รวมผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตคลอดบุตร ที่น่าสนใจ ประกันคลอดบุตรคืออะไร ทำประกันชีวิตคลอดบุตรที่ไหนดี ใครที่กำลังหาข้อมูลอยู่ห้ามพลาด
ประกันชีวิต คลอดบุตร – สวัสดีค่ะทุกคนกลับมากันอีกเช่นกับพวกเราชาว iMoney มีบทความน่ารู้ น่าสนใจต่างๆที่เกี่ยวกับการเงินทุกรูปแบบให้เพื่อนได้รู้ก่อนใคร แถมยังช่วยหาตัวเลือกมาเปรียบเทียบให้กับเพื่อนๆที่อยากปรึกษาเรื่องการเงิน และช่วงนี้ก็เป็นเดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ใครที่จะเริ่มต้นอยากทำอะไรใหม่ๆก็เริ่มวางแผนกันบ้างแล้ว ส่วนใครที่วางแผนจะพาครอบครัวไปเที่ยวในช่วงวันหยุดปีนี้ก็อย่าลืมวางแผนล่วงหน้ากันด้วยนะคะ และเดือนนี้ก็คงทำให้หลายคนอมยิ้มเล็กๆได้ไม่น้อยกันเลย นอกจากจะมีวันหยุดยาวแล้วยังเป็นเดือนที่หลายคนได้โบนัสพิเศษที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งปี ช่วงที่ผ่านมานี้เราได้นำเสนอบทความที่เกี่ยวกับประกันชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทาง รวมไปถึงวัตถุประสงค์ต่างๆในการเลือกทำประกันชีวิต เพื่อให้โดนใจกับเพื่อนๆมากที่สุด แต่วันนี้ iMoney จะมาขอเอาผู้หญิงกันบ้างที่อยากทำประกันชีวิต แล้วสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ด้วยนั้น เนื่องจากผู้หญิงที่แต่งงานแล้วส่วนใหญ่ก็อยากจะมีลูกน้อย แต่เราก็ต้องยอมรับเลยว่าการมีลูกนั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่สิ่งที่จะตามก็คือการค่าใช้จ่ายต่างๆ และหนึ่งในนั้นที่จะต้องเจอเป็นด่านแรกก็คือ ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ และการคลอดบุตร เพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลลูกน้อยในครรภ์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ไปจนถึงเวลาคลอด ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มีราคาสูงเช่นเดียวกัน บางโรงพยาบาลจัดทำเป็นแพ็จเกจเลย วันนี้เราเลยขอเอาใจใส่สาวๆกันบ้าง iMoney จึงได้รวบรวมประกันชีวิตคลอดบุตรจากบริษัทประกันชีวิตต่างๆมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ จะน่าสนใจแค่ไหน มีเงื่อนไขอะไรบ้าง แล้วที่สำคัญเบิกได้เท่าไรนั้น เราไปอ่านพร้อมๆกันเลยค่ะ
รวมผลิตภัณฑ์ ประกันชีวิต คลอดบุตร จากบริษัทประกันชีวิตที่น่าสนใจ
บริษัทประกันชีวิต |
ชื่อผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น | เงื่อนไขการสมัคร |
กรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต | ประกันสุขภาพ iHealthy | คุ้มครองค่ารักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป้วยนอก รวมไปถึงโรคร้ายแรง และค่ารักษาพยาบาลสําหรับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร ด้วยวงเงินที่สูงถึง 100 ล้านบาท |
จะต้องมีอายุตั้งแต่ 16 – 80 ปี และจ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี |
เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ |
ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ | คุ้มครองดูแลค่ารักษาด้วยวงเงินที่สูง คุ้มครองทั้งการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก | จะต้องมีอายุตั้งแต่ 15 วันขึ้นไปจนถึงอายุ 65 ปี และจ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี |
เมืองไทยประกันชีวิต | ประกันชีวิต โครงการเมืองไทย แฮปปี้ เลดี้ พลัส | ประกันที่ออกแบบเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ ดูแลและคุ้มครองโรคร้ายสำหรับผู้หญิง และคุ้มครองทั้งในขณะตั้งท้องหรือหลังคลอด |
จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 – 40 ปีจ่ายเบี้ยประกันภัย 5 ปี คุ้มครอง 5 ปี โดยสามารถเลือกจ่ายได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี |
เมืองไทยประกันชีวิต |
ประกันสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ | คุ้มครองทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก มีหลากหลายแผนความคุ้มครอง และดูแลค่าคลอดลูก | จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 – 80 ปี จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี โดยสามารถเลือกจ่ายได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี |
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต
|
ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส | ครอบคลุมทุกการรักษาพยาบาล ด้วยวงเงินที่สูงสุด 100 ล้านบาท มีบริการตรวจสุขภาพ พร้อมด้วยดูแลค่าคลอดลูก |
จะต้องมีอายุตั้งแต่ 6 – 70 ปี จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี |
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตคลอดบุตร ประกันสุขภาพ iHealthy จากกรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต
ประกันคลอดบุตร ประกันสุขภาพ iHealthy เป็นประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกที่ทุกเวลา ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของการรักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นแผนปัจจุบันหรือจะแผนทางเลือกก็ตาม ด้วยการดูแลค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายไม่ว่าจะนอนโรงพยาบาลหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็ตาม รวมไปถึงความคุ้มครองการโรคมะเร็ง โรคไต และที่สำคัญยังดูแลเอาใจใส่ว่าที่คุณแม่ที่พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลในการตั้งครรภ์ การคลอดบุตร รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร พร้อมทั้งค่าหออภิบาลทารกแรกเกิดอีกด้วย แต่เรามาดูรายละเอียดต่างๆของประกันชีวิตนี้กันดีกว่าค่ะ
