สำหรับสังคมยุคใหม่ เดี๋ยวนี้การมีบัตรเครดิตเป็นเรื่องปกติของทุกคนไปแล้ว ด้วยประโยชน์ของบัตรเครดิตที่สามารถเพิ่มช่องทางในการจับจ่ายซื้อของได้อย่างสะดวกสบาย ซื้อก่อนค่อยผ่อนทีหลังชีวิตดี๊ดีจะตาย สำหรับคนที่บริหารจัดการหนี้ที่เกิดขึ้นจากบัตรเครดิตนี้ได้ก็จะมีความสุขต่อไป แต่สำหรับคนที่พลั้งเผลอใช้เงินในอนาคตเกินตัวหรือสุดท้ายไม่สามารถจัดการกับหนี้สินบัตรเครดิตเหล่านี้ได้ อาจเครียดและต้องการหาทางออก จึงเป็นที่มาของ “การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต” หลายๆคนอาจไม่รู้จักคำนี้ด้วยซ้ำจึงปล่อยให้หนี้สินบัตรเครดิตกลายเป็นหนี้เสีย วันนี้เราลองมาทำความรู้จักกันแล้วคุณจะรู้ว่า “สวรรค์มาโปรดมันมีอยู่จริง”
เช็คข้อมูลสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทุกธนาคารที่นี่
รับคำปรึกษาเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ที่ Line ของ iMoney
Advertising :
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การรวมหนี้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด รวมหนี้ทั้งหมดมาไว้ที่เดียวหรือที่เรามักจะเรียกว่าเป็นการโอนหนี้บัตรเครดิตนั่นเอง โดยการขอสินเชื่อเงินกู้ก้อนใหม่กับสถานบันการเงินแห่งใหม่หรือจะเป็นสถานบันการเงินเดิมก็ได้ ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ทำให้ยอดหนี้ที่จ่ายในแต่ละเดือนก็น้อยลง ดอกเบี้ยก็ถูกลง และยืดระยะเวลาในการผ่อนได้นานขึ้น และยิ่งเดี๋ยวหลายสถาบันการเงินก็จัดโปรโมชั่นส่วนลดดอกเบี้ยที่ถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตปกติ เพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับใครที่อยากรวมหนี้ไว้ที่เดียว สมัครก็ง่ายโดยที่ไม่ต้องมีคนหรือหลักทรัพย์ใดๆมาค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่ออีกด้วย
ข้อดีของการใช้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นจะช่วยทำให้คนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตที่มียอดจ่ายมากกว่ารายรับในแต่ละเดือนนั้นได้หายใจหายคอกันได้มากขึ้น แถมยังไม่ได้เสียเครดิตในการจ่ายหนี้ช้า หรือค้างจ่าย ในกรณีที่หมุนเงินไม่ทันอีกด้วย จึงทำให้การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ซึ่งเรามาดูกันสิว่าข้อดีของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นมีอะไรกันบ้าง
1. จ่ายดอกเบี้ยถูกลง
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นทำให้คุณจ่ายดอกเบี้ยถูกยังไงลองคิดตามดูนะคะ ว่าการที่คุณเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ แถมยังเป็นหนี้บัตรกดเงินสดด้วยอีก จ่ายเงินเพียงแค่ขั้นต่ำในแต่ละเดือน ดอกเบี้ยก็จะปรับเพิ่มสูงสุดตามเพดานหรือร้อยละ 28 ต่อปีและต่อบัตรหนึ่งใบ ยิ่งดอกเบี้ยสูงเท่าไร หนี้ก็จะเพิ่มขึ้น จ่ายมากขึ้น แต่ถ้าเลือกมากู้เงินปิดบัตรรวมหนี้ทั้งหมดมาไว้ที่เดียวกัน ดอกเบี้ยก็จะถูกกว่า ซึ่งการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นสามารถทำได้ให้วิธีไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อบ้านแลกเงิน โดยอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ก็จะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10 – 28 ต่อปี จะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละสถาบันการเงิน ก็จะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยถูกกว่ากันเห็นๆเลย เรามีตัวอย่างมาให้คุณได้ลองพิจารณาไปตามๆกันด้วยค่ะว่าถ้าไม่รีไฟแนนซ์กับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้น ดอกเบี้ยมีส่วนต่างกันมากน้อยแค่ไหน
