รวมข้อมูลประกันภัยรถยนต์ที่ดีที่สุด 2563 ประกันภัยรถยนต์มีแบบไหนบ้าง ชั้น 1 2 3 คืออะไร แล้วซื้อของบริษัทไหน ใครกำลังหาข้อมูลประกันรถห้ามพลาด
สำหรับคนที่มีรถยนต์ก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าหน้าที่หลักๆเลยก็คือ การต่อ พ.ร.บ. และประกันภัยรถยนต์ในแต่ละปี เพราะกฎหมายบังคับอยู่แล้วว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องมีประกันภัยรถยนต์อย่างน้อย 1 อย่าง นั่นก็คือการทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งจะเรียกว่า “ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ” นอกจากนี้ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับแล้วก็ยังมีอีกมีประกันอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ “ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ” ที่ให้เพื่อนๆได้ซื้อประกันความคุ้มครองเพิ่มเติม แต่อย่างที่เพื่อนๆรู้กันว่าการต่อ พ.ร.บ. นั้นก็คงจะค่อยไม่ปัญหากันเท่าไรเพราะในเรื่องของความคุ้มครอง และราคาเบี้ยประกันภัยก็ไม่แตกต่างกันเท่าไรไม่ว่าจะทำกับบริษัทไหนก็เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนี่สิที่ทำให้หลายๆคนอาจจะสับสนเลือกไม่ถูก เพราะประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนั้นมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 ที่ให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันไหม รวมถึงเบี้ยประกันภัยก็ไม่เท่ากันอีกด้วย แต่เพื่อนๆไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ iMoney เราได้รวบรวม 10 ประกันภัยรถยนต์ที่น่าสนใจ จากบริษัทประกันภัยชั้นนำมาฝากกัน อย่ารอช้ากันเลยไปอ่านพร้อมๆกันเลยค่ะ
ตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่น่าสนใจ ประจำปี 2563
ประกันชีวิต | ประเภทประกันภัยรถยนต์ | ชื่อผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น | เบี้ยประกันภัย |
สินมั่นคง | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 | ประกันภัยรถยนต์คนกรุง | สมัครง่าย รถยนต์ที่มีอายุไม่เกิน 12 ปี เบี้ยประกันภัยคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง ที่มาพร้อมกับความคุ้มครองในทุกกรณี และเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นไม่ถึงหมื่นด้วย | เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 9,600 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับทุนประกันภัย |
อาคเนย์ประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 | ประกันภัยรถยนต์ Upper 1st Class Platinum | สำหรับรถยนต์ที่อายุการใช้งานไม่เกิน 7 ปี เหมาะมากสำหรับรถใหม่ป้ายแดง คุ้มครองจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะเกิดกรณีใด ทั้งตัวบุคคลและทรัพย์สินความเสียหายที่เกิดขึ้น | ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ |
กรุงเทพประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 | ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า | คุ้มค่ากับทุกการใช้จ่าย ที่ช่วยให้ประหยัดกว่าประกันภัยชั้น 1 แบบปกติ ให้คุ้มครองที่ครอบคลุม ทุกอุบัติเหตุ ทั้งรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และเพิ่มความอุ่นใจทุกเส้นทาง ด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ทุกที่ทั่วไทย | เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 9,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับทุนประกันภัย |
แอลเอ็มจี ประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 | ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+ | ให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม สมัครได้กับรถยนต์ทุกยี่ห้อ และเลือกได้ว่าจะเข้าซ่อมรถยนต์ที่ศูนย์บริการ หรือที่อู่รถยนต์ | เบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ |
ธนาคารธนชาต | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 | ประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 1 แสน และประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 2 แสน | สมัครง่าย จ่ายเบี้ยประกันภัยสบายๆด้วยการผ่อนเบี้ยด้วยดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน และให้ความคุ้มครองไม่ว่าจะรถชน หาย ไฟไหม้ และได้รับเงินชดเชยค่าเดินทางในกรณีที่รถยนต์เข้าซ่อม และชดเชยรายได้ในกรณีที่นอนพักที่โรงพยาบาล | เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 7,999 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยที่เลือก |
วิริยะประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 | ประกันภัยรถยนต์ 2+Extra | สมัครได้ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ หรือรถตู้ ที่ให้ความคุ้มครองทุกกรณีจากชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงรถยนต์หาย และไฟไหม้ | เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 10,800 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ |
สินมั่นคง | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 | ประกันภัยรถยนต์ 2+ ถูกผิดรับเลย | สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสภาพรถ ไม่กำหนดอายุการใช้รถยนต์ ให้ความคุ้มครองทั้งกรณีที่รถชน หาย ไฟไหม้ และยังได้รับเงินค่าชดเชยในระหว่างที่รถยนต์เข้าซ่อม | เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 7,750 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับทุนประกันภัย |
เมืองไทยประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 | เมืองไทย ขับดียกกำลัง 8 | ความคุ้มครองสุดเวอร์ไม่ว่ากรณีที่รถชนรถ รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และยังได้รับเงินชดเชยค่าใช้จ่ายระหว่างซ่อม ที่มาพร้อมความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล ค่ารักษาพยาบาลให้วงเงินสูงหลักแสน | เบี้ยประกันภัยเพียง 8,888 บาท |
เมืองไทยประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2 | เมืองไทย 2+ คุ้มเว่อร์ | คุ้มครองแบบเยอะเว่อร์ ที่ให้ทั้งกรณีรถชน หาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ให้ความคุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเสียหายทั้งคัน พร้อมให้ความช่วยเหลือยามฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และยังได้รับเงินค่าชดเชยในระหว่างที่รถยนต์เข้าซ่อม | เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 8,400 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับทุนประกันภัย |
กรุงเทพประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3 | ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ Special | สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย ไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก พร้อมให้ความคุ้มครองรถยนต์ของคุณและรถยนต์คู่กรณีด้วยวงเงินหลักแสน | เบี้ยประกันภัยเพียง 6,500 บาท |
ประกันภัยรถยนต์คนกรุง จากสินมั่นคง
เมืองกรุงอย่างที่เรารู้ๆกันว่ามีรถยนต์มากเพิ่มขึ้น ด้วยการเดินทางในเมืองกรุงที่มีปัญหาจราจรบนท้องถนนทุกวัน เราขอแนะนำประกันภัยรถยนต์คนกรุง ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคนเมืองกรุงเป็นอย่างดี เป็นประกันภัยชั้น 1 ที่ให้การคุ้มครองในทุกกรณีไม่ว่าจะรถชนรถ รถชนของ รถคันอื่นมาชน เกิดอุบัติเหตุนอกเมือง สูญหายไฟไหม้ น้ำท่วม จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่ถึงหลักหมื่นแต่ให้ความคุ้มครองที่เกินคุ้ม ด้วยการจ่ายเบี้ยประกันภัยคงที่เท่ากันทุกปีไม่มีเพิ่ม ให้ต้องกังวลใจ โดยที่รถยนต์ที่สามารถสมัครทำประกันภัยได้นั้นจะต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 12 ปี จะรถใหม่หรือรถเก่าก็มีประกันภัยดีๆ ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะรับประกันเฉพาะรถเก๋งส่วนบุคคล หรือรถกระบะ 4 ประตู หรือรถกระบะมีแค็ปจดบุคคล และยังมีทุนประกันให้เลือกด้วยกันถึง 6 ช่วงทุนประกันอีกด้วย
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : จ่ายเบี้ยประกันภัยคงที่ เริ่มต้นเพียง 9,600 บาท
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์คนกรุง ประกันชั้น 1 : โดยจะแบ่ง 2 ประเภทตามรถยนต์
- รถเก๋ง หรือกระบะ 4 ประตูจดเก๋ง
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองไม่เกิน 6 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
- รถกระบะมีแค็ปที่จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคล
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 300,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 600,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองไม่เกิน 5 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
ช่องทางการสมัครประกันรถยนต์สินมั่นคง: สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันสินมั่นคง หรือจะซื้อผ่านโชว์รูม ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
ประกันภัยรถยนต์ Upper 1st Class Platinum จากอาคเนย์ประกันภัย
หมดห่วงไร้กังวล อุ่นใจทุกการเดินทาง ด้วยประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ทำให้ความคุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะรถชนกับรถด้วยกัน หรือรถชนกับสิ่งอื่นๆ หรือรถหายโดนขโมย ไฟไหม้ แม้กระทั่งได้รับความเสียหายเนื่องจากภัยก่อการร้ายก็ยังจะได้รับความคุ้มครอง รถยนต์ที่จะสมัครได้นั้นจะต้องมีอายุไม่เกิน 7 ปี หากเลือกการซ่อมที่ศูนย์บริการรถยนต์จะต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี แต่ถ้าเลือกการซ่อมอู่รถยนต์ก็จะต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 7 ปี โดยที่จะต้องมีการตรวจสภาพรถก่อนการรับประกันภัย
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันรถยนต์ Upper 1st Class Platinum ประกันชั้น 1
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายเนื่องจากภัยก่อการร้าย จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 2,500,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จนทำให้คุณหรือคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยเกิดเสียชีวิต หรือจะต้องสูญเสียอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง หรือทำให้ทุพพลภาพถาวร จะได้รับความคุ้มครองเป็นเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองจะแบ่งไปตามประเภทของรถยนต์หากเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลจะคุ้มครองไม่เกิน 7 คน รถกระบะส่วนบุคคล คุ้มครองไม่เกิน 3 คน แต่ถ้าเป็นรถตู้บุคคล คุ้มครองไม่เกิน 10 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา หากเลือกการซ่อมที่ศูนย์บริการ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 300,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา หากเลือกการซ่อมที่อู่ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
ช่องทางการสมัคร : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันอาคเนย์ประกันภัย หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า จากกรุงเทพประกันภัย