จุดเด่นของประกันคลอดบุตร ประกันสุขภาพ iHealthy
- คุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็ง และโรคไต
- ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกที่ทั่วโลก
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสําหรับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเลือกทำประกันสุขภาพ iHealthyเพิ่มเติมนั้น คุณจะต้องมีประกันชีวิตหลักเสียก่อน นั่นก็คือ แบบประกันคุ้มครองชีวิตสุขภาพ 85 ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตจนถึงอายุ 85 ปี โดยที่คุณจะต้องจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไปจนถึงอายุ 85 ปีเช่นกัน และจะได้รับความคุ้มครองทั้งกรณีที่มีชีวิตอยู่ และเสียชีวิต มาดูความคุ้มครองกันเลยค่ะ
กรณีที่มีชีวิตอยู่จนถึงอายุ 85 ปี
- จะได้รับเงิน 50,000 บาท หรือเบี้ยประกันภัยหลักที่ชำระมา ขึ้นอยู่กับว่าอย่างไหนมากกว่านั้น
กรณีเสียชีวิตก่อนอยู่จนถึงอายุ 85 ปี
- จะได้รับเงิน 50,000 บาท
ก่อนที่เราจะไปรู้ว่าผลประโยชน์และความคุ้มครองมีอะไรบ้างนั้น เรามารู้ก่อนดีกว่าว่ามีแผนความคุ้มครองอะไรบ้างให้เลือก ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 5 แผน ดังนี้ 1.Platinum 2.Diamond 3.Gold 4. Silver และ 5.Smart ซึ่งแต่แผนความคุ้มครองนั้นจะให้วงเงินในการรักษาที่ไม่เท่ากัน รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆก็แตกต่างกันด้วย จะน่าสนใจแค่ไหน อะไรแผนไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด มาดูกันเลย
แผนความคุ้มครอง Platinum โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยที่รักษาพยาบาลระหว่างวัน
- ค่าห้องพักผู้ป่วยรวมกับค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกิน 21,000 บาทต่อวัน
- ค่าธรรมเนียมโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก
- ค่าเคมีบำบัด และค่ารังสีบำบัด,ค่าล้างไต ,ค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก,ค่าปรึกษาแพทย์และยา รวมถึงใบสั่งยา,ค่าวินิจฉัยโดยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์,ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการ เอ็กซ์เรย์ อัลตร้าซาวด์ และค่ากายภาพบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลสำหรับผลประโยชน์อื่นๆ
- ค่ารถพยาบาล,ค่ารักษาทันตกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุ,ค่าศัลยกรรมในช่องปาก,ภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร และค่าหออภิบาลทารกแรกเกิด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่ารักษาพยาบาลสำหรับการตั้งครรภ์และคลอดบุตร เบิกได้ไม่เกิน 400,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาโดยการแพทย์ทางเลือก เบิกได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาด้านจิตเวช เบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
- ค่าตรวจรักษาทางทันตกรรม เบิกได้ไม่เกิน 36,000 บาทต่อปี
- ค่าดูแลรักษาสายตา เบิกได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี
- ค่าตรวจสุขภาพประจำปี เบิกได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี
- ค่าฉีดวัคซีน เบิกได้ไม่เกิน 45,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาพยาบาล และการดูแลแบบ ประคับประคองระยะสุดท้าย เบิกได้ไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อปี
สำหรับแผนความคุ้มครอง Platinum จะให้ผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี ไม่เกินนั้นไม่เกิน 100 ล้านบาท และสามารถเลือกอาณาเขตในความคุ้มครองได้เพียงหนึ่งอาณาเขตเท่านั้น ได้แก่ ทั่วโลก หรือทั่วโลกยกเว้น สหรัฐอเมริกา หรือเอเชีย หรือประเทศไทย โดยเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันไปแล้วแต่เขตความคุ้มครอง
แผนความคุ้มครอง Diamond โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยที่รักษาพยาบาลระหว่างวัน
- ค่าห้องพักผู้ป่วยรวมกับค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อวัน
- ค่าธรรมเนียมโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก
- ค่าเคมีบำบัด และค่ารังสีบำบัด,ค่าล้างไต และค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่าปรึกษาแพทย์และยา รวมถึงใบสั่งยา,ค่าวินิจฉัยโดยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์,ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการ เอ็กซ์เรย์ อัลตร้าซาวด์ และค่ากายภาพบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลสำหรับผลประโยชน์อื่นๆ
- ค่ารถพยาบาล,ค่ารักษาทันตกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุ,ค่าศัลยกรรมในช่องปาก,ภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร และค่าหออภิบาลทารกแรกเกิด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่ารักษาโดยการแพทย์ทางเลือก เบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาด้านจิตเวช เบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อปี
- ค่าตรวจรักษาทางทันตกรรม เบิกได้ไม่เกิน 7,500 บาทต่อปี
