รวมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ซื้อประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพที่ไหนดี คุ้มครองทุกการเจ็บป่วยรวมถึงโรคร้ายแรง หมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล
ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นิยมหันมาสนใจดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ การเลือกรับประทานที่มีประโยชน์ หรือที่หลายคนมักจะเรียกกันว่า “อาหารคลีน” นั่นเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่หลายคนหันมาดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรคภัย ในบางครั้งเรื่องของโรคภัยที่แม้เราจะป้องกันแค่ไหนก็ตามก็อาจจะเกิดขึ้นกับเราได้เสมอ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วแน่นอนสิ่งที่ตามก็คือเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลนั่นเอง ซึ่งหลายคนก็คงจะรู้กันอยู่แล้วว่าค่ารักษาพยาบาลสมัยนี้ราคาก็สูงเลยใช่ไหมล่ะคะ และอาจจะมีบางคนที่มีประกันชีวิตอยู่แล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงเรื่องของค่ารักษาพยาบาล แล้วจะดีกว่าไหมถ้าเรามีประกันชีวิตที่พ่วงมากับประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วยหรือเป็นโรคร้ายแรง และยังได้รับเงินชดเชยรายได้เมื่อต้องนอนพักรักษาตัวอีกด้วย วันนี้ iMoney จึงขอเอาใจสำหรับคนที่กำลังมองหาประกันชีวิตที่พ่วงประกันสุขภาพมาด้วยนั้น บอกเลยว่าไม่ควรพลาดบทความนี้อย่างแน่นอน เพราะเราได้รวบรวมประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ จากบริษัทประกันชีวิตต่างๆ มาไว้ที่นี่แล้ว จะน่าสนใจแค่ไหนเรามาดูพร้อมๆกันเลยค่ะ
รวมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ จากบริษัทประกันชีวิตที่น่าสนใจ
บริษัทประกันชีวิต |
ชื่อผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น |
เงื่อนไขการสมัคร |
กรุงเทพประกันชีวิต |
ประกันชีวิต ห่วงรัก พรีเมียร์ | จ่ายเบี้ยสั้น คุ้มครองชีวิตนานถึงอายุ 90 ปี และยังสามารถซื้อประกันสุขภาพพ่วงได้ | อายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 70 ปี ประกันภัย 20 ปี แต่คุ้มครองจนถึงอายุ 90 ปี |
ธนาคารทหารไทย | ประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ | จ่ายเบี้ยต่ำ แต่คุ้มครองชีวิตสูง รับเงินชดเชยเมื่อแอดมิด คุ้มครอง 41 โรคร้ายแรง และเบี้ยลดหย่อนภาษีได้ |
อายุตั้งแต่ 20 – 60 ปี และจ่ายเบี้ยประกันภัย 5 ปี แต่คุ้มครองจนถึงอายุ 99 ปี |
ธนาคารไทยพาณิชย์ |
ประกันชีวิต LifeCARE 80/70 ดูแลสุขภาพ | คุ้มครองชีวิต และดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งยามเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ และจะได้รับเงินคืนเมื่อยามเกษียณ | อายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปจนถึง 60 ปี และจ่ายเบี้ยตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย |
ไทยประกันชีวิต
|
ประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 99 คุ้มครองสุขภาพ | จ่ายเบี้ยประกันภัยหลักหมื่นคุ้มครองหลักล้าน เหมาจ่ายค่ารักษาได้สูงถึงหลักล้าน คุ้มครองไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ รวมไปถึงกรณีที่ค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัดและอื่นๆ |
เริ่มทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน – 70 ปี โดยที่จะต้องจ่ายเบี้ยตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย |
พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต |
ประกันชีวิต พรูอีซี่ แคร์ | จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่ถึงหลักหมื่น คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยใน และคุ้มครองกรณีที่รักษาโรคมะเร็ง | อายุตั้งแต่ 20 – 60 ปี และจ่ายเบี้ยประกันภัยได้จนถึงอายุ 65 ปี |
ธนาคารกรุงเทพ | ประกันชีวิต บัวหลวงห่วงครอบครัว | สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ คุ้มครองทั้งชีวิตและกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง และหลากหลายแผนความคุ้มครองกับระยะเวลาในการคุ้มครอง |
อายุตั้งแต่ 20 – 60 ปี และจ่ายเบี้ยประกันภัยระยะเวลา 10 ปี หรือ 15 ปี |
Credit : https://www.canva.com
ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ห่วงรัก พรีเมียร์ จากกรุงเทพประกันชีวิต
ประกันชีวิต ห่วงรัก พรีเมียร์ ที่ช่วยทำให้อุ่นใจ ด้วยการคุ้มครองชีวิตที่ยาวนานจนถึงอายุ 90 ปี ไม่ว่าคุณจะมีชีวิตอยู่ ก็จะได้รับเงินก้อนไปใช้ได้ทันที หรือเสียชีวิต ก็จะกลายเป็นมรดกให้แก่ลูกหลาน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาลำบากในอนาคต ไม่เพียงเท่านี้สำหรับใครที่อยากทำประกันชีวิตและพ่วงประกันสุขภาพเพิ่มนั้น ก็เลือกสมัครประกันชีวิต ห่วงรัก พรีเมียร์ เป็นสัญญาหลักก่อนได้เลย หลังจากก็มาซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมโดยมีให้เลือกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ หรือกรณีที่เกิดเป็นโรคร้ายแรง และเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกด้วย งั้นอย่ารอช้าเรามาดูว่าผลประโยชน์ความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นมีอะไรบ้าง รวมไปถึงเงื่อนไขต่างๆในการสมัครกันเลยดีกว่าค่ะ
จุดเด่นของประกันชีวิตห่วงรัก พรีเมียร์
- จ่ายเบี้ยสั้น คุ้มครองชีวิตนานถึงอายุ 90 ปี
- สามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมได้
- ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิต ก็ยังได้รับเงินเมื่อครบสัญญา
ผลประโยชน์และความคุ้มครองจากประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ห่วงรัก พรีเมียร์ที่จะได้รับ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
- กรณีที่มีชีวิตอยู่จนครบสัญญา จะได้รับเงิน 100% ของจำนวนเงินเอาทุนประกันภัย
- กรณีที่เสียชีวิต จะได้รับเงิน 100% ของจำนวนเงินเอาทุนประกันภัย หรือเบี้ยประกันภัยที่จ่ายมาทั้งหมด ซึ่งจะต้องดูว่ายอดเงินไหนมากกว่ากัน
อัตราเบี้ยประกันภัยรายปี ซึ่งจะคำนวณโดยฐานมาจาก จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กรณีที่ผู้ทำประกันชีวิตเป็นผู้ชาย