สำหรับคนที่มั่นใจว่าเป็นคนที่ขับรถดี ไม่ค่อยมีอุบัติเหตุ ไม่มีการเคลม รถยนต์จะต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี จดทะเบียนเป็นรถส่วนบุคคล โดยที่จะต้องไม่ใช่เป็นรถรับจ้าง หรือรถเพื่อให้การเช่า และจะต้องเป็นรถยนต์ที่มีนั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง หากมีคุณสมบัติที่กล่าวไปนั้น เราขอแนะนำเลือกทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า ที่ให้ความคุ้มครองที่สุดคุ้ม จ่ายเบี้ยประกันภัยน้อยแต่ความคุ้มครองที่จัดหนัก จัดเต็ม ครอบคลุม ทุกอุบัติเหตุ ทั้งรถชน รถหาย ไฟไหม้ รวมถึงคุ้มครองความเสียหายจากภัยก่อการร้าย แต่ถ้าเมื่อเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้งก็จะต้องจ่ายค่าความส่วนแรกอยู่ที่ 5,000 บาทต่อครั้ง เพียงแค่จ่ายเบี้ยประกันภัยในราคาที่สบายกระเป๋า แต่ได้รับความคุ้มครองที่จัดหนักจัดเต็ม พร้อมให้บริการคอยช่วยเหลือยามฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุอยู่ที่ไหนของประเทศไทย
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 9,000 บาท ซึ่งจะแบ่งไปตามประเภทของรถยนต์
- กลุ่มรถยนต์ เช่น Honda Accord, CRV, Toyota Camry, Wish, Nissan Teana, Isuzu Mu7 ฯลฯ เบี้ยประกันภัยเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 – 18,600 บาท
- กลุ่มรถยนต์ เช่น Honda Civic, Toyota Altis, Innova, Fortuner, Ford Escape, Mazda 3 ฯลฯ เบี้ยประกันภัยเฉลี่ยอยู่ที่ 9,600 – 14,000 บาท
- กลุ่มรถยนต์ เช่น Honda City, Jazz, Toyota Avanza, Vios, Vigo, Nissan Tiida, Navara, Mitsubishi Triton, Isuzu D Max, Ford Ranger ฯลฯ เบี้ยประกันภัยเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 – 10,000 บาท
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 2,500,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองไม่เกิน 4 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 300,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายเนื่องจากภัยก่อการร้าย จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท
ช่องทางการสมัครประกันรถยนต์ : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันกรุงเทพประกันภัย หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+ จากแอลเอ็มจี ประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ที่ให้ความคุ้มครองกรณีรถสูญหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม ให้ความคุ้มครองรถยนต์ของคุณและคู่กรณี แถมไม่กำหนดยี่ห้อรถยนต์ในการสมัครทำประกันภัยอีกด้วย ใครที่ไม่ต้องการจ่ายแพงแต่อยากได้ความคุ้มครองแบบประกันภัยชั้น 1 สมัครเลยกับประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+ ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย ยิ่งถ้ารถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานมานานแล้ว และยังจำเป็นจะต้องใช้รถยนต์อยู่บ่อยๆครั้ง ประกันภัยรถยนต์ชั้นนี้ก็เหมาะกับคุณเลย พร้อมให้คุณได้เลือกเองด้วยว่าจะซ่อมรถยนต์ที่ศูนย์บริการชั้นนำ หรือจะเลือกซ่อมที่อู่ที่อยู่ในเครือ LMG
อัตราค่าเบี้ยประกันภัยรถจาก LMG : เบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ ประเภท 2+
- คุ้มครองกรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต และกรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย
- คุ้มครองอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคลกับคนขับและผู้โดยสารที่ร่วมเดินทาง ไม่ว่าจะเสียชีวิต หรือจะต้องสูญเสียอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง หรือทำให้ทุพพลภาพถาวร จะได้รับค่ารักษาพยาบาล
- ให้เงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา
- บริการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง
ช่องทางการสมัครประกันรถยนต์ LMG : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันแอลเอ็มจีประกันภัย หรือสามารถดูรายละเอียดต่างๆได้ที่นี่
ประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 1 แสน และประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 2 แสน จากธนาคารธนชาต
สำหรับคนที่ไม่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันภัยที่แพงเกินไป แต่อยากได้ความคุ้มครองเหมือนกันประกันภัยชั้น 1 สมัครนี้เลย ประกันภัยรถยนต์ 2+ ที่มีทุนประกันให้เลือกด้วยกันคือ ทุนประกันภัย 100,000 บาท หรือทุนประกันภัย 200,000 บาท บาท และแน่นอนว่าเมื่อมีทุนประกันให้เลือก 2 ประเภท เบี้ยประกันภัยก็ย่อมแตกต่างกันไป โดยประกันภัยชั้น 2 นี้จะให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็มทุกความคุ้มครองไม่ว่ารถยนต์จะชน รถหาย รถไฟไหม้ ไม่เพียงเท่านั้นยังได้รับค่าชดเชยค่าเดินทาง เมื่อนำรถยนต์อยู่ระหว่างการซ่อม และยังได้รับเงินชดเชยกรณีที่จะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และพร้อมให้ความช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมงเลย และธนชาตยังใจดีให้ผ่อนจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยได้สบายๆด้วยดอกเบี้ย 0% ผ่อนได้นานสูงถึง 10 เดือน และยังสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ในกรณีที่เกิดน้ำท่วมที่ให้ความคุ้มครองสูงถึง 100,000 บาท
อัตราค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ : หากเลือกสมัครประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 1 แสน เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 7,999 บาท หรือสูงสุด 8,900 บาท แต่ถ้าเลือกสมัครประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 2 แสน เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 8,600 บาท หรือสูงสุด 9,900 บาท และหากซื้อความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 500 บาทต่อปี