สำหรับแผนความคุ้มครอง Diamond จะให้ผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี ไม่เกินนั้นไม่เกิน 70 ล้านบาท และสามารถเลือกอาณาเขตในความคุ้มครองได้เพียงหนึ่งอาณาเขตเท่านั้น ได้แก่ ทั่วโลก หรือทั่วโลกยกเว้น สหรัฐอเมริกา หรือเอเชีย หรือประเทศไทย โดยเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันไปแล้วแต่เขตความคุ้มครอง
แผนความคุ้มครอง Gold โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยที่รักษาพยาบาลระหว่างวัน
- ค่าห้องพักผู้ป่วยรวมกับค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกิน 9,000 บาทต่อวัน
- ค่าธรรมเนียมโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก
- ค่าเคมีบำบัด และค่ารังสีบำบัด,ค่าล้างไต และค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่าปรึกษาแพทย์และยา รวมถึงใบสั่งยา,ค่าวินิจฉัยโดยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์,ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการ เอ็กซ์เรย์ อัลตร้าซาวด์ และค่ากายภาพบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลสำหรับผลประโยชน์อื่นๆ
- ค่ารถพยาบาล,ค่ารักษาทันตกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุ,ค่าศัลยกรรมในช่องปาก และภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่าตรวจรักษาทางทันตกรรม เบิกได้ไม่เกิน 4,000 บาทต่อปี
สำหรับแผนความคุ้มครอง Gold จะให้ผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี ไม่เกินนั้นไม่เกิน 10 ล้านบาท และสามารถเลือกอาณาเขตในความคุ้มครองได้เพียงหนึ่งอาณาเขตเท่านั้น ได้แก่ เอเชีย หรือประเทศไทย โดยเบี้ยประกันภัยจะแตกต่างกันไปแล้วแต่เขตความคุ้มครอง
แผนความคุ้มครอง Silver โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยที่รักษาพยาบาลระหว่างวัน
- ค่าห้องพักผู้ป่วยรวมกับค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกิน 5,200 บาทต่อวัน
- ค่าธรรมเนียมโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก
- ค่าเคมีบำบัด และค่ารังสีบำบัด,ค่าล้างไต และค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่าปรึกษาแพทย์และยา รวมถึงใบสั่งยา,ค่าวินิจฉัยโดยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์,ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการ เอ็กซ์เรย์ อัลตร้าซาวด์ และค่ากายภาพบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 35,000 บาทต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลสำหรับผลประโยชน์อื่นๆ
- ค่ารถพยาบาล,ค่ารักษาทันตกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุ,ค่าศัลยกรรมในช่องปาก และภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
สำหรับแผนความคุ้มครอง Silver จะให้ผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี ไม่เกินนั้นไม่เกิน 6 ล้านบาท และจะคุ้มครองเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น
แผนความคุ้มครอง Smart โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในและผู้ป่วยที่รักษาพยาบาลระหว่างวัน
- ค่าห้องพักผู้ป่วยรวมกับค่าอาหาร เบิกได้ไม่เกิน 5,200 บาทต่อวัน
- ค่าธรรมเนียมโรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก
- ค่าเคมีบำบัด และค่ารังสีบำบัด,ค่าล้างไต และค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
- ค่าปรึกษาแพทย์และยา รวมถึงใบสั่งยา,ค่าวินิจฉัยโดยเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์,ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการ เอ็กซ์เรย์ อัลตร้าซาวด์ และค่ากายภาพบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 12,000 บาทต่อปี
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลสำหรับผลประโยชน์อื่นๆ
- ค่ารถพยาบาล,ค่ารักษาทันตกรรมเนื่องจากอุบัติเหตุ,ค่าศัลยกรรมในช่องปาก และภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการคลอดบุตร ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อปี
สำหรับแผนความคุ้มครอง Smart จะให้ผลประโยชน์รวมสูงสุดต่อปี ไม่เกินนั้นไม่เกิน 3 ล้านบาท และจะคุ้มครองเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น
iMoney ขอแนะนำให้คุณเลือกเป็นแผนความคุ้มครอง Platinum เนื่องจากให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมจริงๆสำหรับเรื่องการตั้งครรภ์ที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลสำหรับการตั้งครรภ์และคลอดบุตรแบบสุดคุ้ม ถ้าหากต้องการมองหาประกันชีวิต คลอดบุตร ควรจะเลือกเป็นแบบนี้เลยนะคะ
เงื่อนไขในการสมัครประกันสุขภาพ iHealthy
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 16 – 80 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบรายปี แบบปีต่อปี