- ทำประกันชีวิตตอนอายุแรกเกิด เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 12.71 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 14.63 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 20 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 17.53 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 30 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 21.45 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 40 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 27.75 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 50 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 37.76 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 60 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 55.72 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 70 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 78.06 บาท
- กรณีที่ผู้ทำประกันชีวิตเป็นผู้หญิง
- ทำประกันชีวิตตอนอายุแรกเกิด เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 11.42 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 12.61 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 20 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 14.85 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 30 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 18.06 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 40 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 23.25 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 50 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 31.57 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 60 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 46.38 บาท
- ทำประกันชีวิตตอนอายุ 70 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 67.02 บาท
ทั้งนี้ หากเลือกทุนประกันภัยตั้งแต่ 300,000 – 499,999 บาท จะได้รับส่วนลด 1 บาทต่อทุนประกันภัย 1,000 บาท และทุนประกันภัยตั้งแต่ 500,000 บาท จะได้รับส่วนลด 2 บาทต่อทุนประกันภัย 1,000 บาท
Credit : https://pixabay.com
คราวนี้เรามาดูในส่วนของคนที่ต้องการซื้อประกันสุขภาพพ่วงด้วย นั่นก็คือประกันสุขภาพ บีแอลเอ เฮลธ์ พลัส ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตด้วยวงเงินที่สูง ครอบคลุม ทำให้หมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปได้เลย และคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก สำหรับล้างไต การทำเคมี และรังสีบำบัด หรือจะเลือกรับเงินชดเชยรายได้ก็ยังได้ และมีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 5 แผน โดยมีแผนความคุ้มครองเริ่มต้นที่ 1,000,000 บาท หรือเลือกสูงสุดอยู่ที่ 5,000,000 บาท เรามาดูกันดีกว่าจะได้รับผลประโยชน์และความคุ้มครองอะไรกันบ้าง
- กรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน ซึ่งจะได้รับผลประโยชน์เริ่มต้น 1,000,000 – 5,000,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองกรณีที่จะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีสาเหตุของการเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บทั่วไป คุ้มครองอยู่ที่ 500,000 – 2,500,000 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครอง)
- คุ้มครองกรณีที่จะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง คุ้มครองอยู่ที่ 600,000 – 3,000,000 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครอง)
- คุ้มครองกรณีที่จะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุร้ายแรง คุ้มครองอยู่ที่ 1,000,000 – 5,000,000 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครอง)
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ถ้าหากเป็นห้องปกติ จะเบิกได้ 2,000 – 10,000 บาท เบิกได้สูงสุดไม่เกิน 365 วัน แต่ถ้าเป็นห้องผู้ป่วยหนัก หรือ C.U จะเบิกได้ 4,000 – 20,000 บาท เบิกได้สูงสุดไม่เกิน 30 วัน
- ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป หรือค่าบริการทั่วไป หรือค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัด จะเบิกได้ตามที่จ่ายจริงแต่จะต้องไม่เกินกว่าที่แผนความคุ้มครอง
- ค่าแพทย์ตรวจรักษาประจำวัน จะเบิกได้ 1,200 – 6,000 บาท เบิกได้สูงสุดไม่เกิน 365 วัน
- ค่ายากลับบ้าน จะเบิกได้ 2,000 – 4,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เป็นผู้ป่วยนอก
- คุ้มครองค่าล้างไต เคมีบำบัดและค่ารังสีบำบัด จะเบิกได้ 60,000 – 180,000 บาทต่อปีกรมธรรม์
- ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จะเบิกได้ 10,000 – 30,000 บาทต่อครั้ง
- ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล จะเบิกได้ 1,500 – 5,500 บาท
- รับเงินชดเชยรายได้ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน ซึ่งจะเบิกเงินนี้ได้ก็ต่อเมื่อที่ไม่ได้เบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน จะได้รับเงินวันละ 2,000 – 10,000 บาท เบิกได้สูงสุดไม่เกิน 30 วัน
นอกจากความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่จะได้รับแล้วนั้น หากต้องการเพิ่มเติมด้วยเงินชดเชยรายได้ในกรณีที่จะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก็สามารถเลือกทำสัญญาเพิ่มเติม ค่ารักษาพยาบาลรายวัน แบบปัญจรักษ์ (รพ.ปร.) ได้เลยจ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยแต่รับรองเลยว่าครบทุกเรื่องทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ซึ่งสัญญาเพิ่มเติมนี้ก็จะมาช่วยในเรื่องการทดแทนรายได้ เมื่อจะต้องเข้าพักรักษาตัว แต่จะได้เพียงแค่ 5 กรณีที่กำหนดเท่านั้น ไม่ว่าจะนอนห้องผู้ป่วยธรรมดา หรือผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือจะต้องนอนรักษาตัวที่ด้วยสาเหตุมาจาก 4 โรคร้ายแรง รวมไปถึงการผ่าตัดใหญ่ หรือผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะที่สำคัญ คราวนี้เรามาดูผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับหากเลือกทำสัญญาเพิ่มเติม ค่ารักษาพยาบาลรายวัน แบบปัญจรักษ์ (รพ.ปร.)