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ 2+ จัดเต็ม 1 แสน และ 2+ จัดเต็ม 2 แสน ธนาคารธนชาต
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 100,000 จนถึง 1,000,000 บาท
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 100,000 – 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
ความคุ้มครองเพิ่มเติมที่จะได้รับ
- กรณีที่รถยนต์อยู่ระหว่างการซ่อม จะได้รับเงินค่าชดเชยค่าเดินทาง ครั้งละ 1,000 บาท ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกก็จะได้รับเงินเท่ากัน
- กรณีที่จะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะได้รับเงินค่าชดเชยการขาดรายได้ วันละ 1,000 บาท จะได้รับไม่เกิน 30 วันต่อครั้ง หรือสูงสุดอยู่ที่ 30,000 บาท
ช่องทางการสมัครประกันภัยรถยนต์ ธนาคารธนชาต : สมัครได้ที่ธนาคารธนชาตทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
ประกันภัยรถยนต์ 2+Extra จากวิริยะประกันภัย
ใครที่ยังทำประกันภัยชั้น 1 ที่จ่ายแพงไปในแต่ละปี ลองฟังทางนี้เรามีประกันภัยรถยนต์ 2+Extra จากวิริยะประกันภัย ที่มาพร้อมกับทุนประกันภัย 200,000 บาท ซึ่งประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ที่ให้ความคุ้มครองไม่เป็นสองรองประกันภัยชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองทั้งความเสียหายต่อชีวิต หรือจะเป็นทรัพย์สิน หรือรถหาย รถไฟไหม้ ไม่ว่ากรณีไหนก็ให้ความคุ้มครอง แถมที่สำคัญก็คือเบี้ยประกันภัยที่จ่ายสบายๆถูกกว่าประกันภัยชั้น 1 อีกด้วย
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : หากเป็นรถเก๋ง เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 10,800 บาทต่อปี แต่ถ้าเป็นรถกระบะ หรือรถตู้ เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 12,690 บาทต่อปี
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ 2+Extra จากวิริยะประกันภัย
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์เสียหายจากน้ำท่วม จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 100,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 200,000 บาท
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 300,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
ช่องทางการสมัครประกันภัยรถยนต์ : สมัครได้ที่ตัวแทนวิริยะ หรือจะเป็นที่โชว์รูมรถยนต์ หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
ประกันภัยรถยนต์ 2+ ถูกผิดรับเลย จากสินมั่นคง
ประกันภัยรถยนต์ที่ทำให้อุ่นใจได้เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ ด้วยการทำประกันภัยรถยนต์ 2+ ถูกผิดรับเลย เป็นประกันภัยชั้น 2 ที่ให้การคุ้มครองไม่แพ้ประกันภัยชั้น 1 และราคาเบี้ยประกันภัยก็ไม่สูงมากนัก ทำให้ไม่ต้องกังวลใจไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก ก็จะได้รับความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าในการเกิดเหตุนั้นจะเป็นความผิดของคุณหรือของบุคคลอื่น รวมถึงสูญหายไฟไหม้ และหากเกิดอุบัติเหตุทำให้รถยนต์เสียจนต้องเข้าซ่อมไม่สามารถใช้รถได้ ก็จะได้รับเงินชดเชยค่าเดินทางระหว่างการจัดซ่อมรถอีกด้วย และที่สำคัญประกันรถยนต์นี้รับรถยนต์ทุกยี่ห้อ ไม่กำหนดอายุรถในการรับประกัน และไม่ต้องตรวจสภาพรถ ด้วยเงื่อนไขง่ายๆแบบนี้ก็สามารถสมัครทำประกันภัยรถยนต์ได้แล้ว
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 7,750 บาท
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ 2+ ถูกผิดรับเลย สินมั่นคง
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่รถยนต์เสียหายที่เกิดจากการชน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองไม่เกิน 6 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์อยู่ระหว่างการซ่อม จะได้รับเงินค่าชดเชยค่าเดินทาง วันละ 500 บาท ซึ่งจะเบิกเงินได้สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อปี
ช่องทางการสมัคร : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันสินมั่นคง หรือจะซื้อผ่านโชว์รูม ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
เมืองไทย ขับดียกกำลัง 8 จากเมืองไทยประกันภัย
ประกันภัยชั้น 2 ที่สุดคุ้มจริง สำหรับรถเก๋งกลุ่มเอเชีย หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า รถตลาดค่ะ ได้แก่พวกรถของ Toyota Honda Nissan Chevrolet Zafira, Ford Mazda Mitsubishi ซึ่งรถยนต์จะต้องมีอายุการใช้ไม่เกิน 20 ปีเลยค่ะ นับว่าเป็นยี่ห้อยอดนิยมที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้กันมากขึ้น และยังให้ความคุ้มครองมาเต็มไม่ว่ารถชนรถ รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงในกรณีที่รถอยู่ระหว่างการซ่อมก็จะได้รับเงินชดเชยค่าใช้จ่ายระหว่างซ่อม จ่ายเบี้ยประกันภัยเบาๆเพียงแค่ราคาเดียว 8,888 บาท
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : จ่ายเบี้ยประกันภัยเพียง 8,888 บาท
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เมืองไทย ขับดียกกำลัง 8
- กรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายที่มาจากน้ำท่วม จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์ของคุณไปขับชนกับรถยนต์แล้วให้เกิดความเสียหาย จะได้รับความคุ้มครองต่อรถยนต์ของคุณด้วยวงเงิน 200,000 บาทต่อครั้ง แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องระบุคู่กรณีได้ด้วย
