ถ้าหากว่าคุณเองมีความคิดที่จะขอสินเชื่อเพื่อเติมเต็มความฝันให้กับชีวิต กับ หนี้ก้อนใหญ่ๆ เช่น บ้านหลังใหม่ หรือ รถยนต์ป้ายแดง ก็ต้องเช็คสุขภาพทางการเงินกันสักนิด กับ การเช็คประวัติเครดิตบูโร นั่นก็คือเครดิตที่แสดงความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันดูเหมือนว่าจะซับซ้อนหลายขั้นตอน แต่ต้องบอกเลยว่าคุณเองก็สามารถเช็คได้ด้วยตัวเองทั้งแบบออนไลน์ หรือ การไปเช็คด้วยตัวเอง ณ สถาบันการเงิน หรือ สถานที่ทางเครดิตบูโรจัดเอาไว้ให้ ซึ่งพวกเราได้รวบรวม วิธีเช็คเครดิตบูโรทั้งหมดเอาไว้ที่นี่แล้ว ซึ่งจะมีวิธีไหนที่เพื่อนๆสะดวกที่สุดไปดูกันเลยครับ
3 วิธีเช็คเครดิตบูโร แบบออนไลน์ ที่คุณเองก็ทำได้
เริ่มต้นกันด้วยการเช็คเครดิตบูโรออนไลน์ ที่มีเฉพาะสำหรับลูกค้าธนาคารทั้ง 3 เท่านั้น กับ “ธนาคารกรุงไทย” , “ธนาคารธนชาต” และ “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” ซึ่งวันนี้พวกเราจะมาแนะนำ 3 วิธีเช็คเครดิตบูโรออนไลน์ ที่คุณเองก็ทำได้ ไม่ต้องไปด้วยตัวเอง แถมยังปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลจะถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ ซึ่งแน่นอนว่าวิธีนี้จะสะดวกกว่าเป็นไหนๆ โดยจะมีวิธีไหนบ้าง? ไปดูกันเลยครับ
1.เช็คเครดิตบูโรออนไลน์ กับ แอพ “Krungthai Next” 3 วันรู้ผล!
แอพลิเคชั่นธนาคาร กรุงไทยอย่าง “Krungthai Next” มีให้บริการเช็คเครดิตบูโรที่สะดวกมาก โดยการยื่นขอตรวจสอบเครดิตบูโรออนไลน์ได้เลยผ่านแอพ โดยไม่ต้องไปด้วยตัวเอง ซึ่งทางแอพนั้นจะส่งผลผ่านทางอีเมลล์ ทำให้ข้อมูลของคุณจะถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับ สำหรับการเช็คด้วยวิธีนี้จะมีค่าบริการ 150 บาท โดยมีขั้นตอนการเช็คเครดิตบูโรดังนี้
- เมื่อเข้าแอพ Krungthai Next แล้ว เลือกเมนู “บริการธนาคาร” ที่ด้านล่างขวาของหน้าจอ
- เลือกเมนู “ตรวจสอบเครดิตบูโร” เพื่อเข้าเลือกวิธีการชำระเงิน พร้อมทั้งการจัดส่งเองการ
- กดเลือกบัญชีของธนาคารกรุงไทยที่จะใช้ชำระค่าบริการ พร้อมทั้งเลือกการจัดส่งเอกสาร ถ้าหากจัดส่งทางไปรษณีย์จะใช้เวลา 7 วัน แต่ถ้าหากผ่านอีเมลล์ จะใช้เวลา 3 วัน
- ตรวจสอบพร้อมทั้งเลือกปุ่มยอมรับเงื่อนไข
- ข้นตอนสุดท้ายนี้ให้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นชื่อของผู้ขอ รวมทั้งที่อยู่การส่งเอกสาร จากนั้นกดยืนยัน เป็นอันเสร็จสิ้น
ถ้าหากว่าเลือกแบบจัดส่งผ่านไปรษณีย์นั้น จะสามารถเลือกขอเครดิตบูโรมากกว่า 1 ฉลับได้ โดยฉบับถัดไปก็จะจัดส่งในทุกๆ 2-6 เดือนตามที่เราเลือกรูปแบบการจัดส่งนั่นเอง
2.เช็คเครดิตบูโรออนไลน์ กับ แอพ “Thanachat Connect” 7 วันรู้ผล!