- จะได้รับเงินชดเชยรายได้ต่อวัน สูงสุดถึงวันละ 5,000 บาท ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 1,250 วันต่อครั้ง
- จะได้รับเงินชดเชยรายได้ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หากจะต้องนอนพักรักษาตัวที่ห้อง C.U. หรือ เข้ารับการรักษาจาก 4 โรคร้ายแรง ได้แก่ มะเร็ง อัมพาตจากหลอดเลือดของสมอง การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย (หัวใจวาย) จะได้สูงสุดไม่เกิน 365 วันต่อครั้ง
- จะได้รับเงินชดเชยรายได้ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ถ้าหากมีการผ่าตัดใหญ่หรือผ่าตัดซับซ้อน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี
- จะได้รับเงินชดเชยรายได้ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 200 เท่า ถ้าหากมีการเปลี่ยนอวัยวะสำคัญได้แก่ หัวใจ ปอด ตับ ไต และเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก
เงื่อนไขและคุณสมบัติในการสมัครประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ห่วงรัก พรีเมียร์
- สำหรับประกันชีวิต ห่วงรัก พรีเมียร์
- มีอายุตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 70 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยระยะสั้นๆเพียง 20 ปี
- คุ้มครองชีวิตจะให้ยาวนานจนถึงอายุ 90 ปี
- จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 100,000 บาท
- สำหรับประกันสุขภาพ บีแอลเอ เฮลธ์ พลัส
- มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน จนถึงอายุ 65 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี
- คุ้มครองชีวิตจะให้ยาวนานจนถึงอายุ 80 ปี
- จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000,000 บาท
- สำหรับสัญญาเพิ่มเติม ค่ารักษาพยาบาลรายวัน แบบปัญจรักษ์ (รพ.ปร.)
- มีอายุตั้งแต่ 6 – 64 ปี
- สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้รายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน หรือรายปี เลือกจ่ายได้ตามที่ต้องการได้เลย
ช่องทางการสมัคร : หากเพื่อนๆสนใจหรือต้องสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมก็ติดต่อได้กับตัวแทนขายประกันชีวิตของกรุงเทพประกันชีวิตได้เลย หรือลองเข้ามาดูรายละเอียดผ่านทางเว็บไซต์ก่อนก็ได้ คลิกที่นี่ได้เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ จากธนาคารทหารไทย
ประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ สมัครครั้งเดียวได้ทั้งคุ้มครองชีวิตแถมพ่วงความคุ้มครองโรคร้ายแรงที่สูงถึง 41 โรค ด้วยวงเงินที่สูงสุดถึง 500,000 บาท และยังไม่พอหากต้องแอดมิด ก็ยังจะได้รับเงินชดเชยรายได้สูงสุดถึง 1,000 บาท นอกเหนือจากนั้นแล้วยังได้คืนทุกสิ้นปีกรมธรรม์อีกด้วย เรียกได้ว่า ซื้อประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ ความคุ้มครองครบ จบในกรมธรรม์เดียว ตอบโจทย์ในทุกช่วงชีวิต แถมยังให้ความคุ้มครองชีวิตที่ยาวนาน
จุดเด่นของประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์
- จ่ายเบี้ยต่ำ คุ้มครองชีวิตสูง
- รับเงินคืนทุกสิ้นปีกรมธรรม์
- คุ้มครองถึง 41 โรคร้ายแรง
- รับเงินชดเชยรายได้เมื่อแอดมิดโรงพยาบาล
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ ซึ่งความคุ้มครองนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ความคุ้มครอง ฉะนั้นผลประโยชน์ที่จะได้รับนั้นก็จะแบ่งแยกออกเป็น 3 คุ้มครองเช่นกัน เรามาเริ่มดูกันแต่ละความคุ้มครองกันค่ะ
ความคุ้มครองชีวิตที่จะได้รับเงินคืนทุกสิ้นปีกรมธรรม์
- รับเงินคืน 1% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ซึ่งจะได้รับเงินตั้งแต่สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – อายุครบ 99 ปี
- กรณีที่เสียชีวิต ที่มีสาเหตุจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ก่อนครบกำหนดสัญญาจะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- กรณีที่มีชีวิตอยู่จนครบสัญญา จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติม 41 โรคร้ายแรง 500,000 บาท
- ซึ่งจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยทุกปีและสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึง 69 ปี
- หากเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเจ็บป่วยด้วย 41 โรคร้ายแรง จะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาท
ความคุ้มครองสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลรายวัน 1,000 บาท
- ซึ่งจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยทุกปีและสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึง 64 ปี
- ในการทำสัญญาเพิ่มเติมค่ารักษาพยาบาลรายวัน จะต้องไม่ต่ำกว่า 1 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อวันของคุณ
เงื่อนไขและคุณสมบัติการสมัครประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์
- จะต้องมีอายุ 20 – 60 ปี
- ประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ มีทุนประกันภัยขั้นต่ำ 100,000 บาท
- สามารถนำเบี้ยประกันภัยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท
ช่องทางในการสมัครประกันชีวิต ทีเอ็มบี ไลฟ์ แคร์ : สมัครทำประกันชีวิตได้ 2 ทาง คือที่ธนาคารทหารไทยทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสมัครทางออนไลน์
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ LifeCARE 80/70 ดูแลสุขภาพ จากธนาคารไทยพาณิชย์
สำหรับคนที่กำลังคิดจะทำประกันชีวิตที่พ่วงมากับประกันสุขภาพหรือมีประกันชีวิตกับธนาคารไทยพาณิชย์อยู่แล้ว อาจจะยังไม่เพียงพอเนื่องจากประกันชีวิตที่มีอยู่นั้นยังไม่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเราก็จะต้องยอมรับเลยว่าค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวนี้ก็สูง จึงทำให้การเจ็บป่วยในแต่ละครั้งก็จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก มีเงินเก็บเท่าไรก็ต้องนำออกมาใช้ จะดีกว่าไหมถ้ามีประกันชีวิตที่พ่วงมากับประกันสุขภาพดีๆสักกรมธรรม์อย่าง ประกันชีวิต LifeCARE 80/70 ดูแลสุขภาพ ที่จะดูแลค่ารักษาพยาบาลแบบครอบคลุมด้วยวงเงินที่สูงมากเลย และคุ้มครองทุกที่ทั่วโลก ไม่ว่าการรักษาพยาบาลในแต่ละครั้งจะแอดมิดหรือไม่แอดมิดก็ตาม เรามาดูรายละเอียดต่างๆของประกันชีวิตนี้กันเลยค่ะ
