ประกันสุขภาพอลิอันซ์ – สวัสดีค่ะกลับมาพบกันเช่นเคยกับพวกเรา iMoney ที่มาพร้อมกับเรื่องราวดีๆที่ใกล้ตัว ช่วงนี้ต้องบอกเลยว่าอากาศในบ้านเราร้อนมากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ สำหรับบางคนเจออากาศร้อนๆแบบนี้ก็อาจทำให้ปรับตัวไม่ทัน เกิดการเจ็บป่วยกันได้ง่ายขึ้น และก็นำมาสู่การเสียเงินกับค่ารักษาพยาบาล แต่ถ้าใครมีประกันสุขภาพหรือมีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลก็อาจจะไม่ต้องเสียเงิน และสำหรับใครที่อยากทำประกันสุขภาพแต่ไม่รู้ว่าเริ่มตรงไหนดี และควรเลือกแบบไหนดีนั้น ซึ่งก่อนอื่นเลยคุณจะต้องรู้ก่อนว่าต้องการอะไรจากประกันสุขภาพ อย่างเช่น อยากได้เงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งในกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล แต่ประกันสุขภาพนั้นไม่ได้มีแค่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ยังให้ความคุ้มครองแบบเฉพาะโรคหรือคุ้มครองโรคมะเร็งหรือโรคร้ายแรง ที่หลายคนให้ความสนใจและเลือกทำประกันสุขภาพกันมากขึ้น เพราะโรคภัยในปัจจุบันนี้เกิดขึ้นง่ายมาก แถมยังเป็นโรคที่ทำให้เสียชีวิตกันมากขึ้นด้วย เพราะเราไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราบ้าง แม้ว่าการทำประกันสุขภาพนั้นจะไม่ได้ช่วยทำให้เราไม่เป็นโรคภัยได้ แต่ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย หรือทำให้เรามีเงินก้อนเพื่อใช้ในการรักษาตัวเอง หรือเป็นทุนต่อให้ลูกหลานก็ได้เช่นกัน และวันนี้ก็คงจะเป็นประกันสุขภาพ ของ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ที่มีหลากหลายประเภทของประกันสุขภาพมาให้เลือกด้วยกันมากมาย จะมีอะไรบ้างนั้น ให้ความคุ้มครองอะไร เรามาดูไปทีละผลิตภัณฑ์ของประกันสุขภาพกันเลยค่ะ
รวมผลิตภัณฑ์ทุกประเภทประกันสุขภาพอลิอันซ์ ที่น่าสนใจ ประจำปี 2563
ผลิตภัณฑ์ |
จุดเด่น | เงื่อนไขการสมัคร |
ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส | วงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 100 ล้านบาทต่อปี แถมยังมีโรงพยาบาลในเครือข่ายมากมาย และครอบคลุมทุกการรักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก |
สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน จนถึง 70 ปี (ทั้งนี้ตามเงื่อนไขของแผนความคุ้มครองที่เลือก) |
ประกัน “เหมาๆ” ครบเครื่อง ทุกเรื่อง ทุกโรค |
คุ้มครองค่ารักษาให้ทั้งกรณีที่เจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ มีชีวิตอยู่ก็รับเงินก้อน เสียชีวิตก็รับเงินก้อน ตรวจพบโรคร้ายก็รับเงินก้อนสูงสุดถึง 2 ล้านบาท | ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด |
ประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า | เหมาจ่ายค่ารักษาด้วยวงเงินที่สูงถึง 10 ล้านบาท โรคมะเร็ง โรคไต ก็เบิกค่ารักษาได้ แถมเบี้ยประกันก็นำมาลดหย่อนภาษีได้ |
สมัครทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน จนถึง 70 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 84 ปี โดยที่ความคุ้มครองจะให้จนถึงอายุ 85 ปี |
ประกันมะเร็งหายห่วง |
คุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็งทุกระยะ โดยคุ้มครองสูงสุดถึง 3 โรค และจ่ายให้สูงสุดโรคละ 3 ล้านบาท และเสียชีวิตทุกกรณีรับเงินชดเชย | สมัครได้ตั้งแต่อายุ 16 – 60 ปี โดยที่สามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 84 ปี |
ประกันโรคร้ายได้คุ้ม | ไม่ว่าจะป่วยโรคร้ายแรงหรือไม่ก็จะได้รับเงินก้อนเพื่อคุ้มครอง รับความคุ้มครอบแบบต่อเนื่องแม้ตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงจ่ายเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา |
สมัครได้ตั้งแต่อายุ 16 – 55 ปี (จ่ายเบี้ย 20 ปี คุ้มครองอายุ 85 ปี) |
ประกันโรคร้าย 3 ซ่าส์ |
คุ้มครองโรคร้ายแรง 3 โรคยอดฮิต ด้วยเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท ตรวจพบเจอระยะแรกก็รับเงินก้อน และตรวจเจอระยะลุกลามก็รับเงินก้อนเพิ่มอีก | สมัครได้ตั้งแต่อายุ 20 – 59 ปี |
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย | เหมาจ่ายค่ารักษาด้วยวงเงินสูงสุดถึง 2 ล้านบาท ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ และคุ้มครองทั้งในกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล |
เริ่มทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 10 ปี |
Credit : https://pixabay.com/th
ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส
สำหรับใครที่ต้องการประกันสุขภาพระดับพรีเมี่ยมที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วยวงเงินที่สูง ควรเลือกทำประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส ที่ให้ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลสูงสุดถึง 100 ล้านบาทต่อปี นับว่าเป็นเงินค่ารักษาพยาบาลที่สูงมากเลย ไม่เพียงเท่านั้นยังให้ความคุ้มครองในกรณีที่ไปรักษาแล้วไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาล หรือหากแพทย์ให้นอนเพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ทั้งหมดเลย และนอกจากเรื่องของค่ารักษาพยาบาลแล้วประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส นี้ยังให้ความคุ้มครองในส่วนอื่นๆอีกมากมาย เช่น ค่าทำฟัน ค่าตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น
จุดเด่นประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส
- วงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 100 ล้านบาท
- ประกันจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีที่นอนหรือไม่นอนให้ตามจริง
- มีโรงพยาบาลในเครือ BDMS ที่มีมากกว่า 45 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้องตลอดจนถึงการคลอดลูก
หากใครที่คิดจะเลือกซื้อประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส นี้คุณสามารถเลือกแผนความคุ้มครองได้ 2 แผน คือ แผนบียอนด์ แพลทินัม และแผนแพลทินัม ซึ่งทั้งสองแผนนี้จะแตกต่างกันในเรื่องของวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อปีที่กำหนดให้ และยังมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่บ้างแผนก็ไม่คุ้มครอง ซึ่งคุณก็จะต้องพิจารณาเองแล้วว่าสิ่งใดที่จำเป็นกับเรามากที่สุด แนะนำอยากเลือกเพราะคิดว่าแผนความคุ้มครองที่แพงที่สุดนั้นจะดีเสมอไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แผนที่แพงสุดก็คือจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่สิ่งเหล่านั้นไม่เหมาะกับคุณเลย ก็จะทำให้ต้องเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ เรามาต่อกันในส่วนของรายละเอียดความคุ้มครองกันบ้างค่ะ
แผนบียอนด์ แพลทินัม (ผลประโยชน์และความคุ้มครอง 100 ล้านบาทต่อปี)
สำหรับแผนความนี้จะแบ่งออกเป็นแต่ละรายการ โดยจะมีทั้งในส่วนที่กำหนดกรอบวงเงินค่ารักษาพยาบาลและบางส่วนก็จ่ายให้ตามจริงที่เรียกเก็บ มีรายละเอียดดังนี้
- ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน
- เบิกค่าห้องพักผู้ป่วยได้คืนละ 18,000 บาท และถ้าในกรณีที่คุณทำประกันสุขภาพนี้ให้กับลูกที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ประกันจะจ่ายเงินเพิ่มให้อีกเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายวันสำหรับการที่จะต้องมีผู้ใหญ่มาดูแล จะได้รับเงินวันละ 3,000 บาท (เบิกได้ไม่เกิน 30 วันต่อการเข้ารักษาตัวในแต่ละครั้ง)
- กรณีที่ไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล และจะต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆที่ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บในระหว่างการรักษาตัวนั้น ประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส นี้จะเหมาจ่ายค่ารักษาให้ตามจริง ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บนั้นจะต้องมีดังนี้
- ค่าห้องผู้ป่วยหนัก กรณีที่จะต้องรักษาตัวในห้อง C.U
- ค่าบริการแพทย์ กรณีที่แพทย์จะต้องมาตรวจเยี่ยมอาการระหว่างที่นอนรักษาตัว
- ค่ารักษาพยาบาลต่างๆในฐานะผู้ป่วยใน
- ค่าบริการแพทย์ในการปรึกษา กรณีที่มีการปรึกษาแพทย์ผู้ที่เชี่ยวชาญเฉพาะโรค เพื่อทำการรักษาตัว หรือทำการผ่าตัด
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งจะต้องมีสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุหรือโรคมะเร็ง
- เบิกค่าทำฟันได้ แต่จะต้องเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ และจะต้องรักษาไม่เกิน 7 วัน
- คุ้มครองการรักษาโรคทางจิตเวช โดยจะมีวงเงินค่ารักษาให้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เป็นผู้ป่วยนอก ที่มาทำการตรวจรักษาก่อนที่จะต้องมารักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน ซึ่งประกันก็จะเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริงเช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ค่าแพทย์ในการผ่าตัดผู้ป่วยนอก
- ค่าเอ็กซเรย์และแล็บ ที่จะใช้ก่อน 30 วันที่จะนอนโรงพยาบาล หรือหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว 60 วัน
- ค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุ ภายใน 24 ชั่วโมง
- สำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็ง จะต้องเข้ารักษาด้วยเคมีบำบัด หรือฉายังสีบำบัด หรือตรวจวินิจฉัยทางรังสี สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเหล่านี้ได้
- สำหรับคนที่เป็นโรคไต จะต้องรักษาโดยการล้างไตนั้น ก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้
- ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เป็นผู้ป่วยนอก
- เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริงเลย
- กรณีที่จะต้องมาทำกายภาพบำบัด คุณสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- สามารถเบิกค่าเครื่องมืองทางการแพทย์และเวชภัณฑ์คงทนได้ เช่น กรณีที่เข้าเฝือกจะต้องมีไม้ค้ำยันนั้น คุณก็สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ โดยประกันจะมีวงเงินให้ไม่เกิน 10,000 บาท
- สามารถเบิกค่าฉีดวัคซีนได้ 80,000 บาท
- ประกันจะจ่ายค่าตรวจสุขภาพประจำปีให้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี
- สามารถเบิกค่าตรวจรักษาฟันได้ โดยประกันจะจ่ายร่วมกับคุณ ซึ่งประกันจะออกให้ 80% ของค่ารักษาพยาบาล แต่สูงสุดจะต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
- สามารถเบิกค่าตรวจสายตา ประกันจะออกให้ 80% ของค่ารักษาพยาบาล แต่สูงสุดจะต้องไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองในกรณีที่คุณตั้งครรภ์ รวมถึงการคลอดลูกด้วย ซึ่งจะแบ่งออกเป็น
- หากคลอดปกติ นั้นหมายถึงจะคลอดโดยการคลอดธรรมชาติหรือคลอดด้วยการผ่าก็ตาม จะเบิกค่าคลอดได้ 200,000 บาท
- หากเป็นการคลอดที่อยู่ในภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะแทรกซ้อนขณะคลอด จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 400,000 บาท
แหละนี้ก็คือผลประโยชน์ความคุ้มครองของแผนบียอนด์ แพลทินัม ทั้งหมดที่ให้ความคุ้มครอง แต่หากใครที่คิดว่าอาจจะมากเกินความจำเป็น เช่น กรณีที่ผู้ทำประกันสุขภาพเป็นผู้ชาย ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีความคุ้มครองกรณีที่ตั้งครรภ์ หรือว่ามีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่คุ้มครองกรณีที่ผู้ป่วยนอกอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกแผนนี้ก็ได้เช่น แล้วแผนไหนที่เหมาะสมลองมาดูกับอีกแผนหนึ่งก็คือ แผนแพลทินัม มีรายละเอียดความคุ้มครองดังนี้
แผนแพลทินัม (ผลประโยชน์และความคุ้มครอง 80 ล้านบาทต่อปี)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่รักษาตัวในฐานะผู้ป่วยใน
- เบิกค่าห้องผู้ป่วยปกติ รวมถึงค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล ที่จะต้องจ่ายในแต่ละวัน 12,000 บาท แต่ถ้าจะต้องนอนรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยหนัก หรือห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกค่าห้องได้ตามจริงเลย
- เบิกค่าใช้จ่ายในการที่จะต้องมาดูแลผู้ป่วย แต่จะได้เฉพาะกรณีที่ผู้ป่วยนั้นเป็นผู้ที่ทำประกันสุขภาพมีอายุไม่เกิน 16 ปี จะเบิกได้วันละ 2,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายต่างๆในระหว่างการรักษาตัวนั้น ได้แก่ กรณีที่มีแพทย์มาตรวจในแต่ละวัน หรือกรณีที่จะต้องไปขอคำปรึกษากับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะโรค หรือค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- เบิกค่าศัลยกรรมตกแต่ง แต่จะต้องไม่ใช่เพื่อเสริมความงาม ซึ่งจะต้องมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุหรือโรคมะเร็ง ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- เบิกค่าทำฟันได้ หากฟันได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- สำหรับคนที่จะต้องเข้ารับการรักษาทางจิตด้วยการรักษาโรคทางจิตเวช จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 250,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่รักษาตัวในฐานะผู้ป่วยนอกเข้าที่จะมารักษาตัวต่อในฐานะผู้ป่วยใน
- กรณีที่มีการผ่าตัดสามารถเบิกค่ารักษาได้ตามจริง
- กรณีที่จะต้องมีการเอ็กซเรย์และแล็บ เพื่อดูผลของการรักษาก่อน 30 วันที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือหลังออกจากโรงพยาบาล 60 วัน ประกันก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริง
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ภายใน 24 ชั่วโมง นับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ประกันก็จะให้คุณเบิกค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริง
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลสำหรับคนที่เป็นโรคมะเร็ง และโรคไต ที่จะต้องเข้ารักษาด้วยการเคมีบำบัด หรือฉายังสีบำบัด หรือตรวจวินิจฉัยทางรังสี และการล้างไต ประกันก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริง
สำหรับแผนแพลทินัมจะเห็นได้ว่าไม่มีการคุ้มครองในกรณีที่เจ็บป่วยแล้วไปรักษาโดยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แต่คุณก็ยังสามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อีกเช่นกัน หากต้องการที่เพิ่มความคุ้มครอง แต่วงเงินที่จะได้รับนั้นอาจจะน้อยกว่าแผนบียอนด์ แพลทินัม
คราวนี้เรามาดูผลประโยชน์โดยรวมของทั้งสองแผนนี้กันดูว่าจะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราก็นำรายละเอียดข้อแตกต่างกันมาให้ได้ดูกันค่ะ
- กรณีที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือคลินิกในเครือ BDMS
- ประกันจะจ่ายให้เต็ม 100% ของค่ารักษาพยาบาลตามรายการที่คุ้มครอง
- กรณีที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือคลินิกนอกเครือ BDMS ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
- กรณีที่รักษาพยาบาลในประเทศ จะคุ้มครองเฉพาะกรณีที่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินหรือผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเท่านั้น ทั้งแผนบียอนด์ แพลทินัม และแผนแพลทินัม คุณสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เต็ม 100% ของค่ารักษาพยาบาลตามรายการที่คุ้มครอง
- กรณีที่รักษาพยาบาลต่างประเทศ จะคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเท่านั้น
- แผนบียอนด์ แพลทินัม จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ในแต่ละครั้งไม่เกิน 5 ล้านบาท
- แผนแพลทินัม จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ในแต่ละครั้งไม่เกิน 3 ล้านบาท
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส
- สำหรับคนที่สนใจอยากทำประกันสุขภาพนี้ จะต้องมีเงื่อนไขในการสมัครตามแผนความคุ้มครองที่เลือก ดังนี้
- กรณีที่เลือกทำประกันสุขภาพ แผนบียอนด์ แพลทินัม จะสมัครได้ตั้งแต่อายุ 6 – 70 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 84 ปี
- กรณีที่เลือกทำประกันสุขภาพ แผนแพลทินัม จะสมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 70 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 84 ปี
ช่องทางการสมัครทำประกันสุขภาพ เฟิร์สคลาส @บีดีเอ็มเอส : เลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ คลิกที่นี่
Credit : https://pixabay.com
ประกัน “เหมาๆ” ครบเครื่อง ทุกเรื่อง ทุกโรค
อุ่นใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลด้วยการเลือกทำประกันสุขภาพแบบ ประกัน “เหมาๆ” ครบเครื่อง ทุกเรื่อง ทุกโรค ไม่ว่าจะเจ็บป่วยแบบไหนก็ตาม หรือจะได้รับบาดเจ็บเล็กหรือบาดเจ็บใหญ่ก็ตาม ประกันก็พร้อมจะดูแลค่ารักษาพยาบาลให้หมดเลย แถมยังคุ้มครองโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งอีกด้วย ที่ใครๆก็รู้ว่าค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้งไม่ใช่น้อยๆเลย แต่ประกันสุขภาพแบบเหมาๆ นี้จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ไม่ว่าจะเป็นค่าทำเคมีบำบัด ค่าฉายแสง หรือค่าล้างไต และที่เป็นไฮไลท์เลยก็คือ หากในระหว่างการคุ้มครองนั้นตรวจพบเจอว่าเป็นโรคมะเร็งจะได้รับเงินก้อนไปใช้เพื่อรักษาตัวได้ทันทีเลย
จุดเด่นประกัน “เหมาๆ” ครบเครื่อง ทุกเรื่อง ทุกโรค
- จ่ายค่ารักษาให้หมดทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
- ประกันสุขภาพคุ้มครองโรคร้ายแรงมากถึง 48 โรค
- จ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับคนเป็นโรคมะเร็งและโรคไต
- เบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกได้สูงสุดถึง 30 ครั้งต่อปี
- เจ็บป่วยประกันก็จ่ายค่ารักษา เสียชีวิตประกันก็จ่ายเงินก้อน
ความคุ้มครองสำหรับประกัน “เหมาๆ” ครบเครื่อง ทุกเรื่อง ทุกโรค
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
- กรณีที่เป็นผู้ป่วยใน จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัดเล็ก ค่าล้างไต เคมีบำบัด ฉายแสง จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อปี
- กรณีที่เป็นผู้ป่วยนอก จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี
- คุ้มครองกรณีที่เสียรายได้ ในระหว่างนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ประกันจะจ่ายชดเชยให้อยู่ที่วันละ 1,000 บาท
- คุ้มครองกรณีที่ตรวจพบโรคร้ายแรง จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
- หากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง จะได้รับเงินก้อน 2,000,000 บาท
- หากตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรงอื่นๆ 47 โรคเช่น โรคหลอดเลือดสมองแตก จะได้รับเงินก้อน 1,000,000 บาท
- คุ้มครองกรณีที่มีชีวิตอยู่จนครบสัญญาหรือจนครบอายุ 85 ปี ประกันจะมอบเงินก้อนให้อีกขั้นต่ำจะอยู่ที่ 200,000 บาท
- คุ้มครองชีวิตกรณีที่เสียชีวิต จะแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
- หากเสียชีวิตด้วยสาเหตุการเจ็บป่วย จะได้รับเงินก้อนขั้นต่ำอยู่ที่ 200,000 บาท
- หากเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากอุบัติเหตุ จะได้รับเงินก้อนขั้นต่ำอยู่ที่ 400,000 บาท
ช่องทางการสมัครทำประกัน “เหมาๆ” ครบเครื่อง ทุกเรื่อง ทุกโรค : สมัครได้ง่ายๆผ่านทางออนไลน์ สนใจสมัครที่นี่เลย
ประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
สำหรับใครที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ ไม่อยากให้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเป็นภาระของคุณนั้น แนะนำให้เลือกทำประกันสุขภาพไว้สักฉบับ เลือกนี้เลยกับประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจสำหรับประกันสุขภาพของอลิอันซ์ อยุธยา ที่กล้าบอกเงื่อนไขในการคุ้มครองต่างๆ จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แบบเหมาจ่ายสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อปี และยังเบิกค่าห้องสูงสุดถึง 15,000 บาท ทำให้คุณหมดห่วงเรื่องค่ารักษาไปได้เลย แม้ว่าค่ารักษาพยาบาลจะสูงสำหรับคนที่ต้องผ่าตัด หรือต้องล้างไต รวมถึงคนที่เป็นโรคมะเร็งและจะต้องเข้ารักษาด้วยการฉายแสง เคมีบำบัด นั้นประกันก็ยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย
จุดเด่นประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
- จ่ายค่ารักษาให้ตามจริงสูงสุด 10 ล้าน
- คุ้มครองทั้งเจ็บป่วยและอุบัติเหตุฉุกเฉิน
- หมดกังวลกับค่ารักษาในการล้างไต ฉายแสง เคมีบำบัด
- จ่ายสบายกระเป๋าด้วยการนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีเงินได้
- สามารถใช้ควบคู่กับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอื่นได้
วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
- จะมีให้เลือกด้วยกัน 5 แผน ที่จะค่อยๆเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้ตามแผนความคุ้มครอง เริ่มจาก
- แผน 1 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อปี 2,000,000 บาท
- แผน 2 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อปี 4,000,000 บาท
- แผน 3 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อปี 6,000,000 บาท
- แผน 4 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อปี 8,000,000 บาท
- แผน 5 วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่อปี 10,000,000 บาท
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
- คุ้มครองค่ารักษากรณีที่เป็นผู้ป่วยใน
- กรณีที่จะต้องเข้ารับการรักษาก่อน 30 วัน และหลัง 60 วัน หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น สามารถเบิกจากประกันได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง
- ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ เช่น ค่ายา ค่าผ่าตัดต่างๆ ค่าอุปกรณ์ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ ค่าเอ็กซเรย์ ค่าห้องแล็บ ค่าบริการในการทำกายภาพบำบัด และค่าบริการในการใช้รถพยาบาลฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- ค่าห้องผู้ป่วยปกติ จะเบิกได้ตั้งแต่ 3,000 – 15,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- ค่าห้องผู้ป่วยหนัก หรือห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกได้ตั้งแต่ 6,000 – 15,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- ค่าบริการของแพทย์ในกรณีที่มาตรวจเยี่ยมอาการ จะเบิกได้วันละ 2,000 – 10,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- ค่ายากลับบ้านในกรณีที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว แพทย์จะสั่งยาให้ไปทานต่อที่บ้าน ซึ่งจะเบิกค่ายาได้ไม่เกิน 7 วัน จะอยู่ที่ครั้งละไม่เกิน 1,500 – 4,500 บาท
- คุ้มครองค่ารักษากรณีที่เป็นผู้ป่วยนอก
- สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินได้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเบิกได้ค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริง
- สามารถเบิกค่าผ่าตัดหรือค่าหัตถการโดยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- สามารถเบิกค่าล้างไต ค่าเคมีบำบัด และค่าฉายแสง ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
- สมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 70 ปี และสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้เรื่อยๆจนถึงอายุ 84 ปี และจะให้ความคุ้มครองจนถึงอายุ 85 ปี
ช่องทางการสมัครทำประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า : หากใครที่สนใจอยากรู้รายละเอียดหรือจะสมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้ง่ายๆ ที่นี่เลย
Credit : https://pixabay.com
ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ของประกันสุขภาพของอลิอันซ์ อยุธยา จะเห็นได้ว่าเป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไป แต่สำหรับใครที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาสำหรับโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง รวมไปถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ ที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูงนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ก็จะมีประกันสุขภาพที่คุ้มครองเฉพาะโรคร้าย หรืออย่างโรคมะเร็ง จะให้ความคุ้มครองอะไรบ้างนั้น และน่าสนใจแค่ไหน เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
ประกันมะเร็งหายห่วง
การเสียชีวิตคนไทยส่วนใหญ่มาจากโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนในครอบครัวไปหลายคน นอกจากความเจ็บปวดของโรคมะเร็งแล้ว ยังจะต้องพบเจอกกับค่ารักษาที่สูง และการรักษาพยาบาลนั้นจะต้องใช้เวลา หรือบางคนจะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งรักษาแล้วคิดว่าหายแล้วก็ใช่ว่าจะไม่สามารถกลับมาเป็นได้อีก และที่สำคัญก็คือเงินที่ใช้ในการรักษาค่อนข้างสูง บางคนจะต้องหมดเงินไปเป็นล้านๆเลย แต่ถ้าคุณเลือกทำประกันมะเร็งหายห่วงที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ที่มีวงเงินค่ารักษาสูงสุดถึง 9 ล้านบาท และหมดกังวลได้เลยว่าไม่วาคุณจะเป็นมะเร็งอยู่ในขั้นไหนก็ตามประกันก็จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้เช่นกัน และจะให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งสูงสุดถึง 3 โรค ส่วนรายละเอียดและเงื่อนไขจะมีอะไรบ้างนั้นมาติดตามอ่านกันเลย
จุดเด่นประกันมะเร็งหายห่วง
- จ่ายเบี้ยไม่แพงแค่เดือนละร้อยกว่าบาท
- วงเงินค่ารักษาโรคมะเร็งต่อโรคสูงสุดถึง 3 ล้านบาท
- คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะทั้งระยะลุกลามหรือไม่ลุกลาม
- ครอบคลุมค่ารักษาโรคมะเร็งทั้งกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล
แผนความคุ้มครองของประกันมะเร็งหายห่วง
- แผน 1 จะได้มีวงเงินค่ารักษาโรคมะเร็งสูงสุด 3 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งออกเป็นโรคละ 1 ล้านบาท
- แผน 2 จะได้มีวงเงินค่ารักษาโรคมะเร็งสูงสุด 6 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งออกเป็นโรคละ 2 ล้านบาท
- แผน 3 จะได้มีวงเงินค่ารักษาโรคมะเร็งสูงสุด 9 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งออกเป็นโรคละ 3 ล้านบาท
ผลประโยชน์และความคุ้มครองของประกันมะเร็งหายห่วง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการรักษาโรคมะเร็งทั้งในกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล
- กรณีที่นอนโรงพยาบาล คุณสามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ได้วันละ 3,000 – 5,000 บาท (ตามความคุ้มครองแผน 1 – แผน 3)
- กรณีที่เข้ารักษาตัวและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลอื่นๆ ได้แก่ ค่าตรวจวินิยฉัย ค่าเครื่องมือแพทย์ในการรักษา ค่ายากลับบ้าน ค่าทำเคมีบำบัด ค่าแพทย์ในการวางยาสลบ ค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ รวมถึงค่ารถพยาบาลฉุกเฉินกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องใช้เพื่อการเคลื่อนย้ายในการรักษาพยาบาล ประกันจะจ่ายให้ตามจริงที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ
- กรณีที่มีการทำศัลยกรรมเพื่อตกแต่งเต้านมหรืออวัยวะส่วนอื่นๆตั้งแต่คอขึ้นไป แต่จะต้องมีสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง ประกันจะจ่ายให้ตามจริงที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ
นอกจากความคุ้มครองในช่วงที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว ประกันยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีอยู่ระหว่างการฟื้นฟูร่างกายอีกด้วย ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์พิเศษที่ทางงอลิอันซ์ อยุธยา มอบให้สำหรับคนที่ทำประกันมะเร็งหายห่วง มีรายละเอียดดังนี้
- กรณีที่มีการปรึกษาแพทย์จากภาวะแทรกซ้อน จะเบิกได้ครั้งละไม่เกิน 1,500 – 2,500 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 10 – 30 ครั้งต่อปี และจะต้องช่วงที่อยู่ภายใน 60 วันหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล
- กรณีที่ปรึกษาแพทย์ทางจิตวิทยา ซึ่งในที่นี้จะให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมทั้งตัวคุณ หรือบุคคลในครอบครัว เช่น คุณพ่อ คุณแม่ คู่สมรส และลูก จะเบิกได้ครั้งละ 1,500 บาท และเบิกได้ ไม่เกิน 10 – 30 ครั้งต่อปี (ตามความคุ้มครองแผน 1 – แผน 3)
- หากจะต้องมีการทำกายภาพบำบัด สามารถเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 1,500 บาท และเบิกได้ ไม่เกิน 10 – 30 ครั้งต่อปี (ตามความคุ้มครองแผน 1 – แผน 3)
ทั้งนี้ประกันมะเร็งหายห่วง ยังจะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิต ไม่ว่าจะมาจากการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุก็ตาม คุณก็ยังได้รับเงินชดเชยด้วยวงเงิน 15,000 – 60,000 บาท (ตามความคุ้มครองแผน 1 – แผน 3)
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันมะเร็งหายห่วง
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 16 – 60 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึง 84 ปี โดยที่ความคุ้มครองจะให้จนถึงอายุ 85 ปี
ช่องทางการสมัครทำประกันมะเร็งหายห่วง : เลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว คลิกที่นี่
Credit : https://pixabay.com
ประกันโรคร้ายได้คุ้ม
โรคร้ายไม่ใช่เพียงแค่โรคมะเร็งเท่านั้น ยังมีโรคอื่นๆที่คร่าชีวิตได้ เช่น โรคหัวใจ โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมองแตก เป็นต้น หากใครอยากได้ความคุ้มครองในกรณีที่เป็นโรคร้ายนั้น แนะนำให้เลือกทำประกันโรคร้ายได้คุ้ม นี้เลยที่คุ้มครองไม่ว่าคุณจะป่วยเป็นโรคร้ายหรือไม่ก็ตาม เพราะหากเป็นโรคร้ายแรงก็รับเงินก้อนไปไว้ใช้เพื่อรักษาตัวเองได้หรือ แต่ถ้าไม่เป็นโรคร้ายแรงก็รับเงินก้อนไว้สักอีกเช่นกันเดียวเมื่อครบสัญญา และคุณไม่ต้องกังวลว่าเบี้ยประกันสุขภาพนี้จะขึ้นตามช่วงอายุ เหมือนกับเบี้ยประกันสุขภาพทั่วไป เพราะเบี้ยประกันของประกันโรคร้ายได้คุ้ม จะให้คุณจ่ายคงที่ ตอนสมัครจ่ายเบี้ยเท่าไร ก็จ่ายเท่าเดิมไปเรื่อยๆ 20 ปี และที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ หากตรวจพบว่าเป็นร้ายแรงแล้ว คุณก็หยุดจ่ายเบี้ยได้ทันที แต่ยังคงได้รับความคุ้มครองเหมือนเดิมจนครบสัญญา
จุดเด่นประกันโรคร้ายได้คุ้ม
- ป่วยหรือไม่ป่วยก็รับเงินก้อน
- คุ้มครองโรคร้ายแรงไปจนถึงอายุ 85 ปี
- จ่ายเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญาที่คุ้มครอง
- เบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายนำมาลดหย่อนภาษีได้
- หากเสียชีวิตก่อนครบสัญญาหรืออยู่จนครบสัญญารับเงินสูงสุด 100% ของทุนประกันภัย
ผลประโยชน์และความคุ้มครองของโรคร้ายแรงได้คุ้ม
- สำหรับความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ 1.กรณีที่เป็นโรคร้ายแรง 2.กรณีที่ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง และ3.กรณีที่เสียชีวิต ซึ่งไม่ว่ากรณีไหนเกิดขึ้นก็ตาม คุณจะได้รับความคุ้มครองจากประกันโรคร้ายแรงได้คุ้มนี้ ซึ่งเราก็นำรายละเอียดของความคุ้มครองมาฝากกัน
กรณีที่ตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายแรง ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 (ตามที่บริษัทกำหนด)
- จะได้รับเงิน 20% ของทุนประกันภัย
กรณีที่ตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายในระยะรุนแรง ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 (ตามที่บริษัทกำหนด)
- จะได้รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย
กรณีที่มีชีวิตอยู่จนครบสัญญา หรือจนครบอายุ 85 ปี
- จะได้รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย
กรณีที่เสียชีวิตก่อนครบสัญญา
- จะได้รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย
จากผลประโยชน์และความคุ้มครองนั้น หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าแล้วโรคร้ายแรงที่บริษัทประกันนั้นกำหนดว่าอยู่ในกลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มที่ 2 มีอะไรบ้าง เราก็ไม่พลาดที่จะนำมาฝากกัน เพราะคุณควรรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกทำประกันโรคร้ายได้คุ้มนี้
โรคร้ายแรงกลุ่มที่ 1
- โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม
- โรคเยื่อหุ้มหัวใจ
- โรคภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอย่างรุนแรง
- การผ่าตัดตับ