สำหรับเพื่อนๆที่เป็นลูกค้าของธนาคาร ธนชาตล่ะก็ สามารถยื่นขอเช็คเครดิตบูโร ผ่านแอพลิเคชั่น “Thanachat Connect” ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งทางแอพมีการให้บริการนี้โดยจะเสียค่าบริการ 150 บาท แต่จะทราบผลภายใน 7 วันทำการ โดยผลจะส่งผ่านทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน ซึ่งมีขั้นตอนการขอเช็คเครดิตบูโร ดังต่อไปนี้
- ขั้นตอนแรกให้ Log in เข้าใช้แอพพลิเคชั่น “ThanaChat Connect” ตามปกติ ก่อนที่จะกดเลือก NCB พร้อมทั้งยอมรับเงื่อนไข
- ขั้นตอนที่ 2 ให้ตรวจสอบ พร้อมทั้ง ยืนยันข้อมูลส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ชื่อผู้ขอ ที่อยู่จัดส่ง พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์
- ขั้นตอนสุดท้ายให้กรอก PIN 6 หลักเพื่อยืนยันการทำรายการขอเช็ค และชำระค่าธรรมเนียม โดยเอกสารนั้นจะจัดส่งทางไปรษณีย์ ซึ่งจะรู้ผลภายใน 7 วัน
สำหรับการตรวจสอบเครดิตบูโรผ่านแอพ ธนาคาร ธนชาต จะสามารถตรวจสอบได้ทั้งบุคคลธรรมดา รวมทั้งชาวต่างชาติด้วย
3.เช็คเครดิตบูโรออนไลน์ กับ “Krungsri Mobile App” 7 วันรู้ผล!
สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา สามารถขอเช็คเครดิตบูโรแบบออนไลน์ได้ภายในแอพลิเคชั่น “Krungsri Mobile App” ได้เลย สำหรับค่าบริการจะอยู่ที่ 150 บาท โดยจะส่งผลการเช็คเครดิตบูโรผ่านทางไปรษณีย์แบบลงทะเบียน จะ ทราบผลภายใน 7 วันทำการ โดยมีขั้นตอนการขอเช็คดังต่อไปนี้
- Log in เข้าใช้ “Krungsri Mobile App” เลือก “เมนูทั้งหมด”
- ขั้นตอนต่อไป เข้าไปที่ “ขอข้อมูลเครดิตบูโร” ซึ่งจะให้ดำเนินการต่อ โดยกดยอมรับเรื่องข้อกำหนด และ เงื่อนไข
- ต่อไปจะต้องเลือกบัญชีที่ต้องการใช้ชำระค่าบริการ เช็คเครดิตบูโร ซึ่งจะมีให้เลือกว่าจะขอข้อมูลกี่ฉบับ
- ต่อมาให้กรอกข้อมูลการชำระเงิน พร้อมทั้งที่อยู่ในการจัดส่งเอกสาร ซึ่งตรงนี้ต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้ ถูกต้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อของผู้ขอ ที่อยู่ในการจัดส่งต่างๆ
สำหรับการขอเช็คเครดิตบูโร 1 ฉบับนั้นจะมีค่าบริการอยู่ที่ 150 บาท ส่วนแบบ 2 ฉบับนั้นจะเป็นแบบรายครึ่งปี จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 250 บาท นอกจากการขอเครดิตบูโรผ่าน แอพพลิเคชั่น Krungsri Mobile แล้ว ลูกค้าที่มีบริการ “กรุง ศรี ออนไลน์” อยู่ก็สามารถล็อกอินเข้าไปเพื่อขอเช็คเครดิตบูโรได้เลย ซึ่งมีค่าบริการ 150 บาทเท่ากัน
วิธีเช็คเครดิตบูโร รอรับได้เลย ที่ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล
สำหรับเพื่อนๆที่ทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถเช็คเครดิตบูโรได้หลายที่เลย ซึ่งมีเงื่อนไขง่ายๆ รอเพียง 15 นาทีเท่านั้น! อีกทั้งมีค่าบริการแค่ 100 บาท ใช่แล้ว! ส่วนเอกสารประกอบการขอเช็คนั้นใช้เพียงแค่ บัตรประชาชนใบเดียวเท่านั้น ส่วนจะมีที่ไหนในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ไปดูกันเลยครับ
3 สถานที่สำหรับวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30-15.30 น. รู้ผล 15 นาที!