จุดเด่นของประกันชีวิต LifeCARE 80/70 ดูแลสุขภาพ
- มีความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 5 แผน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายทุกที่ทั่วโลก
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก
- อิสระในการเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ จากไทยพาณิชย์ ซึ่งประกันชีวิตนี้จะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกกันอยู่ 5 แผน โดยแต่ละแผนจะให้ทุนประกันภัยที่ไม่เท่ากัน และแน่นอนว่าความคุ้มครองที่ได้รับในแต่ละแผนนั้นก็จะไม่เท่ากันด้วย ขึ้นอยู่ทุนประกันภัยที่เลือก และธนาคารไทยพาณิชน์จะมีทุนประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 750,000 บาท หรือสูงสุดถึง 5,000,000 บาท เรามาดูรายละเอียดของแต่ละแผนความคุ้มครองกันเลยค่ะ
แผนความคุ้มครอง 1,500 (โดยผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 750,000 บาทต่อปี)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยใน ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- สามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล ได้วันละ 1,500 บาท
- สามารถเบิกค่าห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ไอ.ซี.ยู (ICU) รวมถึงค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัด หรือค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจในห้องปฏิบัติการ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการรักษา ประกันจะจ่ายให้ตามจริงแต่จะต้องไม่เกินผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 750,000 ต่อปี
- กรณีที่มีแพทย์มาตรวจรักษา จะเบิกค่าแพทย์ได้วันละ 1,500 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 150 วัน
- กรณีที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว จะสามารถเบิกค่ายากลับบ้านได้ไม่เกิน 750 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่จะต้องมีการรักษาพยาบาลต่อเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล ซึ่งจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้แต่จะต้องไม่เกิน 30 วันหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 750 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ไม่มีการเคลมค่ารักษาพยาบาลเลย อาจจะเป็นคนที่มีสิทธิการรักษาพยาบาลอยู่แล้วนั้น ประกันจะจ่ายเงินให้ 3,000 บาทต่อครั้ง และจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 7,500 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ต้องมีการผ่าตัด ประกันจะจ่ายให้ตามจริงแต่ไม่เกินผลประโยชน์ในการรักษาพยาบาลสูงสุด 750,000 ต่อปี
- ค่ารักษาพยาบาลในการทำคีโม ล้างไต รังสีบำบัด ด้วยวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 50,000 บาท
- คุ้มครองในกรณที่เสียชีวิตทุกสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 200,000 บาท
แผนความคุ้มครอง 2,000 (โดยผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 1,000,000 บาทต่อปี)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยใน ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการที่เกี่ยวกับการพยาบาล ได้วันละ 2,000 บาท
- กรณีที่นอนพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ไอ.ซี.ยู (ICU) รวมถึงค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัด หรือค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจในห้องปฏิบัติการ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการรักษา ประกันจะจ่ายให้ตามจริงแต่จะต้องไม่เกินผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 1,000,000 ต่อปี
- กรณีที่มีแพทย์มาตรวจรักษา จะเบิกค่าแพทย์ได้วันละ 2,000 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 150 วัน
- เบิกค่ายากลับบ้านในกรณีที่แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง
- หากเป็นการรักษาพยาบาลตอเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล ซึ่งจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้แต่จะต้องไม่เกิน 30 วันหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง
- ถ้าไม่มีการเคลมค่ารักษาพยาบาลในระหว่างการคุ้มครอง ประกันจะจ่ายเงินให้ 4,000 บาทต่อครั้ง และจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- หากเกิดอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 7,500 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ต้องมีการผ่าตัด ประกันจะจ่ายให้ตามจริงแต่ไม่เกินผลประโยชน์ในการรักษาพยาบาลสูงสุด 1,000,000 ต่อปี
- กรณีที่มีการทำคีโม ล้างไต รังสีสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 50,000 บาท
- กรณีที่เสียชีวิตทุกกรณีจะได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วยวงเงินสูงสุด 200,000 บาท
Credit : https://www.canva.com
แผนความคุ้มครอง 3,000 (โดยผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 1,500,000 บาทต่อปี)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยใน ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการที่เกี่ยวกับการพยาบาล เบิกได้วันละ 3,000 บาท
- ค่าห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ไอ.ซี.ยู (ICU) และค่ารักษาพยาบาลที่มีการผ่าตัด หรือค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจในห้องปฏิบัติการ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการรักษา จะเบิกได้ตามจริงที่โรงพยาบาลเรียกเก็บแต่จะต้องไม่เกินวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 1,500,000 ต่อปี
- ค่าแพทย์มาตรวจรักษาต่อวันในขณะที่นอนโรงพยาบาล จะเบิกค่าแพทย์ได้วันละ 3,000 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 150 วัน
- เบิกค่ายากลับบ้านในกรณีที่แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 1,500 บาทต่อครั้ง
- เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 1,500 บาทต่อครั้ง ในกรณีที่เป็นการรักษาพยาบาลตอเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล และจะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้แต่จะต้องไม่เกิน 30 วันหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล
- ไม่มีการเคลมค่ารักษาพยาบาลในระหว่างการคุ้มครอง ประกันจะจ่ายเงินให้ 6,000 บาทต่อครั้ง และจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- กรณีที่จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 15,000 บาท
- กรณีที่ต้องมีการผ่าตัด สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินผลประโยชน์ในการรักษาพยาบาลสูงสุด 1,500,000 ต่อปี
- กรณีที่มีการทำคีโม ล้างไต รังสีสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 75,000 บาท
- กรณีที่เสียชีวิตทุกกรณีจะได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วยวงเงินสูงสุด 300,000 บาท
แผนความคุ้มครอง 5,000 (โดยผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 3,000,000 บาทต่อปี)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยใน ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล วันละ 5,000 บาท
- คุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ไอ.ซี.ยู (ICU) และค่ารักษาพยาบาลที่มีการผ่าตัด หรือค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจในห้องปฏิบัติการ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บนั้น จะเบิกได้ตามจริงที่แต่จะต้องไม่เกินวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 3,000,000 ต่อปี
- หากมีแพทย์มาตรวจเยี่ยมอาการหรือมารักษา ประกันจะจ่ายค่าแพทย์ให้วันละ 5,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 150 วัน
- ค่ายากลับบ้านในกรณีที่กลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน ประกันจะเบิกได้ไม่เกิน 2,500 บาทต่อครั้ง
- ค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 2,500 บาทต่อครั้ง แต่จะต้องรักษาต่อเนื่องไม่เกิน 30 วันนับจากที่ออกจากโรงพยาบาล
- กรณีที่คุณไม่ได้ขอเคลมค่ารักษาพยาบาลในระหว่างการคุ้มครอง ประกันจะจ่ายเงินให้ 10,000 บาทต่อครั้ง และจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- กรณีที่จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- กรณีที่ต้องมีการผ่าตัด สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินผลประโยชน์ในการรักษาพยาบาลสูงสุด 2,000,000 ต่อปี
- กรณีที่มีการทำคีโม ล้างไต รังสีสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกันจะคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิตทุกกรณี ด้วยวงเงินสูงสุด 500,000 บาท
แผนความคุ้มครอง 10,000 (โดยผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5,000,000 บาทต่อปี)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยใน ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- คุณจะสามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล วันละ 10,000 บาท
- คุณจะสามารถเบิกค่าห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ไอ.ซี.ยู (ICU) และค่ารักษาพยาบาลที่มีการผ่าตัด หรือค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจในห้องปฏิบัติการ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ที่ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บนั้น จะเบิกได้ตามจริงที่แต่จะต้องไม่เกินวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 5,000,000 ต่อปี
- คุณจะสามารถเบิกค่าแพทย์ในกรณีที่มีแพทย์มารักษาในระหว่างวันที่นอนโรงพยาบาล ประกันจะจ่ายค่าแพทย์ให้วันละ 10,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 150 วัน
- คุณจะสามารถเบิกค่ายากลับบ้านในกรณีที่กลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท
- คุณจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องหลังจากออกจากโรงพยาบาล ได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท แต่จะต้องรักษาต่อเนื่องไม่เกิน 30 วันนับจากที่ออกจากโรงพยาบาล
- ในกรณีที่ระหว่างการคุ้มครองคุณไม่ได้เบิกค่ารักษาพยาบาลเลย จะได้รับเงินคืนครั้งละ 10,000 บาท และจะเบิกได้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือ เป็นผู้ป่วยนอก ซึ่งประกันจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก โดยจะมีความคุ้มครองดังนี้
- คุณจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท
- คุณจะสามารถเบิกค่าผ่าตัด ประกันจะจ่ายให้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินผลประโยชน์ในการรักษาพยาบาลสูงสุด 5,000,000 ต่อปี
- คุณจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลในการทำคีโม ล้างไต รังสีสามารถ ครั้งละไม่เกิน 150,000 บาท
- คุ้มครองชีวิตในกรณีที่เสียชีวิตทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นโรคภัย หรือเกิดอุบัติเหตุทั้งที่เป็นผู้ขับขี่หรือในขณะโดยสาร ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองสูงสุด 1,000,000 บาท
นอกจากความคุ้มครองในเรื่องของค่ารักษาพยาบาลแล้วหรือคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิตนั้น ธนาคารไทยพาณิชย์ยังจะให้เงินทุกสิ้นปีหลังจากที่อายุครบ 66 ปีไปจนถึงอายุ 79 ปีอีกด้วย โดยแต่ละแผนความคุ้มครองนั้นจะได้วงเงินไม่เท่ากัน เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
สำหรับแผนความคุ้มครอง แผน 1,500 หรือ แผน 2,000 จะได้รับเงินคืน ดังนี้
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 66 – 70 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 2% คิดเป็นเงิน 4,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 71 – 75 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 4% คิดเป็นเงิน 8,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 76 – 79 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 20% คิดเป็นเงิน 40,000 บาท
สำหรับแผนความคุ้มครอง แผน 3,000 จะได้รับเงินคืน ดังนี้
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 66 – 70 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 2% คิดเป็นเงิน 6,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 71 – 75 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 4% คิดเป็นเงิน 12,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 76 – 79 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 20% คิดเป็นเงิน 60,000 บาท