ช่องทางการสมัครประกันชีวิตกรุงไทย แอกซ่า : หากสนใจก็ติดต่อหรือสอบถามได้กับตัวแทนของประกันชีวิตของกรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต ได้เลย หรือเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ก็ง่ายดีค่ะ คลิกที่นี่เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตคลอดบุตร ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ จากเอ็ทน่า ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ ให้คุณได้ดูแลคุณ และคนที่คุณรัก ด้วยแผนประกันสุขภาพที่คุ้มค่า ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วยวงเงินที่สูงเลย สำหรับคุณผู้หญิงที่คิดจะมีลูกน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการคลอดลูกเลย ถ้ามีประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ และซื้อประกันพ่วงที่จะมาดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในเกี่ยวกับการคลอดลูก จ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อยแต่รับรองได้คุ้มจริงๆค่ะ
จุดเด่นของประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์
- ซื้อประกันสุขภาพได้โดยที่ไม่ต้องซื้อประกันชีวิตหลัก
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลวงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท
- และสามารถซื้อประกันอื่นๆเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ
- คุ้มครองทั้งการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก
- คุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ
ประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ เพอร์ซันนัลแคร์ มีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 2 แผน คือ ซูพีเรีย และอัลทิเมท ซึ่งทั้งแผนความคุ้มครองนี้ก็จะมีวงเงินในการรักษาพยาบาลที่แตกต่างกัน และเช่นเดียวกันสำหรับคนที่ต้องการซื้อความคุ้มครองเพิ่มในส่วนของค่าคลอดลูกนั้นก็มี 2 แผนความคุ้มครองเช่นเดียวกัน เรามาดูรายละเอียดต่างๆกันเลยดีกว่าค่ะ
แผนความคุ้มครองซูพีเรีย
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน จะคุ้มครองอยู่ที่วงเงิน 1,000,000 บาท
- ค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการพยาบาล ถ้าหากเป็นห้องปกติ จะเบิกได้ไม่เกิน 8,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องคนไข้ผู้ป่วยหนัก หรือห้อง C.U จะเบิกได้ไม่เกิน 16,000 บาท
- ค่าบริการทั่วไปสำหรับการรักษาพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 80,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีผู้ป่วยนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาท
- ค่ารถพยาบาลรวมไปถึงค่าบริการทั่วไป จะเบิกได้ไม่เกิน 1,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด รวมถึงค่าปรึกษาแพทย์ก่อนการผ่าตัด จะเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 1,800 บาทต่อวัน
- คุ้มครองประกันอุบัติเหตุส่วน่บุคคลจะคุ้มครองอยู่ที่วงเงิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทางบริษัทประกันจะจ่ายชดเชยเพิ่มเติมให้อีก 80% ของค่าใช้จ่ายส่วนเกินผลประโยชน์ของค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน
แผนความคุ้มครองอัลทิเมท
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน จะคุ้มครองอยู่ที่วงเงิน 5,000,000 บาท
- ค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการพยาบาล ถ้าหากเป็นห้องปกติ จะเบิกได้ไม่เกิน 12,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องคนไข้ผู้ป่วยหนัก หรือห้อง C.U จะเบิกได้ไม่เกิน 24,000 บาท
- ค่าบริการทั่วไปสำหรับการรักษาพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีผู้ป่วยนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จะเบิกได้ไม่เกิน 25,000 บาท
- ค่ารถพยาบาลรวมไปถึงค่าบริการทั่วไป จะเบิกได้ไม่เกิน 1,000 บาท
- ค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด รวมถึงค่าปรึกษาแพทย์ก่อนการผ่าตัด จะเบิกได้ไม่เกิน 250,000 บาท
- ค่าแพทย์เยี่ยมไข้ ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 4,500 บาทต่อวัน
- คุ้มครองประกันอุบัติเหตุส่วน่บุคคลจะคุ้มครองอยู่ที่วงเงิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ ในกรณีที่ค่ารักษาพยาบาลมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทางบริษัทประกันจะจ่ายชดเชยเพิ่มเติมให้อีก 80% ของค่าใช้จ่ายส่วนเกินผลประโยชน์ของค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน
อย่างที่เราบอกไปนั้นว่าหากต้องการซื้อประกันชีวิต คลอดลูก นั้นแนะนำให้ซื้อประกันสุขภาพที่ความคุ้มครองสูติกรรมเพิ่มเติมอีกนึดนึง มีรายละเอียดดังนี้
แผนความคุ้มครองพีเรีย/อัลทิเมท
- คุ้มครองค่าคลอดลูก ไม่ว่าจะเป็นการคลอดตามธรรมชาติ หรือจะผ่าคลอด หรือการคลอดโดยใช้เครื่องมือช่วย จะเบิกได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- คุ้มครองในกรณีที่เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก และการคลอดบุตรโดยผ่าตัดฉุกเฉิน จะเบิกได้ไม่เกิน 60,000 บาท
- หากมีการแท้งบุตร ก็จะเบิกได้ไม่เกิน 15,000 บาท
เงื่อนไขในการสมัครประกันชีวิตคลอดบุตร
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 15 วันขึ้นไปจนถึงอายุ 65 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบรายปี แบบปีต่อปี
ช่องทางการสมัครประกันคลอดบุตร : หากสนใจก็ติดต่อหรือสอบถามได้กับตัวแทนของประกันชีวิตของเอ็ทน่า ประกันสุขภาพ ได้เลย หรือเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ก็ง่ายดีค่ะ คลิกที่นี่เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตคลอดบุตร โครงการเมืองไทย แฮปปี้ เลดี้ พลัส จากเมืองไทยประกันชีวิต