วิธีการคำนวณดอกเบี้ยจะมีวิธีการคิดดังนี้
สมมุติ คุณมีบัตรเครดิตด้วยกัน 3 บัตร โดยกดเงินสดมาใช้เต็มวงเงินทุกบัตรเครดิต ฉะนั้นคุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยของแต่ละบัตรเครดิต ดังนี้
บัตรเครดิตใบที่ 1 มีวงเงิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 28 ต่อปี
• ฉะนั้นบัตรเครดิตใบนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 50,000 x 28% x 30 / 365 = 1,150 บาท
บัตรเครดิตใบที่ 2 มีวงเงิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 28 ต่อปี
• ฉะนั้นบัตรเครดิตใบนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 100,000 x 28% x 30 / 365 = 2,301 บาท
บัตรเครดิตใบที่ 3 มีวงเงิน 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 28 ต่อปี
• ฉะนั้นบัตรเครดิตใบนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 150,000 x 28% x 30 / 365 = 3,452 บาท
ดังนั้นจะเห็นได้เลยว่าในแต่ละเดือนนั้นคุณจะต้องดอกเบี้ยของบัตรเครดิตทั้ง 3 ใบนี้ รวมกันอยู่ที่ 6,903 บาท
กรณีที่คุณรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต นำหนี้ทั้งหมด 300,000 บาท มารีไฟแนนซ์ ด้วยการเสียอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 22 ต่อปี จะทำให้คุณจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่
• บัตรเครดิตใบนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ยอยู่ที่ 300,000 x 22% x 30 / 365 = 5,425 บาท
จะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นจะช่วยทำให้คุณประหยัดเงินในการจ่ายดอกเบี้ยได้ถูกลง
2. อัตราการผ่อนจ่ายต่อเดือนลดลง
การกู้เงินปิดบัตรเครดิตนั้นถ้าเรียกกันง่ายๆก็คือเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ แม้ว่ายอดเงินต้นจะยังคงเท่าเดิม แต่อัตราดอกเบี้ยนั้นจะถูกลง ทำให้คุณผ่อนจ่ายรายเดือนได้ลดลง และยืดระยะเวลาในการผ่อนได้นานถึง แต่ที่สำคัญมีระยะเวลากำหนดในการผ่อนจ่ายที่แน่นอน ทำให้คุณมีเงินเหลือใช้เพิ่มากขึ้นในแต่ละเดือน เราลองมาดูจากตัวอย่างนี้กันดูค่ะ
สมมุติว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต 3 บัตร จะต้องจ่ายหนี้รวมกันแล้วต่อเดือนจะอยู่ที่ 30,000 บาท
• บัตรเครดิตใบที่ 1 ภาระหนี้ 50,000 บาท ปัจจุบันผ่อนจ่ายรายเดือนอยู่ที่ 5,000 บาท
• บัตรเครดิตใบที่ 2 ภาระหนี้ 100,000 บาท ปัจจุบันผ่อนจ่ายรายเดือนอยู่ที่ 10,000 บาท
• บัตรเครดิตใบที่ 3 ภาระหนี้ 150,000 บาท ปัจจุบันผ่อนจ่ายรายเดือนอยู่ที่ 15,000 บาท
กรณีที่รีแนนซ์บัตรเครดิต ได้วงเงินอนุมัติอยู่ที่ 300,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 22 ต่อปี ระยะเวลาในการผ่อน 60 เดือน ฉะนั้นจะต้องจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 8,286 บาท
3. รวมหนี้จากหลายบัตรหลายธนาคารไว้เป็นที่เดียว
การมีบัตรเครดิตหลายบัตรหลายสถาบันการเงินนั้น บางทีก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะบัตรเครดิตแต่ละสถาบันการเงินก็มีโปรโมชั่นที่ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อไรก็ตามที่การมีบัตรเครดิตหลายใบทำให้เกิดเป็นหนี้สินที่อีรุงตุงนัง หมุนเงินไม่ทันก็ล่ะก็อาจจะทำให้คุณปวดหัวได้ แต่การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็จะช่วยโอนหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดให้เป็นหนี้ก้อนเดียว จ่ายแค่เพียงทางเดียว ง่ายต่อการบริหารจัดการในเรื่องการเงิน
4. เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
จากที่เห็นข้อดีไปแล้วว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดตนั้นจะช่วยทำให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง ยอดเงินผ่อนจ่ายก็น้อยลงตามไปด้วย ทำให้ในแต่ละเดือนจากยอดเงินที่ต้องจ่ายเป็นหลักหมื่นเหลือเพียงแต่หลักพัน ในขณะที่หนี้ก็ยังคงเท่าเดิม คุณก็จะมีเงินเหลือใช้ในกระเป๋ามากขึ้น การเงินมีความคล่องตัว สามารถนำเงินที่เหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่น หรือนำไปต่อยอดธุรกิจในด้านต่างๆของตัวเองได้อีกด้วย
5. การรักษาเครดิตทางการเงิน
การมีเครดิตทางการเงินก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับในการกู้ยืมเงินกับสถาบันการเงินต่างๆ เพราะเขาจะต้องพิจารณาว่าที่ผ่านมามีประวัติการจ่ายเงินเป็นอย่างไร ล่าช้าไหม ยอดภาระหนี้เท่าไร แต่การรวมหนี้หรือรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้น ทำให้คุณจ่ายหนี้ได้น้อยลง หมุนเงินได้คล่องขึ้น สามารถจ่ายได้ทันตามกำหนด ซึ่งก็จะเป็นผลดีในการขอสินเชื่อในอนาคตต่อไป
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเหมาะกับใคร
สำหรับการใช้สินเชื่อปิดบัตรเครดิตนั้นสามารถตอบโจทย์สำหรับคนที่มีหนี้บัตรเครดิตอยู่หลายใบ หมุนเงินไม่ทัน แต่ละเดือนมียอดหนี้ที่จะต้องจ่ายสูง จ่ายได้เพียงแค่ขั้นต่ำเท่านั้น ทำให้ดอกเบี้ยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆบวกกับค่าธรรมเนียม ค่าปรับในเวลาที่บางเดือนจ่ายไม่ทันบ้างอะไรบ้าง ฉะนั้นเรามาดูกันสิว่าคุณเข้าข่ายและเหมาะแกการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตหรือไม่นั้น มาดูกันเลยค่ะ
1. มีบัตรเครดิตหลายใบ
ยิ่งมีบัตรเครดิตหลายใบก็ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้บัตรเครดิตมากขึ้นเท่านั้น แถมยังจะต้องมานั่งจ่ายดอกเบี้ยหลายเท่าเพราะจะเบิ้ลไปตามจำนวนของบัตรเครดิตที่มี แต่ถ้ารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตรวมหนี้ไว้ก้อนเดียวกับสถาบันการเงินเดียว ก็จะทำให้เสียดอกเบี้ยแค่ทางเดียว จ่ายได้น้อยลง มีเงินเหลือใช้มากขึ้น และปลดหนี้บัตรเครดิตได้เร็วขึ้น
2. จ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตในอัตราสูง
อย่างที่บอกไว้ว่าการเป็นบัตรเครดิตหลายใบ ก็จะทำให้เสียดอกเบี้ยมากขึ้น และยิ่งถ้าจ่ายแค่เพียงขั้นต่ำ ดอกเบี้ยก็จะยิ่งทบๆไปเรื่อยๆ จากหนี้ก้อนเล็กก็จะกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ จากดอกเบี้ยแค่หลักร้อยเป็นหลักพัน จะดีกว่าไหมถ้ารีไฟแนนซ์เพื่อลดการจ่ายน้อยเบี้ยน้อยลง นำเงินส่วนต่างที่ลดลงมาจ่ายเงินต้นให้หนี้หมดเร็วน่าจะคุ้มกว่าการที่เราจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง
3. ต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
การรีไฟแนนซ์นั้นตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินก้อน เพื่อหมุนเวียนในธุรกิจ มีรายรับรายจ่ายเข้าออกอยู่ทุกวัน และปัจจุบันนี้เศรษฐกิจก็มีขึ้นมีลง ค่าเงินก็แข็งเพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ทำให้ได้เงินน้อยลง ไหนยังจะต้องมาแบกรับภาระหนี้บัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ฉะนั้นการรีไฟแนนซ์ก็จะเป็นอีกทางออกหนึ่งที่ช่วยทำให้ Save เงินในกระเป๋าในเพิ่มขึ้น และมีเงินเหลือใช้จ่ายในธุรกิจมากขึ้น