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อาคาร 2 ชั้น 2 ให้บริการตรวจบุคคลธรรมดา , บุคคลธรรมดา(มอบอำนาจ) , นิติบุคคล , นิติบุคคล(มอบอำนาจ) และ ชาวต่างชาติ
- อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 ที่เป็นโซนธนาคาร ให้บริการตรวจบุคคลธรรมดา , บุคคลธรรมดา(มอบอำนาจ) และ ชาวต่างชาติ
- สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานี “ศาลาแดง” จะอยู่ภายในสถานี ให้บริการตรวจบุคคลธรรมดา , บุคคลธรรมดา(มอบอำนาจ) และ ชาวต่างชาติ
2 สถานที่สำหรับวันจันทร์ – อาทิตย์ 8.30-15.30 น. รู้ผล 15 นาที!
- สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานี “อนุสาวรีย์ชัย” จะอยู่ภายในสถานี ให้บริการตรวจบุคคลธรรมดา , บุคคลธรรมดา(มอบอำนาจ) และ ชาวต่างชาติ
- ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) อยู่ชั้น 3 ติดกับสำนักงานประกันสังคม ให้บริการตรวจบุคคลธรรมดา , บุคคลธรรมดา(มอบอำนาจ) และ ชาวต่างชาติเฉพาะวันจันทร์ ถึง ศุกร์เท่านั้น
วิธีเช็คเครดิตบูโร ส่งผลผ่านทางไปรษณีย์ ที่กรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด
สำหรับเพื่อนๆที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถทำได้ง่ายๆ แต่เพียงรอผลประมาณ 7 วัน ซึ่งทางสถานที่จะแจ้งผ่านไปรษณีย์แบบลงทะเบียน ซึ่งตรงนี้มีค่าบริการ 150 บาท ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆด้วยวิธีดังต่อไปนี้
เช็คเครดิตบูโร ณ เคาน์เตอร์ธนาคารทุกสาขา
วิธีง่ายๆ ถือบัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง เดินเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า “เช็คเครดิตบูโร” ณ ธนาคารที่ตัวเองสะดวก
ใช้บัตร ATM ของ ธนาคารกรุงไทย ผ่านตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย
สำหรับขั้นตอนนี้จะมีค่าบริการ 150 บาท อาจจะดูซับซ้อนไปซักหน่อย ซึ่งเราจะอธิบายวิธีง่ายๆดังนี้
- เมื่อเสียบบัตรเข้าไปแล้ว เข้าไปที่เมนู “บริการอื่นๆ” ที่หน้าเครื่อง ATM
- กดต่อไปที่เมนู “ตรวจสอบข้อมูลเครดิต” ตรวจสอบเงื่อนไขแล้วกด “ถูกต้อง”
- ใส่ข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก กด “ถูกต้อง”
- กรอกหมายเลขโทรศัพท์ 10 หลัก แล้วกด “ถูกต้อง”
- ตรวจสอบข้อมูล พร้อมทั้ง ตรวจสอบที่อยู่จัดส่งเอกสารการรายงานข้อมูลเครดิตบูโร
ใช้บัตร ATM ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านตู้ ATM ของธนาคารไทยพาณิชย์