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองไม่เกิน 5 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์อยู่ระหว่างการซ่อม จะได้รับเงินค่าชดเชยค่าเดินทางซึ่งจะเบิกเงินได้สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อปี และจะเบิกได้ก็ต่อเมื่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นคุณเป็นฝ่ายที่ถูกเท่านั้น
ช่องทางการสมัครประกันรถยนต์กับเมืองไทยประกันภัย : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันเมืองไทยประกันภัย หรือจะซื้อผ่านโชว์รูม ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
เมืองไทย 2+ คุ้มเว่อร์ จากเมืองไทยประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ที่มาพร้อมกับความคุ้มครองที่คุ้มเวอร์ ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าการทำประกันภัยชั้น 1 แถมยังจ่ายเบี้ยประกันภัยที่ถูกกว่า แต่ความคุ้มครองมาเต็ม ทั้งรถชน รถหาย รถไฟไหม้ หรือจะรถเสียหายจากน้ำท่วม รถอยู่ระหว่างการซ่อมก็ยังจะได้รับเงินชดเชยค่าเดินทางอีกด้วย โดยที่ไม่กำหนดด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกก็ตาม แถมเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ไหนก็ตามในประเทศไทยก็มีบริการให้ความช่วยเหลือที่ทันใจตลอด 24 ชั่วโมง อุ่นใจทุกการเดินทางไปการประกันภัยเมืองไทย 2+ คุ้มเว่อร์ สนใจสมัครเลยจ่ายเพียงประกันภัยเพียงแค่หลักพัน พร้อมรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 20 ปีกันไปเลย มีเลือกด้วยกันถึง 3 แผน เริ่มต้นทุนประกันที่ 100,000 หรือจะเลือกเป็นแผน 2 ที่มีทุนประกัน 200,000 บาท และแผนที่ 3 ที่มีทุนประกัน 300,000 บาท คุ้มเวอร์สมชื่อจริงๆเลย
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : เบี้ยประกันภัยจะขึ้นอยู่แผนที่เลือก ซึ่งจะมีแผนให้เลือกด้วยกันถึง 3 แผน ได้แก่
- แผนที่ 1 ทุนประกันภัยอยู่ที่ 100,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัย 8,400 บาทต่อปี
- แผนที่ 2 ทุนประกันภัยอยู่ที่ 200,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัย 8,900 บาทต่อปี
- แผนที่ 3 ทุนประกันภัยอยู่ที่ 300,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัย 9,431 บาทต่อปี
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากเมืองไทย 2+ คุ้มเว่อร์ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์สูญหาย หรือรถยนต์ไฟไหม้ จะได้รับความตามทุนประกันภัย ตั้งแต่ 100,000 – 300,000 บาท
- กรณีที่รถยนต์ของคุณไปขับชนกับรถยนต์แล้วให้เกิดความเสียหาย จะได้รับความตามทุนประกันภัย ตั้งแต่ 100,000 – 300,000 บาท
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์เกิดความเสียหายที่มาจากน้ำท่วม จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่รถยนต์อยู่ระหว่างการซ่อม จะได้รับเงินค่าชดเชยค่าเดินทางซึ่งจะเบิกเงินได้ 1,000 บาทต่อครั้ง และเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี ซึ่งจะเบิกได้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกก็ตาม
ช่องทางการสมคร : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันเมืองไทยประกันภัย หรือจะซื้อผ่านโชว์รูม ทุกสาขา ทั่วประเทศ
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ Special จากกรุงเทพประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ที่ให้ความคุ้มครองไม่เป็นสองรองใคร ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับตัวรถยนต์ทั้งของคุณและคู่กรณี ด้วยทุนประกันภัยสูงสุดถึง 100,000 บาท หากอุบัติเหตุในครั้งนั้นคุณเป็นฝ่ายผิดก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกอีกด้วย หากใครที่ไม่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงและไม่ต้องการความคุ้มครองที่เกี่ยวกับน้ำท่วม ก็เลือกประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ Special ซึ่งต้องบอกเลยว่าเหมาะกับคุณอย่างแน่นอน จ่ายเบี้ยประกันเพียงแค่หลักพันเท่านั้น แต่ความคุ้มครองก็สูงถึงหลักแสน แถมสมัครง่ายๆ รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ไม่ต้องตรวจสภาพรถยนต์ และไม่ว่าขับรถยนต์ที่ไหนก็อุ่นใจได้เลยเพราะมีบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศเพื่อเพิ่มความอุ่นใจในทุกเส้นทาง
อัตราค่าเบี้ยประกันภัย : จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 6,500 บาท
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันภัยรถยนต์ประเภท 3+ Special
- กรณีเกิดอุบัติเหตุจนทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัยสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
- กรณีที่คู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บที่ทำให้ร่างกายหรือชีวิต จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 500,000 บาทต่อคน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ทรัพย์สินของคู่กรณีเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ส่วนบุคคล จะให้ความคุ้มครองของผู้ที่ขับขี่และผู้โดยสาร จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน และค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 50,000 บาทต่อคน ซึ่งจะคุ้มครองไม่เกิน 6 คน
- กรณีที่มีเรื่องที่เป็นคดีความ ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือในการประกันตัวสำหรับผู้ขับขี่ในคดีอาญา จะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 250,000 บาทต่อครั้ง
ช่องทางการสมัครประกันภัยรถยนต์ : สมัครได้ที่ตัวแทนขายประกันกรุงเทพประกันภัย หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงแค่คลิกที่นี่ได้เลย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำประกันภัยรถยนต์
ประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท
- การทำประกันภัยรถยนต์นั้นจะมีด้วยกันอยู่ 2 ประเภท คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ คืออะไร
- ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า ประกันภัย พ.ร.บ. ก็คือการทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ตามกฎหมายได้บังคับให้รถยนต์ทุกคันจะต้องทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ เพื่อคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ประสบภัยที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตที่เกิดจากรถยนต์ หากได้รับบาดเจ็บก็จะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับโรงพยาบาลว่าจะได้รับค่ารักษาพยาบาลอย่างแน่นอน แต่ถ้าในกรณีที่เสียชีวิตก็จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นค่าทำศพ ทั้งนี้ในการทำประกันภัย พ.ร.บ. ก็จะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยและครอบครัว ซึ่งเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับนี้ก็มีราคาที่ต่ำกว่าประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ คืออะไร
- การทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ก็ตามชื่อเลยกฎหมายไม่ได้บังคับการทำประกันภัยรถยนต์ชนิดนี้ก็ขึ้นกับความสมัครของแต่ละบุคคล และประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนี้ก็มีให้เลือกด้วยกันหลายแบบ ที่ให้ความคุ้มครองทั้งตัวบุคคลและรถยนต์ ทั้งของตัวเองและคู่กรณี
กรมธรรม์การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือ ประกันภัย พ.ร.บ. คุ้มครองอะไรบ้าง
- ตามหลักประกันภัย พ.ร.บ. จะได้รับความคุ้มครองเมื่อเกิดความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจะแบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ และค่าทำศพในกรณีที่เสียชีวิต โดยที่ไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าอุบัติเหตุในครั้งนั้นใครเป็นฝ่ายผิด ทางประกันภัยจะจ่ายให้กับผู้ประสบภัยหรือให้กับทายาท ภายใน 7 วัน ซึ่งมีวงเงินความคุ้มครอง ดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ซึ่งจะจ่ายให้ตามจริงกรณีบาดเจ็บ จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 30,000 บาทต่อคน
- ค่าทดแทนกรณีสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือทำให้ทุพพลภาพถาวร ซึ่งทางประกันภัยจะจ่ายให้เบื้องต้นอยู่ที่ 35,000 บาทต่อคน
- ค่าทดแทนกรณีเสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือค่าทำศพและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวกับการจัดการงานศพ 35,000 บาทต่อคน
- นอกจากจะได้รับค่าความเสียหายเบื้องต้นแล้วยังจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนอีกด้วย โดยสินไหมทดแทนนี้จะจ่ายต่อเมื่อมีความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้ประสบภัยในนามผู้เอาประกันภัย ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายต่อผู้ประสบภัย เนื่องจากรถที่ใช้หรืออยู่ในทาง หรือเนื่องจากสิ่งที่บรรทุกหรือติดตั้งในรถนั้น ซึ่งมีวงเงินความคุ้มครอง ดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลจ่ายให้ตามจริงกรณีบาดเจ็บ จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 80,000 บาทต่อคน
- ค่าทดแทนกรณีสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือทำให้ทุพพลภาพถาวร จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาทต่อคน
- ค่าทดแทนกรณีเสียชีวิต จะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาทต่อคน
- ค่าชดเชยการขาดรายได้ในกรณีที่จะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะได้รับเงินวันละ 200 บาท และเมื่อรวมกันแล้วจะได้รับสูงสุดไม่เกิน 20 วัน
ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจมีกี่ประเภท
- หากแบ่งประเภทของประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจแล้วนั้นก็แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ก็คือ ประกันภัยประเภท 1 ประกันภัยประเภท 2 ประกันภัยประเภท 2+ ประกันภัยประเภท 3 และประกันภัยประเภท 3+
ประกันภัยประเภท 1 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือประกันชั้น 1 เป็นประกันภัยที่ดีที่สุดให้ความคุ้มครองที่ครบถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรถชนรถ ชนเสาไฟฟ้า ชนฟุตบาท หรือชนอะไรก็ได้ที่ไม่มีคู่กรณี ประกันก็เคลมให้ได้ โดยจะคุ้มครองค่าเสียหายต่อรถยนต์ของคันที่เอาประกันและคันคู่กรณี ค่าเสียหายของทรัพย์สินทั้งในรถยนต์คันเอาประกันและคันคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาล และค่ายาสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสารรถยนต์คันเอาประกันและรถยนต์คันคู่กรณี นอกจากนี้แล้วยังให้ความคุ้มครองในกรณีรถยนต์ถูกโจรกรรม หรือได้รับความเสียหายที่จากอุบัติเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม และแน่นอนความคุ้มครองมากมายขนาดนี้เบี้ยประกันภัยก็ย่อมสูงที่สุดเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วการเลือกทำประกันชั้น 1 นี้ก็จะเหมาะกับรถใหม่ป้ายแดง ที่มีความเสี่ยงในการสูญหายสูง หรือรถยนต์ที่จะใช้งานเป็นประจำทุกวันหรือรถยนต์ที่ใช้งานหนัก เพราะมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และสำหรับมือใหม่หัดขับ ที่ยังขับรถยนต์ไม่คล่องนั้น แนะนำให้เลือกเป็นประกันชั้น 1 นี้เลย
ประกันภัยประเภท 2 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 หรือประกันชั้น 2 เป็นประกันภัยที่ดีรองลงมาจากประกันภัยชั้น 1 ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองและรับผิดชอบทางร่างกายของผู้เอาประกันภัยและคู่กรณี รถยนต์และทรัพย์สินของคู่กรณี และยังให้การคุ้มครองในกรณีที่รถยนต์โดนขโมยหรือได้รับความเสียหายที่จากอุบัติเหตุไฟไหม้ ซึ่งประกันชั้น 2 นี้จะเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์บ่อยมากนัก และเป็นคนที่มีความชำนาญพร้อมด้วยประสบการณ์ในการขับรถยนต์
ประกันภัยประเภท 3 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันภัยรถยนต์ประเภท 3 หรือประกันชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบตัวรถและทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการทำประกันภัยรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด และเบี้ยประกันภัยก็จ่ายน้อยที่สุดเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วคนที่นิยมทำประกันชั้น 3 นี้จะเป็นกลุ่มคนที่มีรถเก่าอายุเกิน 7 ปี หรือ 10 ปีขึ้นไป ที่ต้องการความคุ้มครองจากการขับขี่ที่จะเกิดขึ้นสำหรับคคลภายนอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
ประกันภัยประเภท 2 กับ ประกันภัยประเภท 2+ แตกต่างกันอย่างไร
- ข้อแตกต่างกันอยู่หลักๆ เพียงแค่ 2 อย่างก็คือ ความคุ้มครองที่ได้รับไม่เท่ากัน และราคาเบี้ยประกันที่ไม่เท่ากัน ประกันชั้น 2 จะให้ความคุ้มครองเพียงแค่ในกรณีที่รถชนรถ และเราเป็นฝ่ายผิด โดยจะซ่อมรถให้คู่กรณีเท่านั้น แต่ไม่ซ่อมรถให้กับเรา และยังให้ความคุ้มครองกรณีที่รถสูญหายและไฟไหม้ แต่ในส่วนของประกันชั้น 2+ ก็จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถชนรถ โดยจะซ่อมรถให้ทั้งเราและคู่กรณี รวมถึงกรณีรถสูญหายและไฟไหม้ ซึ่งข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ การซ่อมรถให้กับเรานั่นเอง โดยคนส่วนใหญ่ก็จะนิยมเลือกทำประกันชั้น 2+ เพราะเพิ่มเงินอีกเพียงเล็กน้อย แต่ได้รับความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกับประกันชั้น 1
ประกันภัยประเภท 3 กับ ประกันภัยประเภท 3+ แตกต่างกันอย่างไร
- ข้อแตกต่างกันอยู่หลักๆ เพียงแค่ 2 อย่างเช่นกัน ความคุ้มครองที่ได้รับไม่เท่ากัน และราคาเบี้ยประกันที่ไม่เท่ากัน ประกันชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองเพียงแค่ในกรณีที่รถชนรถ และเราเป็นฝ่ายผิด โดยจะซ่อมรถให้คู่กรณีเท่านั้น แต่ไม่ซ่อมรถให้กับเรา แต่ในส่วนของประกันชั้น 3+ ก็จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถชนรถ โดยจะซ่อมรถให้ทั้งเราและคู่กรณี ซึ่งต้องบอกเลยว่าการทำประกันชั้น 3 หรือประกันชั้น 3+ นี้จะไม่คุ้มครองในกรณีที่รถหายหรือไฟไหม้
รถยนต์ประเภทไหนบ้างที่จะต้องทำประกันภัย พ.ร.บ
- รถทุกประเภท ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถกระบะ รถตู้ รวมถึงรถรับจ้าง รถให้เช่า และรถส่วนบุคคลด้วย โดยมีอัตราค่าเบี้ยประกันภัยเป็นอัตราเดียว แต่แตกต่างกันตามประเภทของรถและขนาดของรถ
หากไม่ทำประกันภัย พ.ร.บ. มีความผิดหรือไม่
- อย่างที่เราบอกไปแล้วว่ากฎหมายบังคับให้รถยนต์ทุกคันจะต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. แต่ถ้าใครไม่ทำ หรือ พ.ร.บ. หมดอายุแล้วยังไม่ได้ต่อ หากตรวจพบก็จะมีความผิดโดยจะต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท
ค่าความเสียหายส่วนแรก คืออะไร
- ค่าความเสียหายส่วนแรก หรือที่เรียกสั้นว่า ค่าเอ็กเซส (Excess) เป็นค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องจ่ายเงินเองให้กับบริษัทประกันภัย เมื่อเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง และจะต้องเป็นอุบัติเหตุขึ้นแล้วเราเป็นฝ่ายผิด โดยส่วนใหญ่แล้วเวลาทำประกันภัยนั้นจะมีเงื่อนไขแจ้งว่าจะต้องเสียค่า Excess นี้เท่านั้น จะมีให้เลือกตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท เช่น หากตอนทำประกันภัยรถยนต์กรมธรรม์มีเงื่อนไขกำหนดค่าความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท และต่อมามีการแจ้งเคลมและเราเป็นฝ่ายผิด เรามีค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถคิดเป็นมูลค่า 3,000 บาท ก็เท่ากับว่าเราต้องร่วมจ่ายค่าความเสียหายส่วนแรกอยู่ที่ 2,000 บาท และส่วนที่เหลืออีก 1,000 บาท บริษัทประกันภัยก็จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง สำหรับใครที่ขับรถเกิดอุบัติเหตุที่มาจากบุคคลอื่นเช่น โดนชนท้าย หรือโดนเบียดจนทำให้รถเป็นรอย และเราเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่าความเสียหายส่วนแรกเลย
การซ่อมห้าง กับการซ่อมอู่ ต่างกันอย่างไร
- การซ่อมห้าง หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า ซ่อมศูนย์ คือ การเลือกซ่อมที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อรถยนต์นั้นๆ หรืออู่ที่ได้มาตรฐานคุณภาพเทียบเท่า ซึ่งถ้าเป็นรถใหม่ๆก็จะเลือกซ่อมที่ศูนย์บริการ เนื่องจากมีความมั่นใจในการซ่อมและการเลือกใช้อะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมเป็นอะไหล่แท้จากศูนย์เพราะเป็นการสั่งตรงจากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อนั้น หรือรถยนต์บางรุ่นก็จะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะรถยนต์ยี่ห้อนั้นในการซ่อม และที่สำคัญในการซ่อมนั้นก็จะได้คุณภาพมาตรฐานของแบรนด์รถยนต์
- การซ่อมอู่ คือ การเลือกซ่อมที่อู่ทั่วๆไป ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- การซ่อมอู่ในเครือของบริษัทประกันรถยนต์ ทำให้เวลาเรานำรถยนต์ไปส่งซ่อมก็สามารถซ่อมได้เลย โดยที่ไม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน แต่ถ้าในส่วนไหนที่อยู่นอกเหนือจากที่ประกันไม่ได้คุ้มครองเราก็จะต้องจ่ายเงินในส่วนที่เกินนั้น
- อู่นอกเครือของบริษัทประกันรถยนต์ คือ เป็นอู่ทั่วไปๆที่ไม่ได้อยู่ในการรับรองจากบริษัทประกันภัยที่เราได้ทำไว้ ซึ่งทำให้เวลาเรานำรถยนต์ไปส่งซ่อมนั้นก็จะต้องจ่ายเงินเองไปก่อน แล้วค่อยนำใบเสร็จมาเบิกในภายหลัง
การเลือกซ่อมศูนย์บริการกับการซ่อมอู่ มีผลกับเบี้ยประกันภัยหรือไม่
- การสมัครทำประกันภัยรถยนต์นั้น ในกรมธรรม์ก็จะมีให้เราเลือกว่าจะเลือกซ่อมที่ศูนย์บริการหรือจะเลือกซ่อมกับอู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันภัย และแน่นอนถ้าเราเลือกซ่อมกับศูนย์บริการ เบี้ยประกันภัยก็ย่อมจะสูงประมาณ 20% กว่าการเลือกซ่อมอู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันภัย
การเคลมประกันภัยรถยนต์ แบ่งเป็นกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร
- การเคลมสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ การเคลมสด และการเคลมแห้ง โดยมีความแตกต่างกันดังนี้
- การเคลมสด คือ การแจ้งเหตุโดยทันทีเมื่อเกิดเหตุอุบัติเหตุขึ้นทางเราได้แจ้งกับพนักงานหรือหรือตัวแทนบริษัทประกันได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยจะต้องมีคู่กรณีอยู่ หรือคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ หรือรถของเราหรือรถคู่กรณีเสียหายหนักมาก เช่น หากเราขับรถอยู่แล้วเกิดอุบัติเหตุไปชนกับรถอีกคัน หรือรถหาย หรือรถไฟไหม้ ทางเจ้าหน้าที่ประกันก็จะออกเอกสารให้กับเรา เพื่อเราสามารถนำรถเข้าซ่อมได้ที่ศูนย์บริการหรืออู่ในเครือของบริษัทประกันภัยเพื่อให้ทำการซ่อมรถยนต์ให้ทันที
- การเคลมแห้ง คือ การแจ้งเหตุภายหลังที่เกิดเหตุ การเคลมลักษณะนี้คือเราสามารถทำเรื่องการเคลมได้เอง โดยที่ตัวแทนบริษัทประกันไม่ต้องลงพื้นที่จริงเพื่อสำรวจความเสียหาย โดยส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเป็นอุบัติเหตุที่เล็กน้อย หรือรถยนต์มีความเสียหายไม่มาก หรือบางทีก็ชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ถอยรถชนกับประตูรั้วบ้าน หรือเอารถไปสีกับกำแพงบ้านจนทำให้รถเป็นรอย สิ่งเหล่าต่างๆเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นเราก็โทรไปแจ้งกับตัวแทนประกันได้เลย และสามารถนำรถเข้าไปติดต่อที่ศูนย์บริการหรืออู่ในเครือของบริษัทประกันภัยได้ตลอดเวลา แต่จะต้องไปก่อนที่กรมธรรม์จะหมดอายุ
ใบเคลมมีอายุกี่ปีนับแต่วันที่แจ้งเคลม
- ใบเคลมนั้นจะมีอายุ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่บริษัทประกันภัยออกเอกสาร โดยระหว่าง 2 ปีนี้เราจะนำรถเข้าซ่อมวันไหนก็ได้ตามแต่ที่เราสะดวก แต่ถ้าให้ดีนั้นก็ควรจะรีบนำรถยนต์ไปเข้าซ่อมที่ศูนย์บริการหรืออู่ในเครือของบริษัทประกันรถยนต์ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ถ้าไม่มีเคลม เบี้ยประกันภัยจะลดลงทุกๆปีหรือไม่
- การทำประกันภัยรถยนต์นั้น โดยเฉพาะประกันชั้น 1 แล้วนั้นเบี้ยประกันภัยจะลดลงทุกปี ในกรณีที่ไม่มีการเคลมใดๆ หรือเรียกได้ว่ามีประวัติการขับขี่ที่ดี แต่การลดเบี้ยประกันภัยนั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละบริษัทประกันภัยด้วย เพราะบางแห่งก็ไม่มีส่วนลด แต่ในขณะที่บางแห่งก็ให้ส่วนลด
มีวิธีการคำนวณค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์อย่างไร
- การคำนวณเบี้ยประกันภัยรถยนต์นั้น จะมีปัจจัยหลายองค์ประกอบการในพิจารณาคิดค่าเบี้ยประกันภัย แต่โดยหลักๆแล้วจะดูจาก ยี่ห้อรถยนต์ รุ่นรถยนต์ รูปแบบการใช้รถ อายุการใช้งานของรถยนต์ การเลือกเงื่อนไขความคุ้มครอง จำนวนทุนประกันภัย ประวัติการขับขี่ และค่าความเสียหายส่วนแรก สิ่งต่างๆเหล่านี้บริษัทประกันภัยก็นำมาคิดคำนวณออกมาเป็นเบี้ยประกันภัย
หากต้องการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะสามารถทำสูงสุดได้กี่ปี และสามารถเลือกทุนประกันได้เองหรือไม่
- สามารถทำได้สูงสุด 15 ปี ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่เงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัยด้วย โดยในการเลือกทุนประกันภัยรถยนต์สามารถเลือกเองตามที่ต้องการได้เลย เพียงแต่ว่าทุนประกันที่เลือกนั้นจะต้องไม่ไม่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าราคาตลาดของรถคันที่เราทำประกันภัย โดยหลักแล้วเราจะคำนวณง่ายๆได้จากดูราคารถเราและก็เลือกทุนประกันประมาณ 80%
ประกันรถยนต์มีให้เลือกด้วยกันมากมาย หลากหลายผลิตภัณฑ์ ฉะนั้นก่อนที่เพื่อนๆจะตัดสินใจที่จะทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนั้น ก่อนอื่นเลยจะต้องสำรวจตัวเองเสียก่อนว่าเป็นคนที่มีความชำนาญในการขับรถไหม? ใช้รถบ่อยแค่ไหน? รถใหม่หรือเป็นรถเก่า? ที่ให้ถามตัวเองก็เพื่อจะได้เลือกประกันภัยได้คุ้มค่าที่สุด เพราะถ้าเป็นคนที่ออกรถใหม่ป้ายแดงก็แนะนำให้ทำประกันภัยชั้น 1 ไปเลย เพื่อที่จะได้ครอบคลุมทุกกรณี แต่ถ้ารถยนต์ใช้มาสักระยะหลายปีแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ต้องจ่ายแพงกับประกันภัยชั้น 1 เลือกเป็นประกันภัยชั้น 2+ ที่ให้ความคุ้มครองไม่แตกต่างกันประกันภัยชั้น 1 แถมเบี้ยประกันยังถูกกว่าอีกตั้งหลายพัน และยิ่งถ้ามีรถที่เก่ามากประกอบการไม่ค่อยได้ใช้รถอีกด้วยนั้น เลือกเป็นประกันภัยชั้น 3+ เลยรับรองคุ้มสุดๆ และหากเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากรู้รายละเอียดที่เกี่ยวประกันรถยนต์นั้นก็แวะเข้าไปอ่านได้ที่เว็บไซต์ iMoney.in.th ได้เลย เราได้รวบรวมประกันจากหลากหลายบริษัท ไม่เพียงเท่านี้เรายังมีบทความดีๆอีกมากมายที่เกี่ยวการเงินในทุกรูปแบบหรือที่เกี่ยวกับการทำประกันอีกด้วย อ่านที่นี่ที่เดียว ครบทุกเรื่อง ที่เกี่ยวกับการเงิน