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันชีวิตที่ตอบโจทย์สำหรับผู้หญิง ด้วยการเลือกทำประกันชีวิต โครงการเมืองไทย แฮปปี้ เลดี้ พลัส ที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ ที่จะมาดูแลคุ้มครองโรคภัยต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง ครอบคลุมการตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ และภายหลังคลอดบุตร และเรื่องความสวยความงามของคุณผู้หญิงเราเข้าใจ และยิ่งถ้าใบหน้าจะต้องมีแผลไฟลวก ประกันชีวิตนี้ยังให้การครอบคลุมในการทำศัลยกรรมผิวหนังใบหน้าได้อีกด้วย
จุดเด่นของประกันชีวิตคลอดบุตร โครงการเมืองไทย แฮปปี้ เลดี้ พลัส
- ครอบคลุมการตั้งครรภ์
- คุ้มครองโรคร้ายที่เกิดกับผู้หญิง
- สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี
แผนความคุ้มครอง ซึ่งมีเลือกด้วยกัน 5 แผน มีรายละเอียดดังนี้
แผนความคุ้มครองที่ 1 โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองชีวิต ในกรณีที่เสียชีวิต ด้วยวงเงิน 100,000 บาท
- คุ้มครองโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านมหรือปากมดลูก หรือโรคมะเร็งอื่นๆ หรือ โรคลูปัส หรือ โรค SLE เมื่อตรวจพบหรือมีอาการเจ็บป่วย จะเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- หากมีการผ่าตัดมดลูกหรือเต้านม จะเบิกได้ไม่เกิน 60,000 บาท
- การทำศัลยกรรมปะแต่งผิวหนังใบหน้า และผ่าตัดเสริมทรวงอก จะเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- คุ้มครองในขณะตั้งครรภ์ จะเบิกได้ไม่เกิน 40,000 บาท
- คุ้มครองหลังการคลอดลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 80,000 บาท
แผนความคุ้มครองที่ 2 โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองชีวิต ในกรณีที่เสียชีวิต ด้วยวงเงิน 100,000 บาท
- คุ้มครองโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านมหรือปากมดลูก หรือโรคมะเร็งอื่นๆ หรือ โรคลูปัส หรือ โรค SLE เมื่อตรวจพบหรือมีอาการเจ็บป่วย จะเบิกได้ไม่เกิน 400,000 บาท
- หากมีการผ่าตัดมดลูกหรือเต้านม จะเบิกได้ไม่เกิน 120,000 บาท
- การทำศัลยกรรมปะแต่งผิวหนังใบหน้า และผ่าตัดเสริมทรวงอก จะเบิกได้ไม่เกิน 400,000 บาท
- คุ้มครองในขณะตั้งครรภ์ จะเบิกได้ไม่เกิน 80,000 บาท
- คุ้มครองหลังการคลอดลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 160,000 บาท
แผนความคุ้มครองที่ 3 โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองชีวิต ในกรณีที่เสียชีวิต ด้วยวงเงิน 100,000 บาท
- คุ้มครองโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านมหรือปากมดลูก หรือโรคมะเร็งอื่นๆ หรือ โรคลูปัส หรือ โรค SLE เมื่อตรวจพบหรือมีอาการเจ็บป่วย จะเบิกได้ไม่เกิน 600,000 บาท
- หากมีการผ่าตัดมดลูกหรือเต้านม จะเบิกได้ไม่เกิน 180,000 บาท
- การทำศัลยกรรมปะแต่งผิวหนังใบหน้า และผ่าตัดเสริมทรวงอก จะเบิกได้ไม่เกิน 600,000 บาท
- คุ้มครองในขณะตั้งครรภ์ จะเบิกได้ไม่เกิน 120,000 บาท
- คุ้มครองหลังการคลอดลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 240,000 บาท
แผนความคุ้มครองที่ 4 โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองชีวิต ในกรณีที่เสียชีวิต ด้วยวงเงิน 100,000 บาท
- คุ้มครองโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านมหรือปากมดลูก หรือโรคมะเร็งอื่นๆ หรือ โรคลูปัส หรือ โรค SLE เมื่อตรวจพบหรือมีอาการเจ็บป่วย จะเบิกได้ไม่เกิน 800,000 บาท
- หากมีการผ่าตัดมดลูกหรือเต้านม จะเบิกได้ไม่เกิน 240,000 บาท
- การทำศัลยกรรมปะแต่งผิวหนังใบหน้า และผ่าตัดเสริมทรวงอก จะเบิกได้ไม่เกิน 800,000 บาท
- คุ้มครองในขณะตั้งครรภ์ จะเบิกได้ไม่เกิน 160,000 บาท
- คุ้มครองหลังการคลอดลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 320,000 บาท
แผนความคุ้มครองที่ 5 โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองชีวิต ในกรณีที่เสียชีวิต ด้วยวงเงิน 100,000 บาท
- คุ้มครองโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคมะเร็งเต้านมหรือปากมดลูก หรือโรคมะเร็งอื่นๆ หรือ โรคลูปัส หรือ โรค SLE เมื่อตรวจพบหรือมีอาการเจ็บป่วย จะเบิกได้ไม่เกิน 1,000,000 บาท
- หากมีการผ่าตัดมดลูกหรือเต้านม จะเบิกได้ไม่เกิน 300,000 บาท
- การทำศัลยกรรมปะแต่งผิวหนังใบหน้า และผ่าตัดเสริมทรวงอก จะเบิกได้ไม่เกิน 1,000,000 บาท
- คุ้มครองในขณะตั้งครรภ์ จะเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- คุ้มครองหลังการคลอดลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 400,000 บาท
เงื่อนไขในการสมัครประกันชีวิตสำหรับคนท้อง โครงการเมืองไทย แฮปปี้ เลดี้ พลัส
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 – 40 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 5 ปี และคุ้มครอง 5 ปี
- สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ทั้งรายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน หรือรายปี
ช่องทางการสมัครประกันสุขภาพคุ้มครอง ตั้งครรภ์ : หากสนใจก็ติดต่อหรือสอบถามได้กับตัวแทนของประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต ได้เลย หรือจะสมัครง่ายๆ ผ่านทางออนไลน์ คลิกเลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตคลอดบุตร ประกันสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ จากเมืองไทยประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ สำหรับคุณผู้หญิงอยากมีประกันชีวิตที่คุ้มครองค่าคลอดลูก นอกจากดูแลค่าคลอดลูกแล้วยังให้ดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งในกรณีที่นอนโรงพยาบาล หรือไม่นอนโรงพยาบาลในกรณีที่เหตุฉุกเฉินจากอุบัติเหตุก็ยังดูแลอีก เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ครบทุกเรื่องของสุขภาพ ทำให้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาล ไม่เพียงเท่านี้คุณยังสามารถนำเบี้ยประกันภัยมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วยค่ะ
จุดเด่นของประกันสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์
- ดูแลค่ารักษาพยาบาลในการคลอดลูก
- มีหลากหลายแผนความคุ้มครองให้เลือก
- คุ้มครองดูแลค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน
- สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี
- เบี้ยประกันภัยสามารถนำมาลดภาษีได้อีกด้วย
หากคุณจะเลือกทำ ประกันสุขภาพ สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ อีลิท เฮลท์ จะต้องมีประกันชีวิตหลักเสียก่อน แล้วค่อยมาซื้อประกันสุขภาพนี้ได้ ซึ่งมีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 4 แผนความคุ้มครอง โดยจะมีผลประโยชน์วงเงินคุ้มครองไม่เท่ากัน และแน่นอนเบี้ยประกันภัยก็ย่อมที่จะไม่เท่ากัน แต่วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องประกันชีวิตคลอดบุตรเราจึงของหยิบยกมาเฉพาะแผนความคุ้มครองที่ดูแลค่ารักษาพยาบาลในการคลอดบุตรเท่านั้นมาฝาก ซึ่งมีเพียงแค่แผนความคุ้มครองที่ 3 และแผนความคุ้มครองที่ 4 มีรายละเอียดดังนี้
แผนความคุ้มครองที่ 3 (ผลประโยชน์สูงสุดถึง 75 ล้านบาท) โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- กรณีเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน
- ค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการพยาบาล ถ้าหากเป็นห้องปกติ จะเบิกได้ไม่เกิน 15,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องคนไข้ผู้ป่วยหนัก หรือห้อง C.U จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่าบริการทั่วไปสำหรับการรักษาพยาบาล, ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาลประจำวันและค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ, ค่าธรรมเนียมวิสัญญีแพทย์ และ/หรือวิสัญญีพยาบาล,ค่าห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ในห้องผ่าตัด จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ จะเบิกได้ตามที่จริง แต่จะเบิกได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
- ค่าห้องพักในโรงพยาบาลสำหรับคุณพ่อหรือคุณแม่ จะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน
- ค่าฟื้นฟูสภาพในฐานะผู้ป่วยใน จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่ารักษาทางจิตเวชในฐานะผู้ป่วยใน สามารถเบิกได้ไม่เกิน 75,000 บาทต่อโรค แต่เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 300,000 บาท ตลอดชีวิต
- ค่าพยาบาลส่วนตัวตามคำแนะนำแพทย์หลังจากการเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 4,000 บาทต่อวัน
- คุ้มครองในการรักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน
- ค่าเรียกรถพยาบาล, ค่าทำฟันในกรณีที่เกิดมาจากอุบัติเหตุ, ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีผู้ป่วยนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และค่าบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก
- ค่าธรรมเนียมปรึกษาแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางรวมไปถึงค่าวินิจฉัยและค่ายา ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อครั้ง สามารถเบิกได้ไม่เกิน 20 ครั้งต่อปี
- กรณีที่รักษากับแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม ธรรมชาติบำบัดกระดูกและกล้ามเนื้อบำบัด และการจัดกระดูก จะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
- ค่ากายภาพบำบัด, ค่าภาพวินิจฉัยขั้นสูง, ค่ารักษาโรคมะเร็ง และค่าล้างไต สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- คุ้มครองค่าคลอดบุตร
- กรณีที่คลอดโดยธรรมชาติ สามารถเบิกได้ไม่เกิน 90,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ผ่าคลอด สามารถเบิกได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อครั้ง
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการถ่างขยายปากมดลูกและการขูดมดลูกกรณีแท้งบุตร สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- ค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
- ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อปี
- ค่าฉีดวัคซีน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 4,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาทางทันตกรรม ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาทางสายตา ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อปี
แผนความคุ้มครองที่ 4 (ผลประโยชน์สูงสุดถึง 100 ล้านบาท) โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- กรณีเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน
- ค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการพยาบาล ถ้าหากเป็นห้องปกติ จะเบิกได้ไม่เกิน 25,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องคนไข้ผู้ป่วยหนัก หรือห้อง C.U จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่าบริการทั่วไปสำหรับการรักษาพยาบาล, ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาลประจำวันและค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ, ค่าธรรมเนียมวิสัญญีแพทย์ และ/หรือวิสัญญีพยาบาล,ค่าห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ในห้องผ่าตัด จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการปลูกถ่ายอวัยวะ จะเบิกได้ตามที่จริง แต่จะเบิกได้แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
- ค่าห้องพักในโรงพยาบาลสำหรับคุณพ่อหรือคุณแม่ จะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน
- ค่าฟื้นฟูสภาพในฐานะผู้ป่วยใน จะเบิกได้ตามที่จริง
- ค่ารักษาทางจิตเวชในฐานะผู้ป่วยใน สามารถเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อโรค แต่เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 400,000 บาท ตลอดชีวิต
- ค่าพยาบาลส่วนตัวตามคำแนะนำแพทย์หลังจากการเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน
- คุ้มครองในการรักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน
- ค่าเรียกรถพยาบาล, ค่าทำฟันในกรณีที่เกิดมาจากอุบัติเหตุ, ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉินกรณีผู้ป่วยนอก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และค่าบริการการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก
- ค่าธรรมเนียมปรึกษาแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและแพทย์เฉพาะทางรวมไปถึงค่าวินิจฉัยและค่ายา ซึ่งจะเบิกได้ตามจริง สามารถเบิกได้ไม่เกิน 360 ครั้งต่อปี
- กรณีที่รักษากับแพทย์ทางเลือก เช่น การฝังเข็ม ธรรมชาติบำบัดกระดูกและกล้ามเนื้อบำบัด และการจัดกระดูก จะเบิกได้ไม่เกิน 40,000 บาทต่อปี
- ค่ากายภาพบำบัด, ค่าภาพวินิจฉัยขั้นสูง, ค่ารักษาโรคมะเร็ง และค่าล้างไต สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- คุ้มครองค่าคลอดบุตร
- กรณีที่คลอดโดยธรรมชาติ สามารถเบิกได้ไม่เกิน 150,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่ผ่าคลอด สามารถเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการถ่างขยายปากมดลูกและการขูดมดลูกกรณีแท้งบุตร สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- ค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์และหลังคลอดบุตร สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
- ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
- ค่าฉีดวัคซีน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 6,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาทางทันตกรรม ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาทางสายตา ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 7,500 บาทต่อปี
ทั้งนี้ คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ความคุ้มครองให้เลือกด้วย 4 อณาเขต ดังนี้ 1.เฉพาะประเทศไทย 2.ทวีปเอเชีย เฉพาะบังกลาเทศ ภูฏาน บรูไน กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ลาว มาเก๊า มาเลเซีย มัลดีฟส์ มองโกเลีย พม่า เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ศรีลังกา ไต้หวัน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน เวียดนามและไทยเท่านั้น 3.ทั่วโลกยกเว้นสหรัฐอเมริกาและเกาะเล็กรอบนอกของสหรัฐอเมริกา และทั่วโลก ซึ่งในการเลือกความคุ้มครองนี้จะมีผลต่อการคิดเบี้ยประกันภัยนั่นเองค่ะ
เงื่อนไขในการสมัครประกันสําหรับคนท้อง
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 – 80 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี โดยสามารถต่อได้จนถึงอายุ 84 ปี
- สามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ทั้งรายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน หรือรายปี
ช่องทางการสมัคร : หากสนใจก็ติดต่อหรือสอบถามได้กับตัวแทนของประกันชีวิตของเมืองไทยประกันชีวิต ได้เลย หรือจะสมัครง่ายๆ ผ่านทางออนไลน์ คลิกเลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันชีวิตคลอดบุตร ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส จากอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส ที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพในโรงพยาบาลเครือ BDMS กว่า 45 โรงพยาบาลทั่วประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ด้วยวงเงินที่สูงถึง 100 ล้านบาทต่อปีกันเลย ที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นจะนอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล ก็หายห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปได้เลย ไม่เพียงเท่านี้ยังให้ความคุ้มครองค่าคลอดบุตร ทันตกรรมและสายตา มีบริการตรวจสุขภาพประจำปีอีกด้วย
จุดเด่นของประกันคลอดบุตร ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส
- ครอบคลุมทุกการรักษาพยาบาล
- ค่ารักษาพยาบาลวงเงินสูงถึง 100 ล้านบาท
- ค่าตรวจสุขภาพ สูงสุดถึง 20,000 บาทต่อปี
- มีโรงพยาบาลในเครือข่ายกว่า 45 โรงพยาบาล
ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส มีแผนความคุ้มครองด้วยกัน 2 แผน คือ แผนบียอนด์แพลทินัม กับ แผนแพลทินัม ซึ่งเราต้องขอบอกเลยว่าถ้าหากคุณต้องการประกันชีวิตที่คุ้มครองดูแลค่าคลอดลูกนั้น ต้องเลือก แผนบียอนด์แพลทินัม นี้เลยค่ะ เราจึงไม่พลาดนำรายละเอียดต่างๆมาให้เลยค่ะ
แผนบียอนด์แพลทินัม (ผลประโยชน์สูงสุดถึง 100 ล้านบาท) โดยมีความคุ้มครองดังนี้
- กรณีเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน
- ค่าห้อง ค่าอาหารและค่าบริการพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 18,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องคนไข้ผู้ป่วยหนัก หรือห้อง C.U จะเบิกได้ตามที่จริง
- สามารถเบิกค่าใช้จ่ายรายวันเพื่อการดูแล กรณีผู้เอาประกันภัยมีอายุต่ำกว่า 16 ปี จะเบิกได้วันละ 3,000 บาท
- ค่าแพทย์ตรวจรักษาในโรงพยาบาลประจำวันต่อวัน, ค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค และค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในอื่นๆ จะเบิกได้ตามที่จริง
- การศัลยกรรมตกแต่ง อันเนื่องจากอุบัติเหตุหรือโรคมะเร็ง จะเบิกได้ตามที่จริง
- การรักษาทางทันตกรรมอันเนื่องจากอุบัติเหตุ จะเบิกได้ตามที่จริง
- การรักษาโรคทางจิตเวช จะเบิกได้ไม่เกิน 250,000 บาทต่อปี และเบิกได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อสัญญากรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก
- ค่าแพทย์ผ่าตัดผู้ป่วยนอก, ค่าเอ็กซเรย์และแล็บ สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุ สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- ค่าเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา สำหรับการรักษาโรคมะเร็ง และค่าล้างไต สามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง
- ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก จะเบิกไม่เกิน 30 ครั้ง และจะจ่ายให้ตามจริง
- ค่ากายภาพบำบัด ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์คงทน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาท
- ค่าฉีดวัคซีน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 80,000 บาท
- ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท และจะเบิกได้ไม่เกิน 1 ครั้ง
- คุ้มครองค่าตรวจรักษาทันตกรรม จะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองค่าตรวจรักษาสายตา จะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับการตั้งครรภ์ และการคลอดบุตร
- กรณีที่คลอดปกติ สามารถเบิกได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด สามารถเบิกได้ไม่เกิน 400,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
- ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อปี
- ค่าฉีดวัคซีน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 6,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาทางทันตกรรม ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี
- ค่ารักษาทางสายตา ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 7,500 บาทต่อปี
ทั้งนี้ การให้ความคุ้มครองนั้น ในกรณีการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลหรือคลินิก เครือบีดีเอ็มเอส จะเบิกได้เต็ม100% ของค่ารักษาพยาบาลอันพึงจะจ่ายตามจำนวนเงินผลประโยชน์ แต่ถ้าในกรณีที่ไปรักษาตัวที่ไม่ใช่โรงพยาบาลหรือคลินิก เครือบีดีเอ็มเอสนั้น จะให้ความคุ้มครองในกรณีนี้เท่านั้น กรณีการรักษาพยาบาลในประเทศไทย ให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินหรือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเท่านั้น และกรณีการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ ให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเท่านั้น
เงื่อนไขในการสมัครประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส
- จะต้องมีอายุตั้งแต่ 6 – 70 ปี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยแบบปีต่อปี โดยสามารถต่อได้จนถึงอายุ 84 ปี
- จะต้องมีประกันชีวิตหลักเสียก่อน ซึ่งสามารถเลือกเป็นประกันชีวิต อยุธยาชั่วระยะเวลา หรือ แบบประกันภัยอื่นที่สามารถแนบสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพได้ ที่มีทุนประกันภัย 100,000 บาทขึ้นไป
ช่องทางการสมัครประกันคนท้อง : หากสนใจก็ติดต่อหรือสอบถามได้กับตัวแทนของประกันชีวิตของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต หรือจะสมัครง่ายๆ ผ่านทางออนไลน์ คลิกเลย
ทั้ง 5 ประกันชีวิต คลอดลูก ที่เราได้คัดเลือกและนำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าจะถูกอกถูกใจเพื่อนๆกันนะคะ จากที่เราได้แนะนำไปนั้น หากเพื่อนๆไม่ต้องการที่จะทำประกันชีวิตก่อน แต่ต้องการที่จะทำประกันสุขภาพนี้อย่างเดียว เราขอแนะนำให้เลือกเป็น เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ ที่ให้เลือกสมัครได้เลยโดยที่ไม่จำเป็นต้องทำประกันชีวิตหลัก และในส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เราแนะนำไปนั้น จำเป็นที่จะต้องทำประกันชีวิตหลักเสียก่อนค่ะ นอกจากนี้แล้วในเว็บไซต์ iMoney.in.th ยังมีบทความอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวกับประกันชีวิตในรูปแบบต่างๆมากมาย เพื่อนๆสามารถไปอ่านเพื่อเปรียบเทียบจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ต่างๆ สุดท้ายนี้ฝากเพื่อนๆกดไลค์ กดแชร์ กันมากๆนะคะ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับเพื่อนคนอื่นๆค่ะ