สำหรับ SCB นั้นขั้นตอนจะคล้ายกันกับของ ธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
- เสียบบัตรไปแล้ว ไปที่เมนู “อื่นๆ” ต่อด้วยเมนู “สมัครบริการ/ตรวจสอบข้อมูลเครดิต (NCB)”
- กดเมนู “ตรวจสอบข้อมูลเครดิต (NCB)”
- ตรวจสอบเงื่อนไข และ กดยืนยัน
- กรอกเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เสร็จแล้วกด “ถูกต้อง”
- กรอกหมายเลขโทรศัพท์ พร้อมทั้งตรวจสอบความถูกต้อง
- กดตรวจสอบข้อมูล และ ยืนยันการขอเช็คเครดิตบูโร
ตรวจเช็คฟรี! กับ ที่ทำการไปรษณีย์ แต่เฉพาะสาขาที่ให้บริการ
สำหรับสายประหยัดแล้วไม่อยากจะเสียเงินยิบย่อย พวกเราก็ขอแนะนำในการตรวจเช็คเครดิตบูโรแบบฟรีๆ ณ ที่ทำการไปรษณีย์สาขาที่ให้บริการ โดยมีทั้งหมด 291 สาขา ซึ่งสามารถเช็คได้ที่ลิ้งนี้เลย
ทำไม? ต้องตรวจสอบข้อมูลเครดิต หรือ เช็คเครดิตบูโร
หลายคนอาจจะตั้งคำถามกับข้อสงสัยนี้มากมายว่า ทำไมกันนะ? เราถึงต้องตรวจสอบ การเช็คเครดิตบูโร สำหรับเหตุผลหลักๆของแต่ละข้อนั้นแบ่งออกเป็นดังนี้
- เป็นการตรวจว่าตนเองมีหนี้สินที่ไหนอยู่บ้าง? รวมทั้งมีกี่บัญชีที่ยังมีหนี้ค้างชำระอยู่
- สามารถตรวจสอบได้ว่ามีบัญชีสินเชื่อของคนอื่น เข้ามาเกี่ยวข้องในประวัติทางการเงินของตัวเองหรือไม่?
- สามารถตรวจสอบได้ว่ามีประวัติการค้างชำระในอดีต หรือ ในปัจจุบันยังมียอดที่ค้างชำระอยู่หรือไม่?
- เมื่อตรวจว่าชำระหนี้หมดไปแล้ว มีการปิดบัญชีไปจริงหรือไม่? ยอดเป็นศูนย์แล้วรึเปล่า?
- การรู้ถึงเครดิตบูโรก่อนนั้น จะได้เตรียมตัวในการตอบคำถามของสถาบันการเงินที่เราจะไปขอกู้
- สามารถตรวจสอบชื่อของตนเอง ที่อยู่ของตนเอง ว่าถูกต้องหรือมีผิดเพี้ยนหรือไม่?
ทั้งหมดนี่คือช่องทางการเช็คเครดิตบูโรด้วยตนเอง ทั้งแบบออนไลน์ หรือ แบบไปด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าหลายๆคนอาจจะเลือกการทำแบบออนไลน์ แต่ทว่าผู้ที่ไม่มีบัญชีของแอพธนาคารที่ร่วมรายการ ก็สามารถเช็คได้ด้วยวิธีอื่นๆอีกมากมาย ทั้งผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือ ต่างจังหวัด ก็สามารถยื่นขอได้ด้วยตนเอง แต่สิ่งสำคัญก็คืออย่าลืมตรวจสอบความถูกต้องของชื่อตนเอง รวมทั้งที่อยู่ของการจัดส่งเอกสาร ที่จะจัดส่งมาทางไปรษณีย์ด้วย สำหรับการเช็คเครดิตบูโรนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ตรวจสอบหลักฐานประวัติการชำระเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดต่างๆของการชำระหนี้ด้วยว่าถูกต้องตรงตามที่เราจัดการชำระหรือไม่