อัพเดทข้อมูลสินเชื่อบ้านธนาคารไหนดี 2020 ตารางเปรียบเทียบดอกเบี้ยบ้านธนาคารไหนดีสุด mrr ของแต่ละธนาคารเท่าไหร่ กู้บ้านธนาคารไหนดี มาดูกัน
ความฝันของทุกคนคือการมี “บ้าน” ทำงานหาเงินทุกวันนี้ก็เพื่อที่จะมีบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะสร้างครอบครัวให้อยู่ร่วมกัน ฉะนั้นหากเพื่อนๆอยากมีบ้าน ก็ควรจะเริ่มมีการวางแผนการเงินที่ดี ควรจะออมเงินฝากไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อที่เวลาไปกู้ซื้อบ้านจะได้ง่ายขึ้น เพราะในการประเมินการซื้อบ้านนั้นธนาคารจะมีหลักเกณฑ์ต่างๆในการพิจารณา เช่น หนี้สินของคุณว่ามีเท่าไร มีเงินเก็บไหม เงินเดือนเท่าไร มีกำลังในการผ่อนชำระกับธนาคารได้หรือไม่ ถ้าสิ่งที่เราได้บอกนั้นคุณได้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ การมีบ้านก็ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปค่ะ แต่ในปัจจุบันนี้มีบ้านจัดสรรมากกมาย มีโปรโมชั่นของต่างๆ ทำให้เพื่อนๆหลายคนอาจจะสับสนไม่รู้ว่าเริ่มอย่างไรดี ก่อนอื่นเลยค่ะ หากเพื่อนๆเลือกบ้านที่ถูกใจได้แล้ว ลองตามโครงการดูว่าเข้าร่วมกับธนาคารพาณิชย์แห่งไหน เพื่อที่เพื่อนๆจะได้รับสิทธิประโยชน์ที่คุ้มที่สุด และอาจจะได้รับดอกเบี้ยที่ดีที่สุด และในการขอกู้ซื้อบ้านนั้น iMoney ขอแนะนำให้เพื่อนๆทำเรื่องขอกู้ไว้ประมาณ 2 – 3 ธนาคารนะคะ เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบ และเผื่อว่าธนาคารไหนไม่ผ่านการอนุมัติ จะได้ไม่เสียเวลาไปยื่นเรื่องใหม่ค่ะ นอกจากนี้แล้วเพื่อนๆหลายคนอาจจะทำมีคำถามมากมายที่เกี่ยวกับการขอสินเชื่อบ้าน ว่ามีอะไรบ้าง วันนี้ iMoney เราจึงได้รวบรวมคำถามที่จะมาไขข้อสงสัยของเพื่อนๆกันค่ะ
สินเชื่อบ้าน คืออะไร
สินเชื่อบ้าน คือ การขอกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพื่อมาซื้อบ้านที่อยู่อาศัย หรือจะเป็นขอกู้เงินเพื่อการปลูกสร้างบ้านก็ได้เช่นกัน นอกจากบ้านแล้วยังมีคอนโดมิเนียม หรืออาคารพาณิชย์ หรือทาวโฮม และทาวเฮาท์ ให้ขอกู้สินเชื่อได้อีกด้วย โดยสินเชื่อบ้านนี้จะเป็นสินเชื่อระยะยาวที่ให้ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 30 – 35 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ซึ่งในการขอสินเชื่อบ้านนั้นจะต้องนำบ้านที่ซื้อมาค้ำประกัน หลังจากที่ผ่อนครบกำหนดเรียบร้อยแล้ว ธนาคารก็จะโอนชื่อบ้านให้เป็นกรรมสิทธิ์ของคุณทันที และปัจจุบันนี้ก็มีสินเชื่อบ้านที่แยกไปตามอาชีพของผู้กู้ เช่น สินเชื่อบ้านสวัสดิการพนักงานองค์กร สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะ เป็นต้น
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านมีกี่ประเภท
การคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านนั้น ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) และอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) ลองมาดูรายละเอียดของการคิดดอกเบี้ยในแต่ละประเภทกันค่ะ
อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate)
อัตราดอกเบี้ยคงที่ ความหมายก็ตามชื่อเลย คือจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวไม่มีการเปลี่ยนขึ้นลงตามสภาพตลาดเงินหรือต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงินเลย ซึ่งก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว และมักจะใช้สำหรับการขอสินเชื่อบ้านในช่วง 3 – 6 เดือนแรก หรือปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นดอกเบี้ยก็จะปรับเปลี่ยนเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate)
อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารที่ประกาศไว้ ณ ปัจจุบัน การขอสินเชื่อบ้านนั้น หากเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวนั้น ธนาคารส่วนใหญ่จะอ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยMRR (Minimum Retail Rate) ซึ่งแต่ละธนาคารก็จะมีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน
ทั้งนี้ ในการขอสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารส่วนใหญ่แล้วก็จะมักคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ในช่วงแรกๆ แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเป็นอัตราคงที่แบบขั้นบันได หรือเปลี่ยนมาเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เราขอยกตัวเอย่างเช่น ขอกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรายละเอียดของการคิดอัตราดอกเบี้ย ดังนี้
- ปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ตลอดทั้งปี อยู่ที่ร้อยละ 3.40 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 2 ขึ้นไปจนถึงครบสัญญา ดอกเบี้ยจะเปลี่ยนมาเป็นดอกเบี้ยลอยตัว อยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี (ดอกเบี้ย MRR = 7.75)
หากถามต่อว่าวิธีการคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารมีวิธีคิดคำนวณอย่างไร ซึ่งจริงๆแล้ว สำหรับใครที่จะคิดจะซื้อบ้านนั้น อย่างน้อยๆก็ควรจะต้องรู้ไว้ว่าวิธีการคิดดอกเบี้ยเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ลองคำนวณดูเอง เรามีวิธีมาฝากกันค่ะ
วิธีการคิดคำนวณดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน
เงินต้นคงเหลือ x ดอกเบี้ย x จำนวนวันของเดือน (30วัน)
——————————————————————-
365 วัน (จำนวนวันภายใน 1 ปี)
ยกตัวอย่าง กรณีที่กู้ซื้อบ้านในราคา 1,000,000 บาท
ธนาคารคิดดอกเบี้ยคงที่ 3.40% ต่อปี และปีถัดไปธนาคารคิดดอกเบี้ยลอย MRR – 2.00 ต่อปี
ยอดเงินผ่อนจ่ายอยู่ที่เดือนละ 10,000 บาท
เดือนที่ 1 เงินที่ 10,000 บาท ที่จ่ายไปนั้น จะต้องคิดเป็นดอกเบี้ยอยู่ที่เท่าไร คำนวณได้ดังนี้
ดอกเบี้ย/เดือน = 1,000,000 x 3.40% x 30 ÷ 365 = 2,794.52 บาท
ดังนั้น เงินที่จะต้องจ่ายให้ธนาคาร 10,000 บาท ก็จะเป็นเงินต้นอยู่ที่ 7,205.48 บาท
ยอดเงินต้นคงเหลือจะอยู่ที่ 992,794.52 บาท
เดือนที่ 2 เงินที่ 10,000 บาท ที่จ่ายไปนั้น จะต้องคิดเป็นดอกเบี้ยอยู่ที่เท่าไร คำนวณได้ดังนี้
ดอกเบี้ย/เดือน = 992,764.52 x 5.75% x 30 ÷ 365 = 4,691.83 บาท
ดังนั้น เงินที่จะต้องจ่ายให้ธนาคาร 10,000 บาท ก็จะเป็นเงินต้นอยู่ที่ 5,308.17 บาท
ยอดเงินต้นคงเหลือจะอยู่ที่ 987,486.35 บาท
หากจะขอสินเชื่อบ้านจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการขอสินเชื่อบ้านก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำหรับคนที่วางแผนขอกู้เงินซื้อบ้านนั้นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้ขอสินเชื่อครั้งเดียวแล้วผ่านเลย วันนี้เราจะบอกกันว่าถ้าจะขอสินเชื่อบ้านนั้นจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
ประเมินศักยภาพของตัวเอง
ก่อนที่จะไปดูสินเชื่อบ้านธนาคารต่างๆนั้น สิ่งแรกเลยก็ควรจะต้องพิจารณาตัวเองเสียก่อนว่าปัจจุบันมีรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยเท่าไร มีหนี้สินที่จะต้องจ่ายเท่าไร ที่สำคัญที่ผ่านมามีประวัติการจ่ายดีหรือไม่ เพราะถ้ามีการค้างจ่ายอยู่บ่อยครั้ง หรือบางคนอยู่ระหว่างปิดหนี้อยู่นั้น บอกเลยว่าโอกาสในการผ่านของสินเชื่อบ้านนั้นก็เห็นจะยาก หรือใครที่ไม่มีประวัติค้างจ่ายเลย แต่มีภาระหนี้สูงเกือบ 80% ของรายได้ โอกาสในการอนุมัติก็ยากเช่นเดียวกัน ฉะนั้นก่อนที่จะขอกู้บ้านควรที่จะสำรวจประเมินรายได้ รายจ่ายของตัวเองด้วย ถึงแม้ว่าธนาคารจะบอกว่าอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้ 100% ของราคาบ้าน ก็ใช่ว่าคุณจะได้รับวงเงินนั้น ยังไงเสียธนาคารก็จะต้องไปตรวจสอบกับข้อมูลเครดิตบูโร เพื่อมาประกอบการพิจารณาและอนุมัติวงเงินให้กับคุณ
เลือกโครงการบ้าน หรือคอนโดมิเนียมที่จะซื้อ
การเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมก็เป็นเรื่องที่คุณควรใส่ใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีโครงการบ้านจัดสรรต่างๆ รวมไปถึงคอนโดมิเนียม ที่สร้างขึ้นมาใหม่ๆมากมาย แต่อาจจะมีเพียงไม่มีกี่โครงการที่เรามักจะได้ยินชื่อ ยิ่งเป็นโครงการของแบรนด์ดังๆ ราคาก็ย่อมสูงตามไปด้วย แต่นั่นก็จะได้ความน่าเชื่อถือจากธนาคารในการประเมินหลักทรัพย์และวงเงินในการอนุมัติให้กับคุณ เพราะบางธนาคารนั้นก็จะพิจารณาจากรายได้ของคุณประกอบกับราคาซื้อขาย รวมไปถึงทำเลที่ตั้งด้วย
นอกจากนี้แล้ว สินเชื่อบ้านหลายธนาคารเดี๋ยวนี้ก็มักจะเข้าร่วมโครงการต่างๆ มากมาย ถ้าหากคุณไปเลือกซื้อบ้านจัดสรรที่เข้าร่วมกับธนาคารนั้น แล้วยื่นเรื่องขอกู้ ถ้าผ่านก็มีโอกาสได้วงเงินที่สูง ดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ เป็นต้น
วางแผนทางการเงินให้กับตัวเอง
สำหรับใครที่เริ่มมีความคิดจะซื้อบ้านในช่วงปีสองปีข้างหน้านั้น ควรที่จะต้องเตรียมตัวที่จะเริ่มออมเงิน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการฝากเงินทั่วไป หรือเลือกฝากประจำ หรือซื้อสลากต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีเงินเก็บ เพราะบางธนาคารในการขอกู้สินเชื่อบ้านนั้น เขาก็จะขอดูเงินเก็บของคุณด้วยว่ามีไหม บางคนมีรายได้ไม่มากนัก แต่มีเงินเก็บอยู่หลายบาท และมีการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ ธนาคารก็จะประเมินได้ว่าหากยามฉุกเฉิน คุณก็จะมีเงินสำรองมาจ่าย ซึ่งต้องยอมรับว่าการกู้ซื้อบ้านนั้น วงเงินค่อนข้างสูง ฉะนั้นการปล่อยกู้ก็จะค่อนข้างยาก ธนาคารจะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้นเท่านั้น
ขอสินเชื่อบ้านมีขั้นตอนอย่างไร
สำหรับใครที่กำลังคิดซื้อบ้านด้วยการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารนั้น แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงส่วนไหนก่อนดีนั้น วันนี้เรามีขั้นตอนการยื่นขอสินเชื่อบ้านมาฝากกันค่ะ
เปรียบเทียบสินเชื่อบ้านธนาคารต่างๆ
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ควรทำสำหรับการขอสินเชื่อบ้านนั้นก็คือ หาข้อมูลของสินเชื่อบ้านกับธนาคารที่เราสนใจ ควรจะเลือกมาอย่างน้อยๆสัก 3 ธนาคาร ก็เพื่อจะได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าธรรมเนียมที่จะต้องเสียมีอะไรบ้าง วงเงินในการปล่อยสินเชื่อ รวมไปถึงระยะเวลาการผ่อน นอกจากนี้แล้วอาจจะพิจารณาได้จากโครงการบ้าน หรือคอนโดมิเนียมที่เรากำลังคิดว่าจะซื้อนั้นเข้าร่วมโครงการกับธนาคารไหน เพื่อที่จะช่วยทำให้การอนุมัตินั้นง่ายขึ้น และเมื่อตัดสินใจได้แล้ว แนะนำว่าให้ยื่นเรื่องขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารอย่างน้อย 3 ธนาคาร เผื่อมีธนาคารที่ไม่อนุมัติ เราก็จะไม่ต้องเสียเวลาในการยื่นเรื่องอีก หรือถ้าโชคดีอนุมัติทั้ง 3 ธนาคาร คราวนี้เราก็มาดูกันสิว่าธนาคารเจ้าไหนให้วงเงินสูงสุดที่ มีข้อเสนอดี ดอกเบี้ยไม่สูงมากนัก ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
จัดเตรียมเอกสารในการยื่นขอสินเชื่อบ้าน
เอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อนั้นก็เปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักสำคัญในการขอสินเชื่อเลยก็ว่าได้ เพราะจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้นก็ขึ้นอยู่กับเอกสารของเรา ซึ่งเอกสารที่จะต้องใช้ก็จะมีบัตรประชาชน เอกสารแสดงถึงรายได้ เพราะเอกสารเหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่า เราเป็นใคร ทำงานอะไร มีรายได้เท่าไร ปัจจุบันมีภาระหนี้สินเท่าไร และที่สำคัญคือมีความสามารถในการผ่อนจ่ายมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นถ้าอยากให้มีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุมัตินั้นก็ควรที่จะทำให้ภาระหนี้ที่เป็นอยู่นั้นเหลือน้อยที่สุดหรือถ้าจะให้ปิดไปก่อนเลยก็ยิ่งดี
ยื่นเอกสารขอสินเชื่อบ้านกับธนาคาร
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกธนาคารไหนก็ยื่นเอกสารสมัครขอสินเชื่อบ้านได้เลย หลังจากนั้นก็นั่งรออย่างเดียวเลยค่ะ รอผลการพิจารณาจากธนาคาร ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้เวลาในการพิจารณาอยู่ประมาณ 7 – 30 วันทำการ อาจะช้าหรือเร็วนั้นก็จะขึ้นอยู่กับพิจารณาของแต่ละธนาคาร เพราะธนาคารจะต้องพิจารณาคุณสมบัติของเราจากเอกสารที่ยื่นไปให้
สมัครสินเชื่อบ้านจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