สำหรับแผนความคุ้มครอง แผน 5,000 จะได้รับเงินคืน ดังนี้
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 66 – 70 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 2% คิดเป็นเงิน 10,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 71 – 75 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 4% คิดเป็นเงิน 20,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 76 – 79 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 20% คิดเป็นเงิน 100,000 บาท
สำหรับแผนความคุ้มครอง แผน 10,000 จะได้รับเงินคืน ดังนี้
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 66 – 70 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 2% คิดเป็นเงิน 20,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 71 – 75 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 4% คิดเป็นเงิน 40,000 บาท
- หากผู้ทำประกันชีวิตมีอายุครบ 76 – 79 ปี จะได้รับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 20% คิดเป็นเงิน 200,000 บาท
คุณสมบัติในการสมัครประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ LifeCARE 80/70 ดูแลสุขภาพ
- ทำประกันชีวิตเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 1 วันขึ้นไป แต่จะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี
- โดยที่จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยไปจนถึงอายุ 80 ปี และความคุ้มครองชีวิตจนถึง 80 ปี
ช่องทางการสมัครประกันชีวิต LifeCARE 80/70 ดูแลสุขภาพ : หากสนใจสมัครก็สามารถติดต่อสอบถามได้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆที่นี่ได้เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ คุ้มธนกิจ 99 คุ้มครองสุขภาพ จากไทยประกันชีวิต
ประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 99 คุ้มครองสุขภาพ ประกันชีวิตที่สร้างหลักประกันชีวิตและที่มาพร้อมกับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเมื่อยามเจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุด้วยวงเงินที่สูงปรี๊ดเลย ไม่เพียงเท่านั้นยังให้การคุ้มครองสำหรับคนที่จะต้องล้างไต หรือได้รับการรักษาทางเคมีบำบัดอีกด้วย ซึ่งต้องบอกเลยว่าประกันชีวิตนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อความคุ้มครองเรื่องสุขภาพเพิ่มนั้นเอง และยังนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
จุดเด่นของไทยประกันชีวิต คุ้มธนกิจ99 คุ้มครองสุขภาพ
- จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเริ่มต้นที่หลักหมื่น
- มอบความคุ้มครองด้วยวงเงินที่สูงสุดถึง 5 ล้านบาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัดและอื่นๆ
อย่างที่รู้ๆกันว่าจะซื้อประกันสุขภาพได้นั้นก็จะต้องซื้อประกันชีวิตเป็นสัญญาหลักเสียก่อน และเมื่อซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติม ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็จะต้องมี 2 ส่วนก็คือ สัญญาหลัก ที่ให้ความคุ้มครองชีวิต และสัญญาเพิ่มเติม ที่ให้ความคุ้มครองดูแลค่ารักษาพยาบาล จะน่าสนใจแค่ไหนเรามาดูรายละเอียดต่างๆกันเลย
ประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 99 (สัญญาหลัก) จะได้รับความคุ้มครอง 3 ส่วน ดังนี้
- ความคุ้มครองในระหว่างสัญญากรมธรรม์
- จะได้รับเงินคืนทุกสิ้นปีกรมธรรม์ตั้งแต่เริ่มกรมธรรม์ปีที่ 2 รับไปจนถึงอายุ 98 ปี โดยจะต้องรับเงินคืนอยู่ที่ปีละ 1% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- หากมีชีวิตอยู่จนครบสัญญา หรืออายุครบ 99 ปี หรือเสียชีวิตก่อนครบสัญญาประกันชีวิตนั้น
- จะได้รับเงิน 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
ทั้งนี้ ประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 99 (สัญญาหลัก) นี้จะมีแผนให้เลือกด้วยกัน 5 แผน ตั้งแต่ทุนประกันภัย 200,000 บาท ไปจนถึง 500,000 บาท
ผลประโยชน์ความคุ้มครองของแผนการประกันสุขภาพโกลด์(สพ.โกลด์) (สัญญาเพิ่มเติม)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย
- เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครั้งละไม่เกิน 500,000 – 2,500,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกในการทำประกันชีวิต)
- กรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุร้ายแรง จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครั้งละไม่เกิน 1,000,000 – 5,000,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกในการทำประกันชีวิต)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ต้องเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน
- ในกรณีที่จะต้องนอนพักรักษาตัวที่ห้องธรรมดา ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาลต่างๆ อยู่ที่วันละ 2,000 – 10,000 บาท แต่ถ้านอนรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยหนัก หรือ ไอ.ซี.ยู (ICU) จะเบิกได้วันละ 4,000 – 20,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกในการทำประกันชีวิต)
- สามารถเบิกค่ารถพยาบาลฉุกเฉิน ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา และการตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยนอก ค่าผ่าตัด หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกิดขึ้นในระหว่างการรักษาพยาบาล ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริงแต่ก็จะไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดตามที่เลือกแผนความคุ้มครอง
- กรณีที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อแพทย์มียาให้กลับไปทานที่บ้านต่อนั้น สามารถเบิกค่ายาในส่วนนี้ได้ ซึ่งประกันจะให้เบิกได้ไม่เกิน 1,500 – 3,500 บาทต่อครั้ง (ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกในการทำประกันชีวิต)
- กรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหากมีแพทย์มาตรวจดูอาการหรือมารักษานั้น จะเบิกค่าแพทย์ได้ไม่เกินวันละ 1,200 – 6,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกในการทำประกันชีวิต) ทั้งนี้ จะเบิกได้ไม่เกิน 150 วัน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ต้องเข้าพักรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยนอก ซึ่งจะให้ความคุ้มครองทั่วโลก (ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกในการทำประกันชีวิต)
- เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 – 30,000 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 60,000 – 180,000 บาทต่อครั้ง
- ในกรณีที่มีการรักษาพยาบาลต่อเนื่องหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 1,000 – 5,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิตทุกกรณี ประกันจะจ่ายเงินช่วยเหลือค่าดำเนินการจัดงานศพ 10,000 บาท
คุณสมบัติและเงื่อนไขในการทำประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ คุ้มธนกิจ 99 คุ้มครองสุขภาพ
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปจนถึง 70 ปี (ทั้งนี้ขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือก)
- คุณจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยเท่ากับการคุ้มครองชีวิต ซึ่งสามารถจ่ายได้จนถึงอายุ 80 ปี
ช่องทางการในสมัครประกันชีวิต คุ้มธนกิจ 99 คุ้มครองสุขภาพ : สมัครได้กับตัวแทนขายประกันชีวิต หรือเลือกสมัครออนไลน์ได้ที่นี่
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ พรูอีซี่ แคร์ จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต
ประกันชีวิต พรูอีซี่ แคร์ ที่คุ้มครองชีวิตและยังคุ้มครองดูแลค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยใน รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรคมะเร็ง นับว่าเป็นการจ่ายเบี้ยประกันภัยไม่แพงด้วยราคาไม่ถึงหมื่นบาท แต่ความคุ้มครองชีวิตที่ได้รับนั้นก็สูงถึงหลักแสนหรือหลักล้านบาทกันเลย สำหรับใครที่ยังไม่ได้ทำประกันชีวิตหรือไม่มีสวัสดิการใดๆที่ดูแลค่ารักษาพยาบาล เลือกประกันชีวิต พรูอีซี่ แคร์ ที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นของประกันชีวิต พรูอีซี่ แคร์
- จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่ถึงหมื่นบาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วยวงเงินที่สูง
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ พรูอีซี่ แคร์ โดยจะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยที่คุณต้องการ ซึ่งจะมีทั้งแผน 4 แผนความคุ้มครอง เริ่มต้นความคุ้มครองอยู่ที่ 300,000 – 1,000,000 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
แผนความความคุ้มครอง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนแอดมิดที่โรงพยาบาล จะครอบคลุมทุกรายการ อาทิ ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ ค่ารถพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกฉุกเฉิน และค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ โดยจะเบิกได้ไม่เกิน 4 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ จะเบิกได้ตามตามแผนความคุ้มครองดังนี้
- แผนความคุ้มครองที่ 1 ความคุ้มครอง 300,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 2 ความคุ้มครอง 500,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 3 ความคุ้มครอง 750,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 75,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 4 ความคุ้มครอง 1,000,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อเป็นการรักษามะเร็ง รวมถึงเคมีบำบัด และรังสีบำบัด จะเบิกได้ตามตามแผนความคุ้มครองดังนี้
- แผนความคุ้มครองที่ 1 ความคุ้มครอง 300,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 130,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 2 ความคุ้มครอง 500,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 3 ความคุ้มครอง 750,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 4 ความคุ้มครอง 1,000,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 400,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่เสียชีวิตและทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะเบิกได้ตามตามแผนความคุ้มครองดังนี้
- แผนความคุ้มครองที่ 1 ความคุ้มครอง 300,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 2 ความคุ้มครอง 500,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 3 ความคุ้มครอง 750,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อครั้ง
- แผนความคุ้มครองที่ 4 ความคุ้มครอง 1,000,000 บาท จะเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
เงื่อนไขและคุณสมบัติในการสมัครประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ พรูอีซี่ แคร์ จากพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต
- รับทำประกันภัยตั้งแต่ 20 – 60 ปี
- คุ้มครองชีวิตได้นานจนถึงอายุ 65 ปี
- สามารถจ่ายเบี้ยประกันภัยได้จนถึงอายุ 65 ปี
- จำนวนเงินเอาทุนประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 300,000 บาท
- สามารถนำเบี้ยประกันภัยมาลดหย่อนภาษีได้
ช่องทางในการสมัคร : หากสนใจหรือต้องการสอบถามรายละเอียดข้อมูลต่างๆติดต่อได้กับตัวแทนขายประกันพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต หรือจะสมัครได้ง่ายๆผ่านทางออนไลน์
ประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ บัวหลวงห่วงครอบครัว จากธนาคารกรุงเทพ
สมัยนี้โรคภัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคนไทยส่วนมากก็เสียชีวิตจากโรคร้ายแรงกันเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไตวาย เป็นต้น แต่จะดีไหมถ้าเรามีประกันชีวิตที่คุ้มครองทั้งชีวิตและยังให้ความคุ้มครองในกรณีที่เราเกิดเป็นโรคร้ายแรง อยากมีประกันชีวิตดีๆที่คุ้มครองแบบนี้ต้องเลือกนี้เลยกับประกันชีวิต บัวหลวงห่วงครอบครัว ที่เมื่อไรก็ตามที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงก็จะได้รับเงินทันทีเพื่อนำเงินไปรักษาตัวหรือจะเก็บไว้ใช้ก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่เพียงเท่านั้นหากเสียชีวิตก็ยังได้รับเงินก้อนใหญ่อีกด้วย ที่จะช่วยสร้างหลักประกันสำหรับครอบครัวได้ และยังมีหลากหลายแผนความคุ้มครองให้เลือกจะน่าสนใจแค่ไหนเราไปดูกันเลย