การเตรียมตัวก่อนรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าข่ายและอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะกับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้น ขั้นตอนต่อไปก็ควรที่จะต้องรู้ว่าถ้าต้องการจะรีไฟแนนซ์จะต้องเตรียมตัวอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ
1. สำรวจภาระหนี้ของตัวเอง
ก่อนอื่นเลยคุณจะต้องสำรวจตัวเองว่าปัจจุบันมีภาระหนี้สินเท่าไร ตอนนี้เป็นหนี้อยู่กี่บัตร ยอดเงินเท่าไร ตอนนี้เสียดอกเบี้ยอยู่ที่เท่าไร และอัตราการผ่อนในแต่ละเดือนอยู่ที่เท่าไร และก็จะต้องดูรายรับของตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะในการรีไฟแนนซ์นั้นสถาบันการเงินก็จะต้องพิจารณาจากรายได้ของคุณด้วยว่ามีกำลังในการผ่อนไหม
2. ศึกษาหาข้อมูลในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นจะไม่ได้มีทุกสถาบันการเงิน ซึ่งคุณจะต้องหาข้อมูลว่ามีสถาบันการเงินไหนบ้างที่เปิดรับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต รวมหนี้บัตรเครดิตให้กับคุณ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลต่างๆของแต่ละสถาบันการเงินมาเปรียบเทียบ อย่างแรกเลยที่จะต้องดูนั้นก็คือ อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อน มีโปรโมชั่นส่วนลดของอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีแรกๆไหม รวมถึงการดูเงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์ด้วย เพื่อที่คุณจะได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง
เอกสารในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
สำหรับเอกสารในการสมัครสินเชื่อเพื่อปิดบัตรเครดิตก็จะคล้ายๆกับการสมัครบัตรเครดิตทั่วไป ซึ่งจะแยกประเภทอาชีพของคุณ ดังนี้
- กรณีที่มีรายได้ประจำ (พนักงานบริษัทเอกชน / ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสากิจ)
- สำเนาบัตรประชาชน (กรณีที่ใช้เป็นบัตรข้าราชการหรือบัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจจะต้องแนบสำเนาทะเบียนบ้านมาด้วย
- สลิปเงินเดือน ย้อนหลังไม่เกิน 2 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน ซึ่งจะต้องระบุ อัตราเงินเดือน ตำแหน่งความรับผิดชอบ และอายุในการทำงาน
- สำเนาบัญชีเงินฝากที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 3 – 6 เดือน (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละสถานบันการเงิน)
- สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกของธนาคารที่จะต้องระบุชื่อ เลขที่บัญชี ที่จะให้ธนาคารโอนเงินเข้าในกรณีที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ
- กรณีที่มีประกอบธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาบัตรประชาชน
- หนังสือรับรองบริษัท จะต้องมีอายุไม่เกิน 3 เดือน
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
- ใบกรมทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีเงินฝากที่เงินเดือนเข้าย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกของธนาคารที่จะต้องระบุชื่อ เลขที่บัญชี ที่จะให้ธนาคารโอนเงินเข้าในกรณีที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
สำหรับใครที่ต้องการจะรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เพื่อลดภาระการจ่ายหนี้ในแต่ละเดือนนั้น จะต้องมีขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดังนี้
1. เลือกสถาบันการเงินในการรีไฟแนนซ์
จากที่ได้ศึกษาหาข้อมูล และเปรียบเทียบข้อดี ดอกเบี้ยของแต่ละสถาบันการเงินแล้วว่าจะโอนหนี้บัตรเครดิตที่ไหนดี ให้คุณตัดสินใจเลือกสมัครสินเชื่อเพื่อในการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้เลย
2. เตรียมเอกสารในการสมัครรีไฟแนนซ์
เตรียมเอกสารต่างๆในการสมัคร ไม่ว่าจะเป็นเอกสารส่วนตัว เอกสารที่แสดงถึงรายได้ เอกสารที่เกี่ยวกับทำงาน และบางสถาบันการเงินอาจจะต้องใช้สำเนาใบเสร็จที่จ่ายหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงินเดิมด้วย ฉะนั้นดูเงื่อนไขและเอกสารในการสมัครของแต่ละสถาบันการเงินให้ดีๆ
3. สมัครรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
ปัจจุบันการสมัครสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นมีหลายหลายช่องทาง ไม่วาจะเป็นการไปสมัครด้วยตัวเองที่ธนาคาร เลือกสาขาที่ใกล้และสะดวกที่สุด หรือจะสมัครผ่านทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสถาบันการเงินนั้น หรือจะเป็นสมัครผ่านตัวแทนทางการเงินต่างๆ
4. เตรียมตัวให้พร้อม
แม้ว่าการสมัครสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตนั้นคุณจะได้ส่งเอกสารต่างๆไปครบถ้วนแล้วก็ตาม บางสถาบันก็จะมีการโทรเข้ามาสอบถามเรื่องภาระหนี้สินต่างๆ รายได้ อายุการทำงาน เพื่อประกอบการพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง สำหรับคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ จ่ายดอกเบี้ยที่แพงเกินความจำเป็น และมีภาระหนี้ในการจ่ายมากในแต่ละเดือน แต่นั้นก็อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการปิดหนี้บัตรเครดิต เพราะยอดหนี้นั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปจากเดิม เพียงแต่ว่าเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระหนี้ให้เท่านั้น ซึ่งวิธีที่สุดสำหรับการเป็นหนี้บัตรเครดิตนั้นก็คือ จะต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง รอบคอบ มีวินัยทางการเงิน ทุกครั้งที่จ่ายจะต้องนึกถึงตอนที่จ่ายคืน ดอกเบี้ยที่ตามมาในภายหลัง เพียงแค่นี้ก็จะทำให้คุณไม่ต้องเป็นทาสของบัตรเครดิต แม้ว่าการมีบัตรเครดิตจะมีข้อดีในการซื้อสินค้า แต่ถ้าถ้าไม่รู้จักใช้บัตรเครดิตก็จะย้อนทำร้ายคุณได้เช่นกัน
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตธนาคารไหนดี
ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่เปิดบริการให้บริการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเพื่อปลดหนี้บัตรเครดิต ซึ่งแต่ละธนาคารก็มีเงื่อนไขและข้อตกลงที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะศึกษาและเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกให้ดีที่สุดค่ะ มาค่ะมาดูว่ามีธนาคารไหนให้บริการนี้กันบ้าง
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนทำการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
จุดประสงค์ของการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
เป็นที่ทราบกันอยู่ว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตแพงมาก นั่นคือประมาณ 28% ต่อปี การทำรีไฟแนนซ์ก็เพื่อจะได้ลดดอกเบี้ยลงมา ซึ่งก็แล้วแต่ว่าธนาคารแห่งใหม่จะคิดเท่าไร อย่างธนาคารทหารไทยรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยมีโปรโมชั่น ดอกเบี้ยปีแรกที่ 10% เป็นต้น นอกจากนี้เมื่อรีไฟแนนซ์แล้วอาจได้เงินส่วนต่างมาใช้จ่ายได้อีกด้วย
วงเงินที่ได้ส่วนใหญ่เป็นเท่าไร?
วงเงินสูงสุดที่ธนาคารใหม่จะพิจารณาไม่เกิน 100% ของภาระหนี้คงเหลือรวมทั้งหมดค่ะ
ส่วนใหญ่รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตแล้วใช้เวลาการผ่อนนานขนาดไหน?
เมื่อรีไฟแนนซ์แล้วจะมีระยะเวลาในการผ่อนชำระตั้งแต่ 18 – 36 เดือน หรือบางที่ให้ถึง 60 เดือน ก็มีค่ะ
ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์เพื่อปิดบัตรเครดิต
สำหรับการย้ายค่ายแบบนี้แน่นอนอาจต้องมีค่าใช้จ่ายกันบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่นโยบายขอแต่ละธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 0.5% ของวงเงินสินเชื่อค่ะ
เมื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตไปแล้ว วงเงินบัตรเครดิตเดิมยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า?
ตอบ วงเงินเดิมยังคงใช้ได้อยู่ค่ะ
หากมีปัญหาในฐานข้อมูลหนี้ค้างชำระ จะสามารถรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ไหม?
ตอบ ถ้ามีปัญหาเรื่องฐานข้อมูลหนี้ค้างชำระ แบบนี้รีไฟแนนซ์ไม่ได้นะคะ
คำถามที่พบบ่อยอื่นๆที่เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
-
- เป็นหนี้บัตรเครดิตเท่าไหร่ถึงโดนฟ้อง
- วิธีปลดหนี้บัตรเครดิต
- ปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต
- หนี้บัตรเครดิตอายุความกี่ปี
- ประนอมหนี้บัตรเครดิต
- ติดหนี้บัตรเครดิตสามารถเปิดบัญชีได้ไหม
- หนี้บัตรเครดิตหักเงินในบัญชี
- ขั้นตอนการทวงหนี้บัตรเครดิต
- หนี้บัตรเครดิตกรณีเสียชีวิต
- ภรรยาเป็นหนี้บัตรเครดิต
- ข้าราชการเป็นหนี้บัตรเครดิต
- หนี้บัตรเครดิตยึดทรัพย์
- เป็นหนี้กยศสมัครบัตรเครดิตได้ไหม
- ติดแบล็คลิสรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
- รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตดอกเบี้ยต่ํา
- หนี้บัตรเครดิตเยอะซื้อรถได้ไหม
เราไม่หยุดก่อหนี้ยังไงปัญหานี้มันก็จะยังไม่จบและมีต่อไปได้เรื่อยๆ ดังนั้นทางออกที่ดีก็คือ การประหยัดใช้จ่ายอย่างพอเพียง ใช้บัตรเครดิตให้พอดีกับงบประมาณในกระเป๋า รวมถึงชำระหนี้ให้ครบถ้วน ตรงตามกำหนดเวลา แบบนี้จึงเป็นทางแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวค่ะ สุดท้ายขอให้ทุกคนสู้ๆอย่าพึ่งท้อแท้กับชีวิตนะคะ เพราะปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอค่ะ
สำหรับใครที่เข้ามาตามหารหัสลับจาก facebook chat รหัสลับคือ “weloveimoney” นะครับ
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก Pixabay.com