สำหรับเอกสารที่ใช้ในการยื่นขอสินเชื่อบ้านนั้น ก็จะแบ่งไปตามอาชีพของผู้กู้ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กรณีที่ผู้กู้มีรายได้ประจำ เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองการทำงาน ที่ระบุ เงินเดือน ตำแหน่งงาน และอายุการทำงาน
- สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน
- กรณีที่เปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล จะต้องเอกสารเปลี่ยนแปลงมาด้วย
- กรณีที่สมรสแล้วจะต้องแนบเอกสารของคู่สมรสมายื่นขอสินเชื่อบ้านด้วย
กรณีที่ผู้กู้มีอาชีพอิสระ หรือมีอาชีพเฉพาะ
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เช่น แพทย์, วิศวกร, ทนายความ, สถาปนิก
- เอกสารแสดงรายได้ เช่น ใบทวิ 50 หรือหลักฐานการเสียภาษี เป็นต้น
- สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน
- กรณีที่เปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล จะต้องเอกสารเปลี่ยนแปลงมาด้วย
- กรณีที่สมรสแล้วจะต้องแนบเอกสารของคู่สมรสมายื่นขอสินเชื่อบ้านด้วย
กรณีที่ผู้กู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือเป็นเจ้าของกิจการ
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทพร้อมวัตถุประสงค์ คัดไม่เกิน 3 เดือน
- สำเนาใบกรมทะเบียนการค้า
- สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ
- สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชี ย้อนหลัง 6 เดือน
เทคนิคการขอสินเชื่อบ้านอย่างไรให้ผ่าน
การกู้ซื้อบ้านนั้น บางคนก็บอกว่าเป็นสินเชื่อที่ขอยากมาก เพราะบางคนมีรายได้สูงๆก็ใช่ว่าจะผ่านการอนุมัติ หรือบางคนที่มีรายได้พอประมาณกลับได้รับการอนุมัติจากธนาคาร ซึ่งวันนี้เราจะมาบอกเทคนิคเล็กๆน้อยๆกันว่ายื่นกู้ซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่านง่ายที่สุด มาดูกันเลยค่ะ
มีภาระหนี้สินให้น้อยลง
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้าน กู้เงินสินเชื่อบ้านนั้น ควรจะต้องรีบเคลียร์หนี้ต่างๆ อย่างเช่น หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะเวลาธนาคารจะประเมินก็จะพิจารณาจากภาระหนี้สินว่ามีมากน้อยแค่ไหน เพียงพอกับรายได้หรือไม่ และหลังจากหักหนี้แล้วมีเงินเหลือใช้ส่วนตัวถึง 30% หรือไม่ แม้ว่าคุณอาจจะคิดว่าปัจจุบันเช่าคอนโดอยู่ในราคาที่สูง ถ้าเปลี่ยนมาซื้อก็สามารถจ่ายได้อย่างแน่นอน แต่ธนาคารเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาจะต้องประเมินแล้วว่าถ้าอนุมัติเงินให้กับคุณไปนั้นจะกลายเป็นหนี้เสียหรือไม่ ฉะนั้นก่อนที่จะยื่นเรื่องขอสินเชื่อควรจะปิดหนี้ให้หมด พอธนาคารอนุมัติสินเชื่อบ้านแล้วค่อยไปสมัครบัตรเครดิตใหม่ก็ได้ค่ะ
มีเงินเข้าเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับใครที่มีอาชีพอิสระ ก็จะไม่มีสลิปเงินเดือนมายืนยันรายได้นั้น อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้การขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารนั้นง่ายขึ้นก็คือ การมีเงินฝากธนาคารเป็นประจำทุกเดือนให้มีความสม่ำเสมอ เพราะธนาคารก็จะดูจากการเดินบัญชี และควรทำไปเรื่อยๆสักประมาณ 6 – 12 เดือนขึ้นไป เพื่อที่จะเป็นการสร้างประวัติในการใช้จ่ายของคุณ แต่ก็ใช่ว่าฝากเงินแล้วจะถอนออกมาใช้ไม่ได้นะคะ คุณยังสามารถถอนเงินได้ตามปกติ แต่ก็ควรจะต้องมีเงินเหลือติดบัญชีไว้บ้างอย่างน้อยๆสักประมาณ 15% ของวงเงินที่คุณจะกู้ซื้อบ้าน ยิ่งเงินเหลือติดบัญชีมากเท่าไร โอกาสในการอนุมัติสินเชื่อก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย เพราะธนาคารจะประเมินได้ว่าคุณมีความสามารถในการจ่ายหนี้อย่างแน่นอน
การสร้างเครดิตการเงินที่ดี
การสร้างเครดิตหรือประวัติการชำระที่ดี นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการขอสินเชื่อเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อทำบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อบุคคล และยิ่งสินเชื่อบ้านด้วยแล้ว ธนาคารก็จะต้องพิจารณาดูด้วยว่าประวัติการเงินที่ผ่านมาของคุณเป็นอย่างไร อย่างหลายๆคนที่ไม่อนุมัติสินเชื่อก็เหตุผลหนึ่งมาจากเครดิตบูโรนั่นเอง เพราะเครดิตบูโรจะบอกได้ว่าเลยปัจจุบันคุณมีหนี้อยู่เท่าไร กับสถาบันการเงินที่ไหนบ้าง มีประวัติการจ่ายเป็นอย่างไร จ่ายเพียงแค่ขั้นต่ำ จ่ายตรงเวลา หรือค้างจ่ายอยู่เป็นประจำ ฉะนั้นก่อนการยื่นเรื่องซื้อบ้านนั้นก็ควรจะสร้างเครดิตของคุณให้ดี และแนะนำเลยว่าไม่ควรมีหนี้เกิน 80% ของรายได้ เพราะถ้าเป็นหนี้เกินเมื่อไรนั้นโอกาสที่จะขอกู้ซื้อบ้านก็แทบจะไม่มีเลยค่ะ
แหละทั้งหมดนี้ก็คือข้อควรรู้ก่อนที่จะกู้ซื้อบ้าน แม้ว่าบางคนอาจจะคิดว่าการซื้อบ้านนั้นเป็นเรื่องยาก และอาจจะเป็นเรื่องที่ใหญ่สำหรับใครหลายคน แต่ต้องบอกเลยว่าถ้าเริ่มวางแผนและมีการเตรียมตัวที่ดี การกู้สินเชื่อบ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องอีกต่อไป แม้ว่าจะมีรายได้ที่ไม่มาก แต่ถ้าไม่มีหนี้สิน มีเงินเก็บ โอกาสที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดจะเริ่มวางแผนซื้อบ้านก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อม สร้างประวัติเครดิตการทางเงินให้ดีๆ ก็เพื่อประโยชน์ที่ดีให้กับตัวคุณเอง สำหรับใครที่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกกู้ซื้อบ้านกับธนาคารไหนดีนั้น มาดูข้อมูลเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย วงเงินสินเชื่อของแต่ละธนาคารได้ที่ iMoney.in.th ได้เลยค่ะ
สินเชื่อบ้านธนาคารต่างๆ
สินเชื่อบ้านแบ่งตามลักษณะการใช้งาน
รวม 10 สินเชื่อบ้านที่น่าสนใจประจำปี 2563
รวม 10 สินเชื่อบ้านที่น่าสนใจ – สวัสดีค่ะทุกคนกลับมาพบกันเป็นประจำเช่นเคยกับพวกเราชาว iMoney ที่มาพร้อมกับสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตาม และเช่นเดียวกัน วันนี้เราจะบอกเล่ากันถึงเรื่องสินเชื่อบ้าน เนื่องจาก“บ้าน”เป็นสิ่งที่ทุกคนก็อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างก็ทำให้บางคนที่อยากมีบ้านก็ยังไม่สามารถมีได้ อาจจะด้วยหนี้สิน หรือมีรายได้ไม่พอใช้ แต่ก็ใช่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะไม่สามารถมีบ้านได้ เพราะเดี๋ยวมีธนาคารรัฐที่สนับสนุนอยากให้ทุกคนมีบ้านเป็นของตัวเอง จัดทั้งโปรโมชั่น ส่วนลด ดอกเบี้ย รวมไปถึงเงื่อนไขง่ายๆในการขอสินเชื่อบ้าน และสำหรับใครที่กำลังวางแผนจะเก็บเงินซื้อบ้าน หรือเริ่มต้นครอบครัวต้องการสร้างประกันความมั่นคงในอนาคต เริ่มมองหาบ้านกันอยู่นั้น ไม่ควรพลาดที่จะอ่านบทความในวันนี้เลย เพราะเราได้รวบรวม 10 สินเชื่อบ้านที่น่าสนใจจากธนาคารต่างๆ มาฝากกันรับรองได้ว่าคงจะถูกใจใครหลายๆคนกันเลยค่ะ
สินเชื่อบ้านเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ ธนาคารกรุงเทพ
อ่านแค่ชื่อสินเชื่อก็คงพอที่รู้กันแล้วว่าเป็นสินเชื่อเฉพาะอาชีพเท่านั้น ซึ่งคนที่จะสมัครสินเชื่อนี้ได้นั้นจะต้องมีอาชีพเป็นหมอไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม หรือผู้ที่เป็นผู้พิพากษาและอัยการ หรือนักบิน เท่านั้น หากคุณเป็นหนึ่งในที่มีอาชีพนี้ก็สมัครได้เลย เพราะจะได้รับวงเงินที่สูงสุดถึง 100% จากราคาซื้อขายบ้านกันเลย ยังสามารถให้ผ่อนจ่ายได้ด้วยว่าจะผ่อนแบบขั้นบันได หรือค่อยๆผ่อนจากน้อยไปหามาก หรือใครที่ต้องการผ่อนแบบคงที่ ตลอดอายุสัญญาเลยก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีระยะเวลาการให้ผ่อนให้นาน 35 ปีกันไปเลย ไม่เพียงเท่านี้ยังจะไม่ต้องเสียเงินค่าประเมินราคาหลักประกัน และค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่ออีกด้วย
จุดเด่นของสินเชื่อบ้านเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ ธนาคารกรุงเทพ
- ระยะเวลาการผ่อนได้นานสูงสุด 35 ปี
- วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% จากราคาซื้อขาย
- ฟรีค่าธรรมเนียมในการประเมินและการจัดการสินเชื่อ
- สามารถเลือกผ่อนจ่ายได้ทั้งแบบขั้นบันไดหรือจ่ายแบบคงที่
วงเงินอนุมัติสินเชื่อบ้าน ธนาคารกรุงเทพ : วงเงินสูงสุด 100% ของราคาซื้อขายและราคาประเมิน
อัตราดอกเบี้ยบ้าน สินเชื่อเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารจะมีให้เลือกว่าจะทำประกันชีวิตคุ้มครองเครดิตโฮมเฟิสต์หรือไม่ ในกรณีที่เลือกทำประกันนั้นจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 0.25 ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยจะมีทางเลือกให้ด้วยกันถึง 3 ทางเลือก ซึ่งถ้าใครเลือกที่จะผ่อนชำระแบบขั้นบันได จะเลือกได้เฉพาะทางเลือกที่ 1 – 2 แต่ถ้าเลือกผ่อนชำระแบบคงที่ก็สามารถเลือกได้ทุกทางเลือกได้เลย และปัจจุบันดอกเบี้ย MRR = 7.125 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 1
- ปีแรกธนาคารจะคิดดอกเบี้ยคงที่จะอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านนั้นดอกเบี้ยในปีแรกจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
- ปีที่ 2 – 3 จะทำประกันหรือไม่ทำประกันคุ้มครองธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไป จะทำประกันหรือไม่ทำประกันคุ้มครองธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ MRR – 00 ต่อปี
- ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 4.08 – 4.14 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2
- ปีแรกธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันคุ้มครองสินเชื่อบ้านนั้นดอกเบี้ยในปีแรกจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 4.25 ต่อปี
- ปีที่ 2 – 3 จะทำประกันหรือไม่ทำประกันคุ้มครองธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ MRR – 00 ต่อปี
- ปีที่ 4 ขึ้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ MRR – 00 ต่อปี ซึ่งก็จะเท่ากับดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 เลย
- ทั้งนี้ ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 3.95 – 4.01 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน : ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี และพิเศษสำหรับคนที่เป็นพนักงานประจำสามารถผ่อนได้นานสูงสุด 35 ปี
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อบ้านเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ : จะต้องมีอายุเฉพาะที่กำหนดเท่านั้น ได้แก่ กลุ่มวิชาชีพแพทย์ กลุ่มวิชาชีพผู้พิพากษาและอัยการ และกลุ่มวิชาชีพนักบิน (นักบินพาณิชย์) ซึ่งจะต้องมีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และจะต้องมีประวัติทางการเงินที่ดีในฐานข้อมูลหนี้ค้างชำระ และไม่อยู่ระหว่างถูกสอบสวนทางวินัย ทางจรรยาบรรณ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพ
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูง จากธนาคารกรุงเทพ
สำหรับใครที่มีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงเทพ และมีรายได้สูงประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน โดยเป็นพนักงานที่ทำงานในองค์กรธุรกิจซึ่งเป็นที่ยอมรับ หากคุณมีความฝันที่ต้องการซื้อบ้านใหม่ หรือจะสร้างบ้านเอง หรือใครที่กำลังคิดจะรีไฟแนนซ์บ้านจากสถาบันการเงินอื่นๆอยู่ก็สมัครได้เลยกับสินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูงที่จะช่วยทำให้ฝันคุณกลายเป็นจริง ด้วยวงเงินที่ให้สูงถึง สูงสุด 100% ของราคาซื้อขายและราคาประเมิน พร้อมให้ผ่อนสบายนานถึง 35 ปีกันเลย และฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน และค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่ออีกด้วย
จุดเด่นของสินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูง ธนาคารกรุงเทพ
- กู้ง่าย ให้วงเงินสูงถึง 100%
- ผ่อนรายเดือนสบายๆนาน 35 ปี
- ดอกเบี้ยสามารถเลือกได้แบบคงที่หรือขั้นบันได
- ฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆในการขอสินเชื่อบ้านกับธนาคาร
วงเงินอนุมัติสินเชื่อบ้าน : สินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูง จะให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาซื้อขายและราคาประเมิน ซึ่งก็จะเท่ากับสินเชื่อเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะเลยล่ะค่ะ
อัตราดอกเบี้ยบ้าน สินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูง จากธนาคารกรุงเทพ
การคิดดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูงก็จะคล้ายๆกับสินเชื่อเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะเลยที่เลือกทำประกันชีวิตในการคุ้มครองสินเชื่อนั้น ดอกเบี้ยในช่วงปีแรกก็จะได้รับส่วนลดอยู่ที่ร้อยละ 0.25 ต่อปี แต่ข้อแตกต่างของดอกเบี้ยสินเชื่อนี้ก็คือ การคิดดอกเบี้ยนั้นจะขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้สมัคร ซึ่งธนาคารจะแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ช่วง คือ ตั้งแต่ 50,000 – 99,999 บาท หรือ ตั้งแต่ 100,000 – 199,999 บาท หรือ 200,000 บาทขึ้นไป ซึ่งเราได้มีรายละเอียดของดอกเบี้ยมาให้ดูกันดังนี้
สำหรับคนที่รายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทแต่ไม่เกิน 99,999 บาท ธนาคารจะมีดอกเบี้ยให้เลือก 2 ทางเลือก ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1
- ปีแรกของสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยจะคงที่อยู่ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี แต่ถ้าทำประกันสินเชื่อนั้นธนาคารจะดอกเบี้ยลดดอกเบี้ยให้อีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี
- ปีที่ 2 สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 50 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 3 ขึ้นไปนั้น สินเชื่อบ้านธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- สำหรับทางเลือกที่ 1 ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 4.18 – 4.24 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2
- ปีแรกของสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี แต่ถ้าทำประกันสินเชื่อนั้นธนาคารจะดอกเบี้ยลดดอกเบี้ยให้อีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 3.875 ต่อปี
- ปีที่ 2 – 3 สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไป ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 2 นี้จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี ซึ่งจะคิดอัตรานี้ตลอดทั้งสัญญาที่เหลืออยู่เลย
- สำหรับทางเลือกที่ 2 ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 4.17 – 4.22 ต่อปี
สำหรับคนที่รายได้ตั้งแต่ 100,000 บาทแต่ไม่เกิน 199,999 บาท ธนาคารจะมีดอกเบี้ยให้เลือก 2 ทางเลือก ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1
- ปีแรกของสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยจะคงที่อยู่ที่ร้อยละ 1.625 ต่อปี แต่ถ้าทำประกันสินเชื่อนั้นธนาคารจะดอกเบี้ยลดดอกเบี้ยให้อีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ 1.375 ต่อปี
- ปีที่ 2 สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ปีที่ 3 ขึ้นไปนั้น สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- สำหรับทางเลือกที่ 1 ดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 4.11 – 4.17 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2
- ปีแรกของสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยจะลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 875 ต่อปี แต่ถ้าทำประกันสินเชื่อนั้นธนาคารจะดอกเบี้ยลดดอกเบี้ยให้อีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 4.125 ต่อปี
- ปีที่ 2 สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 3 จนกว่าจะครบสัญญา สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- สำหรับทางเลือกที่ 2 ถ้าคิดเฉลี่ยแล้วดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญานั้นจะเท่ากับดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 เลย คืออยู่ที่ร้อยละ 4.11 – 4.17 ต่อปี
สำหรับคนที่รายได้ตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป ซึ่งจะต้องบอกเลยว่าสำหรับคนที่มีรายได้สูงๆนั้น ดอกเบี้ยจะถูก และก็มีทางเลือกให้เลือกด้วยกัน 2 ทางเลือก ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1
- ในช่วงปีที่ 1 ของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยคงที่ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตในการคุ้มครองสินเชื่อดอกเบี้ยก็ลดลงอีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
- ในช่วงปีที่ 2 จนถึงปีที่ 3 นั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปจนกว่าจะครบสัญญาเงินกู้นั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 4.08 – 4.13 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2
- ในช่วงปีที่ 1 ของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR 125 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตในการคุ้มครองสินเชื่อดอกเบี้ยก็ลดลงอีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR 4.375 ต่อปี
- ในช่วงปีที่ 2 จนถึงปีที่ 3 นั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 4.06 – 4.11 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ : สินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูงนี้ธนาคารจะให้ผ่อนได้นานสูงสุด 35 ปี
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูง : เป็นพนักงานประจำที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน โดยจะต้องรับเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงเทพ และจะเป็นพนักงานประจำที่ทำงานในองค์กรธุรกิจชั้นนำ เช่น ธนาคารพาณิชย์ไทย หรือสถาบันการเงินที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือกิจการรัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรที่แปรรูปจากรัฐวิสาหกิจ
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงเทพทุกสาขา ทั่วประเทศ
ซื้อบ้านกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สินเชื่อคอนโด
ชีวิตคนเมือง การมีคอนโดมิเนียนสักห้องก็คงจะดีไม่น้อย เดี๋ยวคอนโดส่วนใหญ่ก็สะดวกสบายในการเดินทางไปไหนมาไหนไม่ว่าจะไปทำงานก็ใกล้มีรถไฟฟ้า ไม่ต้องฝ่าฝันรถติด แถมการรักษาดูแลก็ง่ายกว่าการมีบ้าน และยิ่งคนโสดที่ต้องอยู่คนเดียวการมีคอนโดก็ตอบโจทย์ชีวิตได้เป็นอย่างดี สมัครเลยกับสินเชื่อคอนโด จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่มาพร้อมกับวงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน ดอกเบี้ยก็มีให้เลือกหลากหลาย และข่าวดีหากคุณสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2561 นี้จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี นาน 1 ปีกันเลย และยังฟรีค่าจดจำนองและค่าประเมินหลักทรัพย์อีกด้วย
จุดเด่นของสินเชื่อคอนโด จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- ระยะเวลาการผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี
- วงเงินกู้สินเชื่อบ้านให้สูงแบบเต็มๆ 100%
- ฟรีค่าจดจำนองและค่าประเมินหลักทรัพย์
วงเงินอนุมัติสินเชื่อคอนโด : สินเชื่อคอนโดธนาคารกรุงศรีจัดให้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาซื้อขายหรือราคาประเมินเลย ซึ่งถ้าได้เต็ม 100% ก็ทำให้ไม่ต้องวางเงินดาวน์ก็สามารถซื้อบ้านได้แล้ว
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อคอนโด ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
หากเลือกทำประกันชีวิตคุ้มครองก็จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 0.25 ต่อปี ซึ่งจะได้เฉพาะทางเลือกที่ 1 – 5 เท่านั้น
- ทางเลือกที่ 1
- สำหรับทางเลือกนี้ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันตลอดทั้งสัญญาเงินกู้ ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตนั้นดอกเบี้ยจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.75 ต่อปี
- โดยที่ดอกเบี้ยเฉลี่ยแล้วใน 3 ปีแรกนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 4.20 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.20 ต่อปีเช่นเดียวกันเลย
ทั้งนี้ แม้ว่าทางเลือกที่ 1 นั้นธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันก็จริงแต่ดอกเบี้ยนั้นจะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ขึ้นอยู่อัตราดอกเบี้ยของ MRR ถ้าอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะปรับขึ้นหรือลดลงก็ตาม ก็จะส่งผลต่อดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในทางเลือกที่ 1 ด้วย
- ทางเลือกที่ 2
- ดอกเบี้ยจะลอยตัวโดย 2 ปีแรกของสัญญาสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 95 ต่อต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตนั้นดอกเบี้ยในปีแรกจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 4.70 ต่อปี
- หลังจากปีที่ 2 ไปแล้ว ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันตลอดจนกว่าครบสัญญาดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรก จะอยู่ร้อยละ 3.23 ต่อปี หรือดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 4.05 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 3 ทางเลือกนี้ดอกเบี้ยจะไม่เท่ากันเลยในช่วง 3 ปีแรกของสัญญา
- ปีแรกของสัญญาธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 85 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตนั้นดอกเบี้ยในปีแรกจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 5.60 ต่อปี
- ปีที่ 2 ของสัญญาธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 15 ต่อปี
- ปีที่ 3 ของสัญญาธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 90 ต่อปี
- ปีที่ 4 เป็นต้นไปจนกว่าจะครบสัญญาธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกนั้น ดอกเบี้ยจะอยู่ร้อยละ 3.23 ต่อปี หรือดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 4.05 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 4
- ดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรกของสัญญาสินเชื่อบ้านนั้น ดอกเบี้ยจะเท่ากันซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 05 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตนั้นดอกเบี้ยในปีแรกจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 3.80 ต่อปี
- ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปนั้น ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรก จะอยู่ร้อยละ 3.15 ต่อปี หรือดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 4.08 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 5
- ดอกเบี้ยจะคงที่ในช่วงปีที่ 1 ของสัญญา ซึ่งดอกเบี้ยนั้นจะอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี แต่ถ้าเลือกทำประกันชีวิตนั้นดอกเบี้ยในปีแรกจะเหลืออยู่ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 2 ขึ้นไปนั้น ดอกเบี้ยจะเปลี่ยนเป็นลอยตัวโดยดอกเบี้ยในปีที่ 2 – 3 นั้นจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปนั้น ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรก จะอยู่ร้อยละ 3.30 ต่อปี ซึ่ง EIR หรือ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 4.07 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 6 ฟรีค่าจดจำนอง ซึ่งทางเลือกนี้ไม่ว่าจะทำประกันชีวิตหรือไม่ทำประกันชีวิตนั้น ดอกเบี้ยจะเท่ากันค่ะ
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยคงที่ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านตั้งแต่ปีที่ 2 ขึ้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- ดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรก จะอยู่ร้อยละ 3.63 ต่อปี หรือดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อคอนโด : สามารถผ่อนจ่ายสินเชื่อบ้านได้นานสูงสุด 30 ปี
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อคอนโด : อายุตั้งแต่ 20 – 65 ปี มีอาชีพเป็นพนักงานที่มีรายได้ประจำ หรือประกอบธุรกิจส่วนตัวก็ได้สมัครได้เลย
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา ทั่วประเทศ
ผ่อนบ้านกับธนาคารธนาคารออมสิน โครงการบ้านประชารัฐ
สำหรับคนที่มีรายได้น้อยก็ใช่ว่าจะไม่สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้ เนื่องจากธนาคารออมสินสนับสนุนให้ทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนแค่ไหน ก็สามารถมีบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ววันนี้ ก็สมัครได้เลยกับโครงการบ้านประชารัฐ จากธนาคารออมสิน โดยนำเงินที่ได้รับไปซื้อบ้าน หรือคอนโดที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐเท่านั้น รวมไปถึงการปลูกสร้างอาคารหรือต่อเติม ซ่อมแซม อาคารในที่ดินที่มีอยู่แล้วก็ได้เช่นกัน แถมยังให้เริ่มต้นผ่อนเดือนละ 3,000 บาทเท่านั้น และยังสามารถผ่อนจ่ายได้สบายๆนาน 30 ปีเลย
จุดเด่นสินเชื่อบ้าน โครงการบ้านประชารัฐ จากธนาคารออมสิน
- วงเงินอนุมัติสูงสุด 1,500,000 บาท
- ยืดระยะเวลาการผ่อนบ้านได้นาน 30 ปี
- อาชีพประจำ หรืออาชีพอิสระก็สมัครสินเชื่อได้
วงเงินอนุมัติ : ธนาคารแบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ หากกู้เงินไปซื้อหรือปลูกบ้านสร้างไม่เกิน 1,500,000 บาท และในกรณีที่ต่อเติมหรือซ่อมแซมไม่เกิน 500,000 บาท
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน โครงการบ้านประชารัฐ
การคำนวณดอกเบี้ยนั้นแบ่งแยกออกไปตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติ และปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR = 7.00 ต่อปี
- กรณีที่วงเงินกู้สินเชื่อบ้านไม่เกิน 700,000 บาท
- ดอกเบี้ยในปีแรกธนาคารออมสินจะยังไม่คิดดอกเบี้ยโดยที่ให้คุณผ่อนจ่ายเฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งวงเงินที่ผ่อนนั้นจะเป็นเงินต้นทั้งหมดเลย
- ดอกเบี้ยในช่วงปีที่ 2 จนถึงปีที่ 3 ธนาคารยังคงคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ตลอดปี โดยที่ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี ซึ่งจะให้คุณผ่อนจ่ายเฉลี่ยเดือนละ 3,000 บาท เหมือนกับในการผ่อนจ่ายในช่วงปีแรกเลย
- ดอกเบี้ยในช่วงปีที่ 4 จนถึงปีที่ 6 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ โดยที่ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี ซึ่งจะให้ผ่อนจ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยซึ่งจะอยู่ที่เดือนละ 4,000 บาท
- ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 7 ขึ้นไปนั้น ธนาคารจะเปลี่ยนมาคิดเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 475 ต่อปี ซึ่งจะเฉลี่ยให้ผ่อนจ่ายประมาณเดือนละ 4,500 บาท
- กรณีที่วงเงินกู้สินเชื่อบ้านเกิน 700,000 แต่ไม่เกิน 1,5000,000 บาท
- 3 ปีแรกของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยคงที่ตลอดและในอัตราเดียวกันเลยซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี ซึ่งจะให้คุณผ่อนจ่ายรายเดือนอยู่ที่เดือนละ 7,200 บาท
- ในช่วงปีที่ 4 – 6 ดอกเบี้ยก็จะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี โดยจะให้คุณผ่อนจ่ายรายเดือนเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 8,600 บาท
- หลังจากปีที่ 6 ไปแล้วจนกว่าจะครบกำหนดสัญญาสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะเปลี่ยนมาคิดเป็นดอกเบี้ยลอยตัว แต่ธนาคารก็จะแบ่งประเภทของลูกค้าว่าเป็นลูกค้าทั่วไป หรือลูกค้าที่มีข้กตกลงกับธนาคาร ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้
- กรณีที่เป็นลูกค้าทั่วไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 475 ต่อปี โดยที่จะต้องให้คุณผ่อนจ่ายรายเดือนประมาณเดือนละ 9,100 บาท
- กรณีที่เป็นลูกค้า MOU – ส่วนกลาง ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 725 ต่อปี โดยที่จะต้องให้คุณผ่อนจ่ายรายเดือนประมาณเดือนละ 8,900 บาท
ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โครงการบ้านประชารัฐ : สำหรับสินเชื่อนี้ธนาคารออมสินให้ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่อายุในตอนที่ขอสินเชื่อด้วย
คุณสมบัติผู้สมัครกู้สินเชื่อบ้าน โครงการบ้านประชารัฐ จากธนาคารออมสิน : สำหรับใครที่จะมาขอสินเชื่อบ้านนั้นจะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 – 65 ปี โดยที่ธนาคารไม่กำหนดอาชีพของคุณเลยไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำที่มีรายได้ประจำ หรือมีอาชีพอิสระ หรือมีธุรกิจส่วนตัว
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อบ้าน กรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สำหรับใครที่มีอาชีพ สัตวแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร ผู้พิพากษา และนักบินพาณิชย์ ที่ยังไม่มีบ้าน หรือกำลังวางแผนที่จะซื้อบ้านนั้นไม่ควรพลาดกับสินเชื่อบ้าน กรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ จากธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่มาพร้อมกับวงเงินที่สูงปรี๊ด ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนได้นานถึง 30 ปี และยังมีโปรโมชั่นลดพิเศษส่วนลดดอกเบี้ยอีกด้วย
จุดเด่นของสินเชื่อบ้าน กรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ
- สมัครง่าย อนุมัติเร็ว
- ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี
- อนุมัติให้วงเงินที่สูงเท่าราคาซื้อขาย
- ฟรีค่าจดจำนองและค่าประเมินหลักทรัพย์ในการขอสินเชื่อบ้าน
วงเงินอนุมัติกู้บ้าน : วงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000,000 บาท จากราคาประเมินหลักทรัพย์
อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้าน สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สำหรับสินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษนั้น ธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยที่หลากหลายทางเลือกให้คุณได้เลือกกัน ซึ่งจะมีด้วยกันอยู่ 6 ทางเลือก ซึ่งแต่ละทางเลือกก็จะมีดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไปสำหรับคนที่เลือกทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านนั้นจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี สำหรับในดอกเบี้ยในช่วงปีแรกเท่านั้น แต่จะได้เฉพาะดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 – 5 เท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยทางเลือกที่ 6 นั้นจะไม่ได้ส่วนลด แต่จะได้เป็นฟรีค่าจดจำนองหลักทรัพย์แทน งั้นเรามาดูรายละเอียดของดอกเบี้ยในแต่ละทางเลือกกันดีกว่าค่ะ
- ทางเลือกที่ 1
- ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันตลอดทั้งสัญญาซึ่งดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี และถ้าเลือกทำประกันชีวิตด้วยนั้น ดอกเบี้ยในปีแรกก็เลือกอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.75 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ย 3 ปีแรกจะเท่ากับร้อยละ 4.20 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.20 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2
- ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยใน 2 ปีแรก เป็นดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี และถ้าเลือกทำประกันชีวิตด้วยนั้น ดอกเบี้ยในปีแรกก็เลือกอยู่ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี
- ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 3 ขึ้นไป เป็นดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ย 3 ปีแรกจะเท่ากับร้อยละ 3.25 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.05 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 3
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านปีที่ 1 ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 85 ต่อปี และถ้าเลือกทำประกันชีวิตคุ้มครองนั้นดอกเบี้ยลดลงเหลืออยู่ที่ร้อยละ MRR – 5.60 ต่อปี
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านปีที่ 2 ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 15 ต่อปี
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านปีที่ 3 ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 90 ต่อปี
- ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านปีที่ 4 ขึ้นไปจนถึงครบสัญญา ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- เฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปีแรกนั้น ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.23 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.05 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 4
- ดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 05 ต่อปี แต่ถ้าได้ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นในปีแรกดอกเบี้ยจะลดลงเหลืออยู่ที่ร้อยละ 3.80 ต่อปี
- ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 ไปนั้น ดอกเบี้ยจะลอยตัวเพิ่มขึ้นอีกอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ย 3 ปีแรกจะเท่ากับร้อย3.15 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.08 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 5
- ในช่วงปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี และถ้าทำประกันชีวิตด้วยแล้วนั้นดอกเบี้ยก็จะยิ่งถูกลงไปอีกเหลืออยู่ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี
- ในช่วงปีที่ 2 – 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 625 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ย 3 ปีแรกจะเท่ากับร้อย 3.30 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.07 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 6 ฟรีค่าจดจำนอง
- ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในช่วงปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี
- ในส่วนของดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 2 ขึ้นไปจนถึงครบสัญญานั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเท่ากันทั้งหมดซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ย 3 ปีแรกจะเท่ากับร้อย 3.63 ต่อปี หรือถ้าคิดเป็นดอกเบี้ยที่แท้จริงก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ : สามารถผ่อนค่างวดสินเชื่อบ้านนานถึง 30 ปี
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อบ้าน สำหรับกลุ่มอาชีพพิเศษ ธนาคารกรุงศรี : อายุตั้งแต่ 20 – 65 ปี โดยจะต้องมีอาชีพเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ได้แก่ แพทย์ (แพทย์, สัตวแพทย์, ทันตแพทย์ และเภสัชกร) ผู้พิพากษา และนักบินพาณิชย์
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
สินเชื่อบ้านสำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้าน ประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม หรือใครที่อยากจะซื้ออาคารพาณิชย์ก็สมัครง่าย แถมยังอนุมัติรวดเร็วทันใจ ด้วยวงเงินที่สูง ดอกเบี้ยต่ำ ที่จะช่วยสร้างฝันให้คนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้แล้วยังให้ส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี ถ้าหากเลือกทำประกันชีวิตในการคุ้มครองอีกด้วย
จุดเด่นสินเชื่อบ้าน กรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
- กู้ง่าย ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนนาน
- ขอสินเชื่อบ้านได้ทุกประเภท
- ให้วงเงินสูงสุด 90% จากราคาซื้อขาย
วงเงินอนุมัติสินเชื่อบ้านกรุงศรี : ธนาคารจะให้วงเงินเริ่มต้นอยู่ที่ 1 ล้านบาท หรือสูงสุดไม่เกิน 90% จากราคาประเมินหลักทรัพย์ โดยที่คุณจะต้องเตรียมเงินดาวน์ไว้อย่างน้อย 10% จากราคาประเมินหลักทรัพย์
อัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
ธนาคารจะคำนวณไปตามประเภทของหลักทรัพย์ และวงเงินในการอนุมัติ ดังนี้
ประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม กรณีที่ได้วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ธนาคารจะดอกเบี้ยให้เลือกด้วยกัน 2 ทางเลือก ดังนี้
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1
- ปีแรกของสินเชื่อบ้านนั้น ดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 35 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 3.85 ต่อปี
- ปีที่ 2 ของสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 25 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 4.95 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไปจนกว่าจะครบสัญญา ดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 10 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.10 ต่อปี
- ถ้าคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยแล้วในช่วง 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.97 ต่อปี
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 2
- ในช่วงเดือนที่ 1 – เดือนที่ 6 ของสัญญาในปีแรก ดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ต่อปี
- ในช่วงเดือนที่ 7 – เดือนที่ 12 ของสัญญาในปีแรก ดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 60 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.60 ต่อปี
- ปีที่ 2 ของสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 35 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.85 ต่อปี
- ปีที่ 3 จนถึงหมดสัญญาสินเชื่อบ้านนั้น ดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 10 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.10 ต่อปี
- ถ้าคิดดอกเบี้ยเฉลี่ยแล้วในช่วง 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 5.17 ต่อปี
ทั้งนี้ จะสังเกตได้เลยว่าดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 กับทางเลือกที่ 2 นั้นก็จะแตกต่างกันในช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น เพราะหลังจาก 3 ปีแรกไปแล้ว ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราที่เท่ากันเลย โดยการเลือกนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณเอง แต่ถ้าจะให้ iMoney แนะนำขอเป็นทางเลือกที่ 1 เพราะเราพิจารณาจากดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก จะมีอัตราที่ถูกกว่าทางเลือกที่ 2 และนอกจากนี้แล้วถ้าคุณเลือกทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านด้วยนั้น ดอกเบี้ยในปีแรกจะลดลงไปอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี
ประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม วงเงินตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไป มีสามารถเลือกได้ 2 ทางเลือก
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1
- ปีแรกของสินเชื่อบ้าน ธนาคารคิดดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 50 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 3.70 ต่อปี
- ปีที่ 2 ของสินเชื่อบ้าน ธนาคารคิดดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 75 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 4.45 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 3 ของสินเชื่อบ้าน ธนาคารคิดดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 35 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.85 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ยของทางเลือกที่ 1 ในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 4.67 ต่อปี
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 2
- เดือนที่ 1 – 6 ในปีแรกของสัญญา ดอกเบี้ยจะคงที่อยู่ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี
- เดือนที่ 7 – 12 ในปีแรกของสัญญา ดอกเบี้ยจะลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MRR – 95 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.25 ต่อปี
- ปีที่ 2 ของสินเชื่อบ้าน ธนาคารคิดดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 75 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.45 ต่อปี
- ปีที่ 3 จนถึงครบสัญญา ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอัตราเดียวกันอยู่ที่ร้อยละ MRR – 35 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.85 ต่อปี
- เฉลี่ยแล้วดอกเบี้ยของทางเลือกที่ 2 ในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 4.85 ต่อปี
ประเภทอาคารพาณิชย์ วงเงินตั้งแต่ 1,000,000 – 5,000,000 บาท มีสามารถเลือกได้ 2 ทางเลือก
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1
- ดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีแรกของสัญญานั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 10 ต่อปี หรือเท่ากับ 5.10 ต่อปี
- ดอกเบี้ยในช่วงปีที่ 3 ขึ้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 85 ต่อปี หรือเท่ากับ 6.35 ต่อปี
- สำหรับดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 5.52 ต่อปี
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 2
- ปีแรกของสัญญา ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยคงที่ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ 4.75 ต่อปี
- ปีที่ 2 เป็นต้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยแบบลอยตัวซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 85 ต่อปี หรือเท่ากับ 6.35 ต่อปี
- สำหรับดอกเบี้ยทางเลือกที่ 2 ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 5.82 ต่อปี
ประเภทอาคารพาณิชย์ วงเงินตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไป มีสามารถเลือกได้ 2 ทางเลือก
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1
- ตั้งแต่ปีที่ 1 – ปีที่ 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 60 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 4.60 ต่อปี
- ปีที่ 4 เป็นต้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 85 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.35 ต่อปี
- ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก ก็จะอยู่ที่ร้อยละ 4.60 ต่อปี
- ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 2
- ในช่วงปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี
- ในช่วงปีที่ 2 เป็นต้นไปนั้น ธนาคารจะดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 85 ต่อปี ปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.35 ต่อปี
- ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก ก็จะอยู่ที่ร้อยละ 5.65 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ : สามารถผ่อนจ่ายได้สบายๆนาน 30 ปี ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับอายุของคุณในการที่สมัครด้วย เนื่องจากจะมีผลต่อระยะเวลาการในการผ่อนจ่าย
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อบ้าน กรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย : อายุตั้งแต่ 20 – 65 ปี สมัครได้ทุกอาชีพ ทั้งพนักงานประจำ หรือประกอบธุรกิจส่วนตัว
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ยูโอบี โฮมโลน จากธนาคาร UOB
สินเชื่อบ้านที่สมัครง่าย อนุมัติรวดเร็วภายใน 3 วันเท่านั้นก็รู้ผลทันที คิดจะมีบ้านต้องสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน จากธนาคาร UOB ที่จะตอบโจทย์เรื่องสินเชื่อบ้านให้สำหรับคนที่ฝันอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ที่พร้อมมากับวงเงินที่ให้สูงสุดถึง 100% จากราคาขายบ้าน รวมถึงดอกเบี้ยต่ำพิเศษ และไม่ว่าคุณจะซื้อบ้านมือหนึ่ง มือสอง หรือกู้เงินเพื่อสร้างบ้านก็สมัครได้เลย
จุดเด่นของสินเชื่อบ้าน ยูโอบี โฮมโลน จากธนาคาร UOB
- สมัครง่าย อนุมัติเร็วภายใน 3 วัน รู้ผล
- กู้ซื้อบ้านได้ทั้งบ้านมือหนึ่งหรือบ้านมือสอง
- สามารถผ่อนจ่ายได้สบายๆนานถึง 30 ปี
วงเงินอนุมัติสินเชื่อบ้านยูโอบี โฮมโลน : สูงสุด 100% จากราคาประเมินหลักทรัพย์ หรือให้สูงสุด 50,000,000 บาท โดยจะแบ่งไปตามวัตถุประสงค์ในการขอสินเชื่อ
- สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านใหม่
- ซื้อบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 95 – 100 ของราคาซื้อขาย และซื้อบ้านที่อยู่ในต่างจังหวัด วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 90 – 95 ของราคาซื้อขาย
- ซื้อคอนโดมิเนียมที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 95 ของราคาซื้อขายเลย ซื้อคอนโดมิเนียมที่อยู่ในต่างจังหวัด วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 75 – 90 ของราคาซื้อขาย
- สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านมือสอง
- ซื้อบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 95 – 100 ของราคาซื้อขาย และซื้อบ้านที่อยู่ในต่างจังหวัด วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 80 – 90 ของราคาซื้อขาย
- ซื้อคอนโดมิเนียมที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 95 – 100 ของราคาซื้อขายเลย ซื้อคอนโดมิเนียมที่อยู่ในต่างจังหวัด วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 75 – 90 ของราคาซื้อขาย
- สินเชื่อเพื่อก่อสร้างบ้าน
- วงเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ 85 ของราคาประเมินที่ดินรวมกับค่าก่อสร้างบ้าน
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านยูโอบี โฮมโลน จากธนาคาร UOB
การคิดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านของธนาคารยูโอบีนั้น จะขึ้นอยู่กับโครงการบ้านที่คุณเลือกซื้อด้วย โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ซื้อบ้านกับโครงการที่เป็นบริษัทมหาชน หรือซื้อบ้านกับโครงการที่ธนาคารให้การสนับสนุน หรือซื้อบ้านกับโครงการทั่วไป ทั้ง 3 ประเภทนี้จะมีดอกเบี้ยให้เลือกว่าจะใช้เป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว และปัจจุบัน ดอกเบี้ย MRR เท่ากับ 7.75% ต่อปี
สำหรับคนที่เลือกซื้อบ้านกับโครงการของบริษัทมหาชน
กรณีที่เลือกดอกเบี้ยแบบคงที่
- ดอกเบี้ยปีที่ 1 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.90 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 2 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.20 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 3 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 60 ต่อปี
- ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- กรณีที่ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.35 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.45 ต่อปี
กรณีที่เลือกดอกเบี้ยลอยตัว
- ดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 25 ต่อปี ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 5.15 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 3 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 15 ต่อปี ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 3.05 ต่อปี
- ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปนั้น ดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- กรณีที่ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.20 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.30 ต่อปี
สำหรับคนที่เลือกซื้อบ้านกับโครงการที่ธนาคารให้การสนับสนุน
กรณีที่เลือกดอกเบี้ยแบบคงที่
- ดอกเบี้ยปีที่ 1 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.10 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.20 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 2 จะอยู่ที่ร้อยละ 3.20 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.30 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 3 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.90 ต่อปี
- ทำประกันชีวิตหรือไม่ทำ ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี เท่ากันหมดเลย
- กรณีที่ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.68 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.78 ต่อปี
กรณีที่เลือกดอกเบี้ยลอยตัว
- ดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 05 ต่อปี ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 4.95 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 3 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 80 ต่อปี ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.70 ต่อปี
- ทำประกันชีวิตหรือไม่ทำ ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปจะเท่ากัน ซึ่งดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- กรณีที่ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.45 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.55 ต่อปี
สำหรับคนที่เลือกซื้อบ้านกับโครงการหมู่บ้านทั่วไป
กรณีที่เลือกดอกเบี้ยแบบคงที่
- ดอกเบี้ยในช่วง 2 ปีแรกของสัญญา จะอยู่ที่ร้อยละ 3.85 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.95 ต่อปี
- ดอกเบี้ยปีที่ 3 จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 15 ต่อปี แต่ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 3.05 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไป ไม่ว่าจะทำประกันชีวิตหรือไม่ทำประกันชีวิตก็ตาม ดอกเบี้ยจะเท่ากัน ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- กรณีที่ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 4.10 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 4.20 ต่อปี
กรณีที่เลือกดอกเบี้ยลอยตัว
- ดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 95 ต่อปี ถ้าไม่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 3.85 ต่อปี
- ดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไป จะเท่ากันหมดไม่ว่าจะทำประกันชีวิตหรือไม่ได้ทำประกันชีวิต โดยที่ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 00 ต่อปี
- กรณีที่ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.80 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ได้ทำประกันชีวิต ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก จะอยู่ที่ร้อยละ 3.90 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อบ้านยูโอบี : สินเชื่อบ้านธนาคารยูโอบีให้ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี ซึ่งระยะเวลาการผ่อนก็จะเท่ากับสินเชื่อบ้านธนาคารอื่นๆ
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน จากธนาคาร UOB : สามารถขอสินเชื่อบ้านได้ตั้งแต่อายุ 21 – 70 ปี โดยที่จะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทขึ้นไปต่อเดือน
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารยูโอบีทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ จากธนาคารกรุงไทย
สินเชื่อที่ให้คนทำงานภาครัฐต้องการซื้อบ้าน พร้อมที่ดิน ทาวเฮ้าส์ คอนโด ตึกแถว เพื่อเป็นที่อยู่ของตัวเองและครอบครัว หรือใครที่จะซื้อที่ดินเพื่อมาสร้างบ้านเองก็ได้เช่นเดียวกัน ด้วยวงเงินกู้สูงสุดถึง 100% ของราคาประเมิน และยังให้กู้เพิ่มเติมได้อีก 10% เพื่อตกแต่งบ้าน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อีกด้วย
จุดเด่นของสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ ธนาคารกรุงไทย
- สมัครง่าย ไม่ยุ่งยากเรื่องเอกสาร
- ดอกเบี้ยต่ำ ให้ผ่อนจ่ายได้สบาย
- ธนาคารอนุมัติให้วงเงินกู้สูงสุด 100%
- ระยะเวลาการผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี
วงเงินอนุมัติสินเชื่อกู้ซื้อบ้านกรุงไทย : วงเงินสูงสุดถึง 100% จากราคาประเมินธนาคาร และสามารถขอกู้เพิ่มได้อีก 10% เพื่อตกแต่งบ้าน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ
อัตราดอกเบี้ยกู้บ้านกรุงไทย สำหรับบุคลากรภาครัฐ : สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ ธนาคารจะคิดดอกเบี้ย ดังนี้
- ในช่วงปีที่ 1 ดอกเบี้ยจะคงที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี
- ในช่วงปี่ที่ 2 จนถึงปีที่ 3 ดอกเบี้ยจะลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MLR – 00 ต่อปี
- ในช่วงปีที่ 4 ขึ้นไปนั้น ดอกเบี้ยจะลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ MLR – 50 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระบ้านกรุงไทย : ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ : สมัครได้ทุกอาชีพไม่ว่าจะทำงานประจำหรือเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ซึ่งจะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี และจะต้องไม่มีประวัติเสียหายทางด้านการเงิน รวมถึงต้องไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ/ลูกจ้างกระทรวงกลาโหม จากธนาคารกรุงไทย
คราวนี้เรามาเอาใจกับเหล่าข้าราชการหรือลูกจ้างที่ทำงานที่กระทรวงกลาโหมกันบ้าง สำหรับใครที่อยากจะมีบ้านนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเพียงแค่สมัครสินเชื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ/ลูกจ้างกระทรวงกลาโหม จากธนาคารกรุงไทย ที่จะช่วยทำให้ชีวิตมีความมั่นคงมากขึ้น
จุดเด่นสินเชื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ/ลูกจ้างกระทรวงกลาโหม จากธนาคารกรุงไทย
- ขอกู้สินเชื่อบ้านง่าย ให้วงเงินสูง
- อนุมัติเร็วทันใจเพียงแค่ 7 วันก็รู้ผล
- ขอกู้เพิ่มได้ถึง 10% ของราคาประเมิน
วงเงินอนุมัติสินเชื่อบ้าน : สินเชื่อบ้านนี้ธนาคารจะให้วงเงินสูงสุดถึง 100% จากราคาประเมินธนาคาร และสามารถขอกู้เพิ่มได้อีก 10%
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ/ลูกจ้างกระทรวงกลาโหม : ธนาคารจะแบ่งออกเป็น 2 กรณีค่ะ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- กรณีหักเงินเดือนแล้วนำส่ง ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อกรุงไทยบ้านแสนสะดวก นั่นก็คือร้อยละ 25 – 0.25% ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 3.00 ต่อปีค่ะ
- กรณีที่หน่วยงานของคุณรับเงินเดือนผ่านธนาคาร ในปีที่ 1 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อกรุงไทยบ้านแสนสะดวก นั่นก็คือร้อยละ 25 – 0.50% ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 2.75 ต่อปีค่ะ
ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อบ้านธนาคารกรุงไทย : สูงสุดไม่เกิน 30 ปี
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ/ลูกจ้างกระทรวงกลาโหม : สินเชื่อบ้านนี้เฉพาะคนที่รับราชการหรือลูกจ้างประจำของกระทรวงกลาโหมเท่านั้น
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ทั่วประเทศ
สินเชื่อบ้าน ทีเอ็มบี [TMB]
สินเชื่อบ้าน ทีเอ็มบี ที่ตอบโจทย์คนที่อยากมีบ้าน คิดจะกู้ซื้อบ้านทั้งที ก็ควรเลือกในแบบที่ใช่และเป็นตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าบ้านประเภทไหน จะครอบครัวเล็ก ใหญ่ ก็สมัครได้เลย ด้วยวงเงินที่ให้สูงสุด 20,000,000 บาท และมีโปรโมชั่นส่วนดอกเบี้ยพิเศษให้อีก 3.5% ต่อปี ให้นานถึง 3 ปี ที่จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ขึ้น และยังฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆอีกด้วย ไม่เพียงเท่านี้ยังให้ผ่อนจ่ายสบายนาน 35 ปี นอกจากนี้ยังฟรีค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย และค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
จุดเด่นของสินเชื่อบ้าน TMB
- ดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% นาน 3 ปี
- ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท
- ฟรีค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อบ้าน
- ผ่อนจ่ายได้สบายๆนานสูงสุดถึง 35 ปี
วงเงินอนุมัติสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน TMB : วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20,000,000 บาท หรือสูงสุด 100% จากราคาประเมินของธนาคาร
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน สินเชื่อบ้าน TMB
การคิดดอกเบี้ยของธนาคารนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณด้วยว่าสมัครประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ ทีเอ็มบี คุ้มบ้าน (MRTA) สมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติผ่านธนาคาร TMB และสมัครบัตรเครดิต TMB หรือไม่ ประกอบการการเลือกซื้อบ้านว่าอยู่ในโครงการธนาคารกำหนด หรือเลือกซื้อบ้านจากโครงการทั่วไป โดยเรามีรายละเอียดการคิดดอกเบี้ยของธนาคารมาฝากกัน ดังนี้
กรณีซื้อบ้านจากบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ธนาคารกำหนด จะแบ่งเป็น 2 กรณีค่ะ ดังนี้
- สมัครผลิตภัณฑ์เสริมครบทั้ง 3 ประเภท
- 3 ปีแรกของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 775 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 775 ต่อปี
- สมัครผลิตภัณฑ์เสริมไม่ครบ 3 ประเภท
- 3 ปีแรกของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 285 ต่อปี
- ตั้งแต่ปีที่ 4 ขึ้นไปนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 025 ต่อปี
กรณีซื้อบ้านจากโครงการทั่วไป
- หากคุณสมัครผลิตภัณฑ์เสริมครบทั้ง 3 ประเภท
- 3 ปีแรกของสินเชื่อบ้านนั้น ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 525 ต่อปี
- ปีที่ 4 ขึ้นไปของสินเชื่อบ้าน ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 775 ต่อปี
- หากคุณสมัครผลิตภัณฑ์เสริมไม่ครบ 3 ประเภท
- ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันทั้งหมด ซึ่งจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 025 ต่อปี
กรณีกู้ซื้อบ้านมือสอง
- หากคุณสมัครผลิตภัณฑ์เสริมครบทั้ง 3 ประเภท ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 525 ต่อปี
- หากคุณสมัครผลิตภัณฑ์เสริมไม่ครบ 3 ประเภท ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ MRR – 025 ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ : ธนาคารจะให้ผ่อนได้ไม่เกิน 35 ปี แต่เมื่อรวมอายุกับระยะเวลาผ่อนแล้วจะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี ฉะนั้นยิ่งขอสินเชื่อบ้านตอนอายุน้อยๆ ก็จะมีระยะเวลาการผ่อนได้สูงมากขึ้น
คุณสมบัติผู้สมัครสินเชื่อบ้าน TMB : อายุตั้งแต่ 20 – 60 ปี หากเป็นพนักงานที่มีรายได้ประจำ จะต้องมีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือน โดยจะต้องมีเงินเดือนผ่านธนาคาร แต่ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว จะต้องมีเงินหมุนเวียนเดือนละ 20,000 บาท
ช่องทางการสมัคร : สนใจสมัครสินเชื่อได้ที่ธนาคารทหารไทยทุกสาขา ทั่วประเทศ
ตอบทุกคำถามที่พบบ่อยที่เกี่ยวกับสินเชื่อบ้าน
สินเชื่อบ้านมีประเภทอะไรบ้าง
สินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ จะมีสินเชื่อหลักๆ ดังนี้
- สินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม
- สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน สำหรับคนที่มีที่ดิน และต้องการกู้เงินเพื่อปลูกสร้างบ้าน
- สินเชื่อบ้านเพื่ออเนกประสงค์ สำหรับคนที่ต้องการเงินเพื่อไปใช้เกี่ยวกับบ้าน เช่น ซื้ออุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ต่อเติมบ้าน
สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร
สำหรับคนที่มีบ้านที่ปลอดภาระหนี้ และมีความจำเป็นต้องการใช้เงิน ก็สามารถขอกู้เงินกับธนาคารได้ โดยใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์การค้ำประกันในการขอกู้เงินค่ะ
วงเงินในการอนุมัติของสินเชื่อกู้ซื้อบ้านแต่ละธนาคารให้วงเงินเท่าไรกันบ้าง
สินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับคนที่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม แต่ละธนาคารจะให้วงเงินไม่เท่าไร ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- ธนาคารออมสิน สินเชื่อเคหะ และสินเชื่อเคหะสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อบ้านมือสอง ให้วงเงินกู้สูงถึง 90% จากราคาประเมิน และสำหรับสินเชื่อคอนโด ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคาร TMB สินเชื่อบ้าน ทีเอ็มบี ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารกรุงไทย สินเชื่อบ้านกรุงไทยบ้านแสนสะดวก และสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารกสิกรไทย สินเชื่อบ้านกสิกรไทย ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารยูโอบี ยูโอบี โฮมโลน ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารไทยพาณิชย์ สินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย (SCB New Loan) ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารธนชาต สินเชื่อบ้านใหม่ และสินเชื่อบ้านมือสอง ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
- ธนาคารกรุงเทพ สินเชื่อสำหรับผู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมจากโครงการจัดสรรต่างๆ ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
ระยะเวลาในการผ่อนสินเชื่อบ้านของแต่ละธนาคารสามารถผ่อนชำระได้กี่ปี
ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะให้คุณสามารถเลือกผ่อนได้นานสูงสุดถึง 30 ปีค่ะ แต่เมื่อรวมระยะเวลาในการผ่อนบวกกับอายุของคุณแล้วต้องไม่เกิน 65 ปีนะคะ และยังมีธนาคารพาณิชย์บางแห่งให้คุณผ่อนได้นานสูงสุด 35 ปีค่ะ ซึ่งจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารพาณิชย์ค่ะ
ต้องการจะกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย จะสามารถขอกู้ร่วมได้ไหม และกู้ร่วมได้กี่คน
สามารถกู้ร่วมได้ค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งว่าจะให้คุณกู้ร่วมได้สูงสุดกี่คน โดยส่วนใหญ่แล้วจะให้กู้ร่วมได้สูงสุดไม่เกิน 3 คน ถ้ารวมกับคุณแล้วก็เป็น 4 นะ แต่ผู้ที่จะมากู้ร่วมกับคุณจะต้องมีความสัมพันธ์กันนะคะ เช่น เป็นสามีภรรยา พี่น้องร่วมสายเลือด หรือคุณพ่อคุณแม่ของคุณค่ะ หรือลูก
สินเชื่อบ้านโครงการประชารัฐจะต้องไปสมัครที่ธนาคารไหน และให้วงเงินอนุมัติในการกู้เท่าไร
สำหรับคนที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และต้องการซื้อบ้านตามโครงการประชารัฐ ตามนโยบายของรัฐบาล สามารถไปสมัครได้ที่ธนาคารออมสินค่ะ โดยธนาคารจะให้วงเงินในการอนุมัตินั้นจะแบ่งไปตามวัตถุประสงค์ในการขอกู้เงินจากธนาคารค่ะ โดยธนาคารได้แบ่งไว้เป็น 2 กรณีค่ะ ถ้าคุณกู้เงินเพื่อซื้อบ้าน หรือปลูกสร้างบ้านนั้น ธนาคารจะให้วงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท และถ้าคุณกู้เงินเพื่อต่อเติมบ้าน หรือซ่อมแซ่มบ้านเดิมที่อาศัยอยู่ ธนาคารให้วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทค่ะ
สำหรับข้าราชการ หรือเป็นพนักงานของรัฐ จะซื้อบ้านมีสินเชื่อบ้านสำหรับข้าราชการ หรือพนักงานของรัฐหรือไม่ และมีธนาคารไหนบ้าง
- ธนาคารกรุงไทย มีสินเชื่อบ้านสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ ซึ่งจะให้กู้ได้เฉพาะข้าราชการ หรือ ลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ (โดยไม่รวมถึงลูกจ้างที่มีกำหนดเวลาการจ้าง) ของหน่วยงานราชการ รวมทั้งพนักงานของรัฐวิสาหกิจเท่านั้นค่ะ โดยให้วงเงินสูงสุด 100% จากราคาประเมิน
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (บุคลากรภาครัฐ) ซึ่งจะให้กู้ได้เฉพาะข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้นค่ะ โดยวงเงินเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคารค่ะ และให้คุณสามารถผ่อนได้นานสูงสุดถึง 40 ปีเลยค่ะ
สำหรับข้าราชการทหาร หรือลูกจ้างประจำในสังกัดกระทรวงกลาโหม จะซื้อบ้านมีสินเชื่อบ้านสำหรับข้าราชการ หรือพนักงานของรัฐหรือไม่ และมีธนาคารไหนบ้าง
- ธนาคาร TMB สินเชื่อสวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัย (สำหรับข้าราชการทหาร) ซึ่งจะให้กู้ได้เฉพาะข้าราชการทหาร หรือลูกจ้างประจำในสังกัดกระทรวงกลาโหม ส่วนวงเงินในการอนุมัติจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดค่ะ
- ธนาคารกรุงไทย สินเชื่อสวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัย (สำหรับข้าราชการทหาร) ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
สินเชื่อบ้านสวัสดิการพนักงานองค์กร (Corporate Welfare Team) ธนาคารไทยพาณิชย์ มีเงื่อนไขอะไรบ้าง และให้วงเงินเท่าไร
สำหรับสินเชื่อนี้เฉพาะพนักงานที่บริษัทที่มีข้อตกลงกับธนาคารและจะต้องมีเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป โดยธนาคารวงเงินกู้สูงสุด 100% และให้กู้เพิ่มอีก 20% เพื่อตกแต่งบ้านอีกด้วยค่ะ
สินเชื่อบ้านที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ หมายถึง อาชีพ อะไรที่มีสิทธิ์ในการสมัครสินเชื่อนี้
ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะสินเชื่อบ้านสำหรับเพื่อผู้ที่ประกอบวิชาชีพเฉพาะ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร ผู้พิพากษา ข้าราชการอัยการ และข้าราชการตุลาการ นักบิน วิศวกร และอาจารย์มหาวิทยาลัย ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์หรือเทียบเท่าขึ้นไป
หากกู้สินเชื่อบ้าน ควรจะต้องทำประกัน MRTA หรือไม่
การทำประกัน MRTA จะช่วยลดความเสี่ยงภาระหนี้บ้าน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดในอนาคต เงินประกันที่ได้ทำไว้จะไปชำระหนี้บ้านกับธนาคารให้กับคุณค่ะ นอกจากนี้แล้วอัตราดอกเบี้ยของการสมัครทำประกัน MRTA ยังถูกกว่าในกรณีที่คุณไม่ได้ทำประกัน MRTA ค่ะ
สินเชื่อบ้านธนาคารพาณิชย์ไหนอนุมัติเร็วที่สุด และใช้เวลากี่วันในการอนุมัติ
- ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารยูโอบี และธนาคารธนชาต จะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 3 วันทำการค่ะ ทั้งนี้ การพิจารณานี้จะเป็นการพิจารณาในเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ
- ธนาคารทหารไทย และธนาคารกรุงไทย จะใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 5 – 7 วันทำการค่ะ
กู้ซื้อบ้านสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ และถ้าลดหย่อนได้สูงสุดเท่าไร
สำหรับคนที่ซื้อบ้าน หรือกำลังผ่อนบ้าน สามารถนำไปขอลดหย่อนภาษีเงินได้ ในส่วนของเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย โดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืมนั้น ตามจำนวนเงินที่ได้จ่ายไปจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าคนไหนที่จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยกว่า 100,000 บาท ก็จะสามารถลดหย่อนได้เต็มจำนวนตามที่จ่ายจริงเลยค่ะ รายละเอียดเพิ่มเติมวิธีลดหย่อนภาษี
ในการขอกู้สินเชื่อบ้าน ธนาคารจะมีการตรวจสอบประวัติย้อนหลังหรือไม่ และจะย้อนหลังกี่ปี
ธนาคารจะทำการตรวจสอบประวัตย้อนหลังค่ะ สำหรับลูกค้าที่มีบัตรเครดิตจะตรวจสอบย้อนหลังภายใน 5 ปีค่ะ ทั้งนี้ หากคุณเป็นคนที่ฟ้องล้มละลาย จะไม่สามารถขอกู้สินเชื่อบ้านได้นะคะ และสำหรับคนที่มีบัญชีกระแสรายวัน โดยที่เงินในบัญชีไม่พอจ่าย คุณจะต้องติดต่อไปยังสถาบันการเงินนั้นๆ เพื่อถอนประวัติ BLACK LIST ดังกล่าวค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ธนาคารด้วยค่ะ
หากต้องการปิดยอดหนี้ก่อนได้หรือไม่ และต้องเสียค่าธรรมเนียมไหม
หากคุณต้องการปิดยอดหนี้ก่อนกำหนด หรือรีไฟแนนซ์บ้านนั้น ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 3 จากยอดหนี้ที่เหลือทั้งหมดให้กับธนาคารค่ะ หากคุณปิดบัญชีภายใน 3 ปีแรก หรือภายใน 5 ปีแรก ระยะเวลาที่กำหนดจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารค่ะ
หากมีการติดแบล็คลิส มีประวัติการชำระเงินที่ไม่ดี สามารถขอกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่
หากคุณมีการค้างชำระหนี้อยู่ มีประวัติการจ่ายไม่ดี จะไม่สามารถขอกู้ซื้อบ้านได้ค่ะ แต่ถ้ามีการเคลียร์หนี้หมดแล้ว ให้คุณขอหนังสือปิดยอดหนี้ แล้วลองไปซื้อขอกู้ซื้อบ้านกับธนาคารพาณิชย์ดู เพราะเกณฑ์การพิจารณาจะขึ้นกับธนาคารค่ะ
ต้องการซื้อบ้าน ขอสินเชื่อบ้านธนาคารไหนดี
สินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ดีหมดค่ะ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่บุคคลค่ะ เพราะแต่ละธนาคารพาณิชย์จะมีสินเชื่อบ้านที่หลากหลาย ฉะนั้นในการขอกู้คุณก็จะต้องเลือกสินเชื่อที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้รับดอกเบี้ยที่เหมาะสมค่ะ
การขอกู้สินเชื่อบ้าน มีวิธีดูอย่างไรว่าธนาคารพาณิชย์แห่งไหนให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด
หากคุณจะซื้อบ้านให้ลองนำอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารมาเปรียบเทียบกัน โดยดูดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกค่ะ เพราะส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะมีโปรโมชั่นในช่วง 3 ปีแรกค่ะ คุณก็จะเห็นว่าธนาคารไหนที่มีดอกเบี้ยถูกที่แท้จริงค่ะ
การขอปรับลดดอกเบี้ย หรือที่เรียกว่า Retention คืออะไร
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในช่วง 3 ปีแรกของธนาคารจะมีโปรโมชั่นที่ให้ดอกเบี้ยพิเศษ พอหลังจาก 3 ปีไปแล้ว คนส่วนใหญ่ก็มักจะรีไฟแนนซ์บ้าน ย้ายไปธนาคารอื่นบ้างเพื่อที่จะได้ส่วนลดดอกเบี้ย ทั้งนี้ หากที่ผ่านมาคุณได้มีการผ่อนชำระที่ดีตลอดมา คุณสามารถเข้าไปคุยกับธนาคารเพื่อขอปรับดอกเบี้ย หรือที่เรียกว่า Retention ธนาคารก็อาจจะพิจารณาให้ส่วนลดของดอกเบี้ย และถ้าเทียบกันแล้วอาจจะคุ้มกว่าการที่คุณรีไฟแนนซ์บ้านอีกด้วยค่ะ
ในการขอกู้สินเชื่อบ้าน จะต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง
- ค่าธรรมเนียมสำรวจและประเมินหลักประกันค่ะ
- ค่าอากรแสตมป์ และค่าธรรมเนียมในการจดจำนองค่ะ
- จ่ายค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยเป็นไปตามที่คุณได้ทำค่ะ
คำถาม คำตอบเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น หากเพื่อนๆคนไหนที่สนใจสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์สามารถเข้าไปอ่านบทความสินเชื่อบ้านได้ที่เว็บไซต์ imoney.in.th ค่ะ ทีมงานเราได้รวบรวมสินเชื่อบ้านของธนาคารพาณิชย์ต่างๆมาไว้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันได้ครบถ้วน ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านควรจะศึกษาข้อมูลให้รอบด้านนะคะ เพื่อที่เพื่อนๆจะได้รับประโยชน์มากที่สุดค่ะ
ตารางเปรียบเทียบสินเชื่อบ้านทุกธนาคารอัพเดท 2563
ธนาคาร | ชื่อสินเชื่อ | จุดเด่น | เงื่อนไข | ดอกเบี้ย |
ธนาคารออมสิน | สินเชื่อเคหะ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ และมีส่วนลดของดอกเบี้ยเพิ่มหากทำประกันกับธนาคาร และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี และจะต้องมีบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกกับธนาคารออมสิน | ดอกเบี้ยต่ำสุดร้อยละ 4.50 ต่อปี หรือสูงสุด ร้อละ MRR-2.00 ต่อปี |
ธนาคารออมสิน | สินเชื่อเคหะสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ และมีส่วนลดของดอกเบี้ยเพิ่มหากทำประกันกับธนาคาร และผ่อนนานสูงสุด 35 ปี | เฉพาะสำหรับกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี | ดอกเบี้ยต่ำสุดร้อยละ 4.50 ต่อปี หรือสูงสุด ร้อละ MRR-2.00 ต่อปี |
ธนาคารออมสิน | โครงการบ้านประชารัฐ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาท หากกู้วงเงินต่ำกว่า 700,000 บาท ได้รับดอกเบี้ย 0% ในปีแรก และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | จะต้องไม่มีชื่อเป็น “เจ้าบ้าน” ในทะเบียนบ้านที่นำมาแสดงเป็นหลักฐานการยื่นกู้กับธนาคาร ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยต่ำสุดร้อยละ 2.00 ต่อปี หรือสูงสุด ร้อละ MRR- 1.475ต่อปี |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อบ้านมือสอง | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ วงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000,000 บาท ได้รับส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี หลากหลายทางเลือกของดอกเบี้ย และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 1.25 ต่อปี – ร้อยละ MRR-0.85 ต่อปี |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | สินเชื่อคอนโด | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ วงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000,000 บาท หลากหลายทางเลือกของดอกเบี้ย และฟรีค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมสำรวจและ ประเมิน | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี – ร้อยละ MRR-2.35 ต่อปี |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | สินเชื่อบ้าน กรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย สำหรับกลุ่ม อาชีพพิเศษ | วงเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ อนุมัติเร็ว และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | เฉพาะกลุ่มอาชีพ พิเศษ เช่น อาชีพ แพทย์ กลุ่มผู้พิพากษา และนักบินพาณิชย์ ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 1.00 ต่อปี – ร้อยละ MRR-2.25 ต่อปี |
ธนาคาร TMB | สินเชื่อบ้าน ทีเอ็มบี | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% หรือสูงสุดไม่เกิน 20,000,000 บาท ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ฟรีประกันอัคคีภัย ค่าธรรมเนียมธนาคารของสินเชื่อบ้านทุกประเภท และผ่อนนานสูงสุด 35 ปี | พนักงานประจำ เงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป และทำธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 20,000 บาทขึ้นไป | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปี – ร้อยละ MRR – 2.275 ต่อปี |
ธนาคาร TMB | สินเชื่อสวัสดิการเพื่อที่อยู่อาศัย (สำหรับข้าราชการทหาร) | ใช้สิทธิ์ได้ทั้งกู้บ้านใหม่ หรือรีไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก ฟรีประกันอัคคีภัย ค่าจดทะเบียนจำนอง และค่าดำเนินการ | เฉพาะข้าราชการทหาร หรือลูกจ้างประจำในสังกัดกระทรวงกลาโหม ที่มีเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปี – MRR – 2.275 ต่อปี |
ธนาคาร TMB | สินเชื่อบ้านอเนกประสงค์ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 80% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ วงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาท หรือสูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาท ดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 6.00 นาน 3 ปี และผ่อนนานสูงสุด 15 ปี | พนักงานประจำ เงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป และทำธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 20,000 บาทขึ้นไป | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 6.00 ต่อปี – MRR – 1.275 ต่อปี |
ธนาคารกรุงไทย | สินเชื่อบ้านกรุงไทยบ้านแสนสะดวก | กู้ซื้อที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้านในอนาคตได้ ดอกเบี้ยถูก และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี – ร้อยละ MLR + 1.50 ต่อปี |
ธนาคารกรุงไทย | สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับบุคลากรภาครัฐ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ขอกู้สินเชื่อ Home For Cash และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | เฉพาะข้าราชการ หรือ ลูกจ้างประจำของหน่วยงานราชการ จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี – ร้อยละ 5.775 ต่อปี |
ธนาคารกรุงไทย | สินเชื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ/ลูกจ้างกระทรวงกลาโหม | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ขอวงเงินสินเชื่อกรุงไทยเพิ่มสุขได้อีก 10% จากราคาประเมิน และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | เฉพาะข้าราชการและลูกจ้างประจำของกระทรวงกลาโหม ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.00 ต่อปี – ร้อยละ 5.775 ต่อปี |
ธนาคารกสิกรไทย | สินเชื่อบ้านกสิกรไทย | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ โปรโมชั่นพิเศษดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 60 ปี และไม่เกิน 65 ปี สำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปี – ร้อยละ MRR – 1.25 ต่อปี |
ธนาคารกสิกรไทย | สินเชื่อบ้านทวีทรัพย์กสิกรไทย | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 80% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ หรือสูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาท สามารถขอกู้เบิกเงินเกินบัญชี และผ่อนนานสูงสุด 15 ปี | บุคคลทั่วไป มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 60 ปี และไม่เกิน 65 ปี สำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ MRR – 0.50 ต่อปี – ร้อยละ MRR + 1.00 ต่อปี |
ธนาคารยูโอบี | ยูโอบี โฮมโลน | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ หรือสูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาท มีทางเลือกของดอกเบี้ยที่มีความหลากหลาย อนุมัติเร็วภายใน 3 วันรู้ผลทันที และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี สำหรับผู้ประกอบการอายุรวมต้องไม่เกิน 75 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 2.25 ต่อปี – ร้อยละ 6.15 ต่อปี |
ธนาคารยูโอบี | ยูโอบี แคชทูโฮม | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 80% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ หรือสูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บา และอนุมัติเร็วภายใน 3 วันรู้ผลทันที และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 70 ปี สำหรับผู้ประกอบการอายุรวมต้องไม่เกิน 75 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 4.99 ต่อปี – ร้อยละ MRR – 1.25 ต่อปี |
บ้านธนาคาไทยพาณิชย์ | สินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัย (SCB New Loan) | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ มีดอกเบี้ยให้เลือกทั้งแบบดอกเบี้ยคงที่ กับดอกเบี้ยแบบลอยตัว และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี สำหรับผู้ประกอบการอายุรวมต้องไม่เกิน 70 ปี | ดอกเบี้ยคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR = 7.370% ต่อปี |
บ้านธนาคาไทยพาณิชย์ | สินเชื่อเพื่อการเคหะ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ มีดอกเบี้ยให้เลือกทั้งแบบดอกเบี้ยคงที่ กับดอกเบี้ยแบบลอยตัว และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR = 7.370% ต่อปี |
บ้านธนาคาไทยพาณิชย์ | สินเชื่อบ้านสวัสดิการพนักงานองค์กร (Corporate Welfare Team) | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ให้กู้เพิ่มอีก 20% เพื่อตกแต่งบ้าน และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | เป็นพนักงานที่บริษัทที่มีข้อตกลงกับธนาคาร ซึ่งพนักงานจะต้องทำงานมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี และจะต้องมีเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป | ดอกเบี้ยคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR = 7.370% ต่อปี |
บ้านธนาคาไทยพาณิชย์ | สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบวิชาชีพเฉพาะ (Home Loan for Professionals) | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ มีดอกเบี้ยให้เลือกทั้งแบบดอกเบี้ยคงที่ กับดอกเบี้ยแบบลอยตัว และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | เฉพาะอาชีพแพทย์ ผู้พิพากษา อัยการ และอาจารย์มหาวิทยาลัย ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์หรือเทียบเท่าขึ้นไป | ดอกเบี้ยคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR = 7.370% ต่อปี |
บ้านธนาคาไทยพาณิชย์ | สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน (SCB Home Builder) | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ให้กู้เพิ่มอีก 30% เพื่อตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังมีดอกเบี้ยให้เลือกทั้งแบบดอกเบี้ยคงที่ กับดอกเบี้ยแบบลอยตัว และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป จะต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยคงที่ หรือดอกเบี้ยลอยตัว โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR = 7.370% ต่อปี |
ธนาคาร CIMB | สินเชื่อบ้าน โฮมโลนฟอร์ยู | เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เลือกผ่อนจ่ายด้วยยอดเงินที่เท่ากันทุกเดือน และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | จะต้องมีอายุ 21 – 62 ปี และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี พนักงานประจำต้องมีรายได้ 15,000 บาท ส่วนธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ MRR – 3.50 ต่อปี – ร้อยละ MRR – 1.85 ต่อปี |
ธนาคาร CIMB | สินเชื่อพร็อพเพอร์ตี้โลน | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 80% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ สินเชื่ออเนกประสงค์ ไม่จำกัดประเภทหลักประกัน และมีวงเงินให้ถึง 3 ประเภท | จะต้องมีอายุ 21 – 62 ปี และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี พนักงานประจำต้องมีรายได้ 15,000 บาท ส่วนธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ MRR – 0.85 ต่อปี – ร้อยละ MOR + 2.00 ต่อปี |
ธนาคาร CIMB | สินเชื่อมอร์เกจพาวเวอร์ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 95% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ และมีวงเงินให้ถึง 3 ประเภท | จะต้องมีอายุ 21 – 62 ปี และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี พนักงานประจำต้องมีรายได้ 15,000 บาท ส่วนธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ MRR – 1.26 ต่อปี – ร้อยละ MOR + 0.50 ต่อปี |
ธนาคารธนชาต | สินเชื่อบ้านใหม่ และสินเชื่อบ้านมือสอง | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ผ่อนนาน 30 ปี และมีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย | จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี และไม่เกิน 70 ปี สำหรับผู้คนที่มีธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 3.490 ต่อปี – ร้อยละ MLR – 0.400 ต่อปี |
ธนาคารธนชาต | สินเชื่อปลูกบ้าน | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ผ่อนนาน 30 ปี และมีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย | จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี และไม่เกิน 70 ปี สำหรับผู้คนที่มีธุรกิจส่วนตัว มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 2.990 ต่อปี – ร้อยละ MLR – 0.400 ต่อปี |
ธนาคารกุรงเทพ | สินเชื่อสำหรับผู้ซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมจากโครงการจัดสรรต่างๆ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ผ่อนนาน 30 ปี และพนักงานประจำผ่อนได้นานถึง 35 ปี และมีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย | บุคคลทั่วไป และเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นพันธมิตร | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี – ร้อยละ MRR – 0.625 ต่อปี |
ธนาคารกุรงเทพ | สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับผู้มีบัญชีสินมัธยะทรัพย์ทวี | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ มีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไป ที่มีบัญชีเงินฝากสินมัธยะทรัพย์ทวี | ดอกเบี้ยปกติ |
ธนาคารกุรงเทพ | สินเชื่อเพื่อกลุ่มวิชาชีพเฉพาะ | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ มีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | สำหรับแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร ผู้พิพากษา อัยการ หรือนักบิน | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี – ร้อยละ MRR +0.375 ต่อปี |
ธนาคารกุรงเทพ | สินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้สูง | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 95% หรือ 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์หรือราคาซื้อขาย มีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไปจะต้องมีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปพนักงานประจำที่ทำงานในองค์กรธุรกิจซึ่งเป็นที่ยอมรับ และมีเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงเทพ | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 0.75 ต่อปี – ร้อยละ MRR +0.375 ต่อปี |
ธนาคารกุรงเทพ | สินเชื่อเพื่อซื้อทรัพย์สินพร้อมขายของธนาคาร | วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ มีหลายทางเลือกของดอกเบี้ย และผ่อนนานสูงสุด 30 ปี | บุคคลทั่วไปจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้จะต้องไม่เกิน 65 ปี | ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี – ร้อยละ MRR -2.00 ต่อปี |