จุดเด่นของประกันชีวิต บัวหลวงห่วงครอบครัว
- มีแผนความคุ้มครองให้เลือกมากถึง 4 ทางเลือก
- คุ้มครองชีวิตและกรณีเจ็บป่วยจาก 17 โรคร้ายแรง
- เบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปในแต่ละปีนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
แผนความคุ้มครอง ซึ่งจะมีให้อยู่ด้วยกัน 4 แผน แต่ละแผนความคุ้มครองก็แตกต่างกันขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยที่เลือก
- แผนความคุ้มครองที่ 1
- กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับเงินอยู่ที่ 300,000 บาท
- หากเกิดเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจาก 17 โรคร้ายแรงที่กำหนดนั้น จะได้รับเงินไปรักษาตัวอยู่ที่ 100,000 บาท
- แผนความคุ้มครองที่ 2
- กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับเงินอยู่ที่ 500,000 บาท
- กรณีเจ็บป่วยจาก 17 โรคร้ายแรง จะได้รับเงินไปรักษาตัวอยู่ที่ 100,000 บาท
- แผนความคุ้มครองที่ 3
- กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับเงินอยู่ที่ 750,000 บาท
- กรณีเจ็บป่วยจาก 17 โรคร้ายแรงตามที่ประกันชีวิตได้กำหนด ประกันจะจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้ 300,000 บาท
- แผนความคุ้มครองที่ 4
- กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะได้รับเงินอยู่ที่ 1,00,000 บาท
- กรณีเจ็บป่วยจาก 17 โรคร้ายแรง จะได้รับเงินไปรักษาตัวอยู่ที่ 300,000 บาท
ผลประโยชน์ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันชีวิต บัวหลวงห่วงครอบครัว
- คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณีหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ซึ่งจะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามแผนความคุ้มครองที่เลือกไว้ตั้งแต่ตอนที่สมัคร
- คุ้มครองการเจ็บป่วยจาก 17 โรคร้ายแรง ซึ่งจะได้รับค่าสินไหมทดแทนตามแผนความคุ้มครองที่เลือกไว้ตั้งแต่ตอนที่สมัคร
คราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า 17 โรคร้ายแรงนั้นมีอะไรกันบ้าง
- มะเร็ง
- ไวรัสตับอักเสบชนิดรุนแรง
- กล้ามเนื้อหัวใจตาย
- ผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
- ศัลยกรรมลิ้นหัวใจ
- เส้นเลือดหัวใจตีบที่ร้ายแรงอื่นๆ
- ไตวาย
- กล้ามเนื้อเสื่อม
- ศัลยกรรมหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา
- อัมพาต
- อัมพาตจากหลอดเลือดของสมอง
- การแข็งตัวของเนื้อเยื่อทั่วไป
- ภาวะอันตรายต่อศีรษะชนิดรุนแรง
- ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
- ตาบอด
- ภาวะหมดสติ
- แผลไฟไหม้ขั้นรุนแรง
อัตราเบี้ยประกันภัย การคิดนั้นจะขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง ระยะเวลาการจ่ายเบี้ย และยังรวมไปถึงเพศ และอายุของผู้สมัครอีกด้วย ซึ่งจะคิดจากเบี้ยประกันภัยรายปีต่อจำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000 บาท
สำหรับคนที่เลือกแผนความคุ้มครองที่ 1
- ผู้หญิง
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 1,017 – 7,634 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 1,022 – 10,264 บาท
- ผู้ชาย
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 1,566 – 12,924 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 1,598 – 16,354 บาท
สำหรับคนที่เลือกแผนความคุ้มครองที่ 2
- ผู้หญิง
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 1,601 – 11,688 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 1,598 – 15,934 บาท
- ผู้ชาย
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 2,514 – 19,856 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 2,558 – 25,332 บาท
สำหรับคนที่เลือกแผนความคุ้มครองที่ 3
- ผู้หญิง
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 2,613 – 19,862 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 2,634 – 26,540 บาท
- ผู้ชาย
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 3,987 – 33,573 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 4,074 – 42,329 บาท
สำหรับคนที่เลือกแผนความคุ้มครองที่ 4
- ผู้หญิง
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 3,343 – 24,929บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 3,354 – 33,627 บาท
- ผู้ชาย
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 5,172 – 42,238 บาท
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 15 ปี เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 5,274 – 53,551บาท
เงื่อนไขและคุณสมบัติในการสมัครประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ บัวหลวงห่วงครอบครัว
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 – 60 ปี
- ระยะเวลาการคุ้มครองก็จะเท่ากับการจ่ายเบี้ยประกันภัย ซึ่งจะมีให้เลือกระหว่าง 10 ปี กับ 15 ปี
- จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 300,000 บาท
ช่องทางการสมัคร : หากสนใจหรือต้องการสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจะดูรายละเอียดด้วยตัวเองก่อนก็ได้ที่เว็บไซต์
แหละนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประกันชีวิตที่พ่วงประกันสุขภาพมาด้วย ที่หลายคนเลือกทำประกันสุขภาพก็เพราะต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล การทำประกันสุขภาพก็เพื่อที่จะได้รับการบริการที่ดี การรักษาที่รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวรอนานๆ และอาจจะยังได้รับเงินชดเชยรายได้ในกรณีที่จะต้องนอนแอดมิดอีกด้วย และสำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกทำประกันชีวิตแบบไหนดี จะเลือกทำประกันชีวิตแบบเพียวๆ หรือจะเลือกประกันชีวิตที่พ่วงมากับประกันสุขภาพนั้น ก็ลองเปรียบเทียบจุดเด่นต่างๆ ซึ่งสามารถดูข้อมูลแบบเจาะลึกได้จากเว็บไซต์ iMoney.in.th ที่มีประกันชีวิตทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ เผื่อว่าจะได้เป็นตัวช่วยที่ดีก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำประกันชีวิต