSP เต็มวงเงินกู้ และระยะเวลาทำประกันขั้นต่ำ 10 ปี และทำ MRTA/ GLTSP 70% ของวงเงินกู้ และระยะเวลากู้หรือ ระยะเวลาทำประกันขั้นต่ำ 15 ปี
- ในปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่อยู่ร้อยละ 0.99 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 2 – 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปีค่ะ
- ดอกเบี้ย 3 ปี เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ร้อยละ 3.40 ต่อปี
แบบที่ 3
- ไม่ทำประกัน
- ในปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่อยู่ร้อยละ 1.25 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 2 – 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปีค่ะ
- ในปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปีค่ะ
- ดอกเบี้ย 3 ปี เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ร้อยละ 3.41 ต่อปี
คุณจะเห็นได้เลยว่า การทำประกันนั้น ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าแบบที่ไม่ทำประกันค่ะ เพราะการทำประกันความมันจะช่วยลดความเสี่ยงของการไม่ชำระหนี้ จะช่วยทำให้ธนาคารไม่มีหนี้เสียนั่นเองค่ะ โดยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง หรือ EIR อยู่ที่ร้อยละ 4.85 ต่อปี และปัจจุบัน MRR = 7.12% ต่อปี หลายคนก็อาจจะงงกันอยู่บ้านนะคะ ว่า GLTSP และ MRTA แล้วทำไมต้องทำด้วย และต้องทำประกัน 2 แบบด้วย iMoney เราหาคำตอบมาไขข้อสงสัยให้กับคุณกับแล้วค่ะ ขออธิบาย MRTA ก่อนนะคะ
MRTA ย่อมาจาก Mortgage Reduced Term Assurance คือ “ประกันสินเชื่อบ้านแบบลดมูลค่า” หรืออีกชื่อหนึ่งที่ธนาคารส่วนใหญ่มักเรียกกันก็คือ “ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ” ก็ถือว่าเป็นประกันในอีกรูปแบบหนึ่งค่ะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกันความเสี่ยงให้กับผู้กู้นั่นเองค่ะ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันค่ะ โดย MRTA จะมีให้คุณเลือกความคุ้มครองอยู่ 2 แบบ คือ คุ้มครองแบบเต็มวงเงิน ตลอดระยะเวลาในการกู้ค่ะ เช่น ถ้าวงเงินกู้ของคุณอยู่ที่ 5,000,000 บาท ผ่อนระยะเวลา 30 ปี คุณก็จะได้รับความคุ้มครองเต็ม 5,000,000 บาท และตลอดระยะเวลา 30 ปี เลยค่ะ และอีกแบบหนึ่งก็คือ คุ้มครองแบบไม่เต็มวงเงิน และไม่เต็มระยะเวลาในการผ่อนชำระ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะให้ทำแบบ 70% ของวงเงินที่ได้รับค่ะ เช่น ถ้าวงเงินกู้ของคุณอยู่ที่ 5,000,000 บาท ผ่อนระยะเวลา 30 ปี คุณก็จะได้รับความคุ้มครองเต็ม 3,500,000 บาท และตลอดระยะเวลา 21 ปีแรกเท่านั้นค่ะ นั่นหมายความว่าในอีก 7 ปีที่เหลือจะไม่มีความคุ้มครองนะคะ ยังก็ลองเปรียบกันดูนะคะ ว่าคุณต้องการความคุ้มครองแบบไหน ซึ่งดูจากโปรโมชั่นที่ธนาคารกรุงไทยเสนอมานั้น ถ้าคุณเลือกแบบเต็มวงเงิน คุณก็จะได้ดอกเบี้ยที่ถูกลงค่ะ ทั้งนี้ การจ่ายเบี้ยประกันนั้นจะลดลงตามจำนวนวงเงินกู้ที่ลดลงค่ะ
GLT SP ย่อมาจาก Group Level Term Single Premium เป็น “ประกันที่มีวงเงินคุ้มครองคงที่” แต่เบี้ย ประกันอาจจะสูงกว่าประกันแบบอื่นๆ เพราะคุณต้องจ่ายเบี้ยประกันเท่าๆกันตามวงเงินที่คุณได้รับอนุมัติค่ะ และความคุ้มครองจะไม่ลดลงตามระยะเวลาและยอดหนี้ เช่น ถ้าวงเงินกู้ของคุณอยู่ที่ 5,000,000 ล้าน ผ่อนระยะเวลา 30 ปี แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันในปีที่ 20 นั้น และคุณยังมีหนี้กับธนาคารอยู่ที่ประมาณ 2,000,000 บาท คุณจะได้รับเงินประมาณ 5,000,000 บาท ไปโปะหนี้จากธนาคาร แล้วนำส่วนเหลือไปต่ออย่างอื่นได้อีกค่ะ
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทยให้คุณมีสิทธิ์เลือกได้ว่าคุณต้องการทำประกัน MRTA หรือ GLT SP ค่ะ
Credit : https://pixabay.com
ระยะเวลาในการผ่อนชำระสินเชื่อ Refinance บ้านกรุงไทย
คุณสามารถเลือกผ่อนได้นานสูงสุดถึง 30 ปีค่ะ แต่เมื่อรวมระยะเวลาในการผ่อนบวกกับอายุของคุณแล้วต้องไม่เกิน 65 ปีนะคะ
เอกสารหลักประกันในการทำรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทย
คุณจะต้องเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องในการรีไฟแนนซ์บ้านโดยมีรายละเอียด ดังนี้
- สำเนาโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ ในกรณีที่คุณต้องการรีไฟแนนซ์คอนโดมิเนียม
- สำเนาสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและแบบแปลนอาคารที่จะปลูกสร้าง ใบอนุญาตปลูกสร้างอาคาร
- รูปถ่ายที่อยู่อาศัยที่คุณต้องการจะรีไฟแนนซ์
- สำเนารายการบัญชีเงินกู้ สำเนาหนังสือสัญญากู้ และสำเนาหนังสือสัญญาจำนองหลักทรัพย์
เอกสารประกอบการสมัครรีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทย
- สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ (ควรจะขีดคร่อมระบุให้ชัดเจนว่าเอกสารนี้ใช้เพื่อในการรีไฟแนนซ์บ้านเท่านั้น)
- สำเนาทะเบียนบ้านของคุณ หากกู้ร่วมก็ต้องแนบสำเนาทะเบียนของผู้ที่กู้ร่วมมาด้วยค่ะ
- หากมีการจดทะเบียนสมรส ก็ต้องแนบสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน และใบทะเบียนสมรสของคู่สมรสของคุณมาด้วยค่ะ
- สำเนารายการบัญชีเงินฝาก หรือ Statement ทั้งของคุณ และผู้กู้ร่วม (ถ้ามี)
ช่องทางในการชำระเงิน refinance กรุงไทย
คุณจะต้องชำระที่ธนาคารกรุงไทยเท่านั้นค่ะ แต่จะในรูปแบบบริการไหนก็ได้ค่ะ ซึ่งจะไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆเลยค่ะ โดยช่องทางการชำระเงินของ ธนาคารกรุงไทย มีดังนี้
- ชำระด้วยเงินสด ณ เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ
- ชำระเงินจากบัญชีฝากออมทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย มีหลายช่องทางการในชำระค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการ
- การหักบัญชีเงินฝากแบบอัตโนมัติ
- ผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย ได้ทุกเครื่อง
- ชำระผ่านบริการ KTB netbank ผ่าน Smart Pahone
- ชำระผ่านบริการ เคทีบี เทเลแบงก์กิ้ง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-111-1111
สนใจสามารถสมัครสินเชื่อรีไฟแนนซ์กรุงไทยได้ที่นี่
หากคุณสนใจที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทย สมัครได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจะสมัครออนไลน์ เพียงคลิกที่นี่ได้เลยค่ะ https://www.homeloanonline.ktb.co.th/
คำถาม-คำตอบ ที่คุณควรจะรู้ก่อนที่จะรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารกรุงไทย iMoney เราได้รวบรวมมาฝากกันค่ะ เพื่อจะทำให้คุณเข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
วงเงินในการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทยได้เท่าไร?
วงเงินในการอนุมัตินั้นธนาคารจะแบ่งตามประเภทของหลักทรัพย์ค่ะ
- ในกรณีที่หลักทรัพย์เป็นประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ วงเงินสูงสุดจะอยู่ 90% จากราคาประเมิน
- ในกรณีที่หลักทรัพย์เป็นประเภทคอนโดมิเนียม วงเงินสูงสุดจะอยู่ 80% จากราคาประเมินค่ะ
- ในกรณีที่บ้านคุณมีราคาสูงตั้งแต่ 10,000,000 บาทขึ้นไป วงเงินสูงสุดจะอยู่ 80% จากราคาประเมินค่ะ
หากราคาบ้านที่นำมารีไฟแนนซ์อยู่ที่ 1,500,000 บาท และธนาคารตีราคาประเมินอยู่ที่ 2,000,000 บาท เราสามารถเบิกเงินส่วนต่างได้หรือไม่?
- ในกรณีคุณสามารถเบิกส่วนต่างอีก 500,000 บาท โดยให้ธนาคารโอนเงินเข้าบัญชีของคุณได้เลยค่ะ คุณก็จะได้เงินส่วนต่างนี้ไปใช้จ่ายได้เลยค่ะ
ในกรณีที่เรารีไฟแนนซ์แล้วได้รับวงเงินที่อนุมัติน้อยกว่ายอดหนี้ที่คงค้างกับธนาคารอื่นจะต้องทำอย่างไร?
- ในกรณีที่หากวงเงินที่คุณได้รับนั้น ยอดน้อยกว่าหนี้ที่เป็น คุณสามารถทำเรื่องขอกู้เพิ่มจากสินเชื่อ Home For Cash ได้เลยค่ะ ทั้งนี้ ยอดเงินที่จะอนุมัติธนาคารจะให้วงเงินไม่เกิน 100% จากราคาประเมินไว้ค่ะ แต่โดยธนาคารจะคิดดอกเบี้ยที่คุณ ในปีที่ 1-3 ร้อยละ MRR – 1.00 ต่อปี และในปีที่ 4 เป็นต้นไป ร้อยละ MRR
ประกันระหว่าง MRTA กับ GLT SP แตกต่างกันอย่างไร?
- ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าแตกต่างกันตรงที่ว่า
- MRTA เป็นประกันสินเชื่อบ้านแบบลดมูลค่า โดยเบี้ยประกันจะคิดจากยอดเงินต้นคงเหลือ โดยในแต่ละเดือนถ้าคุณผ่อนได้มากกว่าที่ธนาคารกำหนด แล้วในอนาคตเกิดเหตุอะไรกับคุณขึ้นมา วงเงินที่คุ้มครองก็จะมีมากกว่ายอดหนี้ที่มีกับธนาคาร ซึ่งก็ความหมายว่า ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้เงินในส่วนที่เหลือนั้นค่ะ
- GLT SP เป็นประกันที่มีวงเงินคุ้มครองคงที่ คุณได้รับวงเงินอนุมัติเท่าไร ผ่อนนานกี่ปี เบี้ยประกันคุณก็จะต้องจ่ายในแต่ละเดือนตามเงินต้นที่คุณได้รับจากธนาคาร ผ่อน 30 ปี คุณก็ต้องจ่ายเบี้ยประกันไป 30 ปี ปีละเท่าๆกัน แต่ข้อดีก็คือ หากคุณผ่อนไปแล้ว 25 ปี ยอดหนี้คุณเหลือเพียงไม่กี่แสน แต่คุณจะได้รับวงเงินประกันนั้นเต็มจำนวนที่ทำไว้ตั้งแต่แรกค่ะ ซึ่งทำให้ผู้รับผลประโยชน์จะได้มีเงินก้อนที่มากกว่า MRTA
หากต้องทำประกันควรเลือกทำประกันอะไรดีระหว่าง MRTA กับ GLT SP?
- ขอแนะนำเป็น GLT SP คุณอาจจะต้องจ่ายเบี้ยแพงกว่า MRTA หน่อยนึง แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มครองในระยะยาวแล้วจะคุ้มกว่า เพราะหากคุณผ่อนบ้านอยู่ที่ 30 ปี อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน หากคุณเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้คุณผ่อนมาได้ 20 ปี ซึ่งยังเหลือเวลาผ่อนอีก 30 ปี คุณก็จะรับเงินจากบริษัทประกันเต็มจำนวนที่คุณกู้มา โดยธนาคารจะนำเงินทั้งหมดที่ได้ไปหักหนี้แล้วโอนส่วนที่เหลือให้กับคุณค่ะ
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทย ธนาคารบังคับให้ทำประกันหรือไม่?
- ธนาคารไม่ได้บังคับให้คุณทำประกันค่ะ คุณสามารถเลือกเองได้เลยค่ะ ต้องการทำประกันหรือไม่ทำค่ะ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเขาจะทำกันค่ะ เพื่อประกันความเสี่ยงในอนาคต เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นค่ะ
ต้องการจะโปะหนี้บ้านหลังจากรีไฟแนนซ์ต้องหลังจากผ่อนไปแล้วกี่ปี?
- คุณมีเงินเมื่อไร สามารถนำมาโปะหนี้บ้านได้เลยค่ะ โดยธนาคารจะไม่คิดค่าธรรมเนียมใดๆเลยค่ะ ยกเว้นในกรณีที่คุณรีไฟแนนซ์ย้ายไปอีกธนาคารหนึ่งค่ะ หากทำอย่างนั้น คุณก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไขของธนาคารค่ะ
ย้ายมารีไฟแนนซ์บ้านกรุงไทยแล้ว พอหลังจาก 3 ปีไปแล้วจะทำการขอส่วนลดดอกเบี้ยได้หรือไม่?
- หากคุณเป็นลูกหนี้ที่ดี ผ่อนตรงเวลาทุกเดือน คุณสามารถไปขอทำการลดดอกเบี้ย หรือที่เราเรียกกันว่า “Retention” ธนาคารก็จะประเมินให้ค่ะ โดยจะนำดอกเบี้ยของธนาคารออมสินมาเป็นเกณฑ์ค่ะ โดยที่คุณจะได้รับดอกเบี้ยในปีที่ 4 เป็นต้นไป ที่ถูกลง โดยที่ไม่ต้องไปรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารอื่นอีกครั้งค่ะ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงไม่ต้องเสียเวลาไปติดต่อเรื่องเอกสารอีกด้วยค่ะ
หากคุณต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน ลองหาข้อมูลเยอะๆนะคะ เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายๆธนาคาร ยังไม่ต้องรีบร้อนค่ะ เพราะหากทำไปแล้วจะมาแก้ไขในภายหลังได้ยากค่ะ ฉะนั้นเรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆค่อยๆทำค่ะ คุณสามารถดูข้อมูลการรีไฟแนนซ์บ้านจากธนาคารต่างๆได้จาก imoney.in.th เราได้รวบรวมหลายธนาคารมาให้คุณได้ลองพิจารณาเปรียบเทียบ โปรโมชั่น ส่วนลด สิทธิประโยชน์ต่างๆ และที่สำคัญ คือเรื่องของดอกเบี้ยค่ะ เพราะที่คุณต้องการรีไฟแนนซ์ก็เพราะต้องการลดภาระของดอกเบี้ย ฉะนั้น ต้องดูเรื่องนี้ดีๆนะคะ อย่างที่เราเคยบอกไปว่า ถ้าจะเปรียบเทียบนั้น จะมาดูดอกเบี้ยแค่ในปีแรกปีเดียวไม่ได้นะคะ คุณจะต้องดูอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกค่ะ เพราะจะถูกจะแพงเรามาวัดกันตรงนี้ค่ะ นอกจากนี้เรายังมีบทความดีที่เกี่ยวกับการเงินมาให้คุณได้อ่านกันอีกมากมายเลยค่ะ ยังไงฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้กับพวกเราชาว iMoney ด้วยนะคะ และในครั้งหน้าเราจะมีเรื่องการเงินอะไรมาบอกกันอย่าลืมติดตามกันค่ะ
ขอบขอบคุณข้อมูลสำคัญจากธนาคารกรุงไทย www.ktb.co.th