- การผ่าตัดฝัง Cochlear
- การเข้ารับการผ่าตัดชิ้นเนื้องอกที่ต่อมพิทูอิตารี
- การผ่าตัดปอดออกทั้งข้าง 1 ข้าง
- การผ่าตัดใส่อุปกรณ์ระบายน้ำสมองและไขสันหลัง
- โรค Refractory Angina ที่จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจด้วยวิธี Transmyocardial Laser Therapy เท่านั้น
โรคร้ายแรงกลุ่มที่ 2
- โรคมะเร็งระยะลุกลาม
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
- โรคหลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรงหรือโรคปอดระยะสุดท้าย
- เนื้องอกชนิดที่ไม่ใช่มะเร็งในกะโหลกศีรษะ
- ภาวะหมดสติ
- อาการตับวายระยะสุดท้าย
- การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
- การผ่าตัดเปิดหัวใจ เพื่อเปลี่ยนหรือซ่อมแซมลิ้นหัวใจ
- ภาวะไตวายระยะสุดท้าย
- การสูญเสียการได้ยิน
- การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
- การสูญเสียความสามารถในการพูด
- การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูกในฐานะผู้รับ
เงื่อนไขในการทำประกันโรคร้ายได้คุ้ม
- จ่ายเบี้ยประกันภัย 20 ปี โดยที่จะคุ้มครองจนถึงอายุ 85 ปี และสามารถเลือกทุนประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 100,000 บาท หรือสูงสุดจะอยู่ที่ 2,000,000 บาท นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ทั้งแบบรายเดือนหรือรายปีก็ได้เช่นกัน
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันโรคร้ายได้คุ้ม
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 16 – 55 ปี
ช่องทางการสมัครทำประกันโรคร้ายได้คุ้ม : สมัครผ่านทางออนไลน์ได้เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันโรคร้าย 3 ซ่าส์
โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งไม่มีใครสามารถคาดเดาหรือล่วงหน้าได้เลยว่าเราป่วยเป็นโรคร้าย ในบางครั้งร่างกายอาจจะส่งสัญญาณเตือนมาแล้ว แต่เราเองก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าไร บางคนเจ็บป่วยเล็กน้อยก็ไม่ได้ไปหาหมอ เลือกที่จะซื้อยากินเอง เพราะไม่อยากเสียเวลาไปนั่งรอนานๆ หรือไม่มีเงินที่จะไปหาหมอ ทำให้จากโรคร้ายที่เป็นอยู่อาจจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นและค่อยๆลามไปจนถึงขั้นร้ายแรงและนำไปสู่การเสียชีวิต จะดีกว่าถ้าเลือกทำประกันโรคร้าย 3 ซ่าส์ ที่จะให้ความคุ้มครอง 3 โรคร้าย ได้แก่ โรคมะเร็ง ระยะลุกลาม, โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด,โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน เพื่อวางแผนอนาคตหากตรวจพบเป็นโรคร้ายก็จะได้มีเงินก้อนใช้เพื่อมารักษาตัว หรือหากเสียชีวิตก็ยังได้รับเงินก้อนเพื่อไว้เป็นทุนให้กับครอบครัวอีกด้วย
จุดเด่นประกันโรคร้าย 3 ซ่าส์
- คุ้มครองโรคร้ายยอดฮิต 3 โรค
- ตรวจพบโรคร้ายรับเงินสูงสุด 1 ล้านบาท
- เบี้ยประกันภัยนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 1 แสนบาท
การเลือกซื้อประกันโรคร้าย 3 ซ่าส์นี้ จะต้องซื้อประกันชีวิตหลักเสียก่อน นั่นก็คือ ประกันชีวิต อยุธยาเฉพาะกาล 10/10 และสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 3 โรคร้ายแรง โดยความคุ้มครองที่จะได้รับก็จะได้ทั้งในส่วนของประกันหลักและประกันพ่วง และจะมีแผนความคุ้มครองได้เลือกด้วยกัน 3 แผน ดังนี้
- โรคร้าย 3 ซ่าส์ ความคุ้มครองแผน 1 จะมีทุนประกันภัยดังนี้
- อยุธยาเฉพาะกาล 10/10 ทุนประกันภัยจะอยู่ที่ 200,000 บาท
- สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 3 โรคร้ายแรง ทุนประกันภัยจะอยู่ที่ 500,000 บาท
- เบี้ยประกันภัยจะประมาณ 1,511 บาทต่อปี
- โรคร้าย 3 ซ่าส์ ความคุ้มครองแผน 2 จะมีทุนประกันภัยดังนี้
- อยุธยาเฉพาะกาล 10/10 ทุนประกันภัยจะอยู่ที่ 300,000 บาท
- สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 3 โรคร้ายแรง ทุนประกันภัยจะอยู่ที่ 800,000 บาท
- เบี้ยประกันภัยจะประมาณ 2,347 บาทต่อปี
- โรคร้าย 3 ซ่าส์ ความคุ้มครองแผน 3 จะมีทุนประกันภัยดังนี้
- อยุธยาเฉพาะกาล 10/10 ทุนประกันภัยจะอยู่ที่ 300,000 บาท
- สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 3 โรคร้ายแรง ทุนประกันภัยจะอยู่ที่ 1,000,000 บาท
- เบี้ยประกันภัยจะประมาณ 2,669 บาทต่อปี
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับประกันโรคร้าย 3 ซ่าส์
- สัญญาหลัก อยุธยาเฉพาะกาล 10/10
- กรณีที่เสียชีวิตจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ จะได้รับเงินก้อน 100% ของทุนประกันภัย
- สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครอง 3 โรคร้ายแรง
- หากตรวจพบโรคมะเร็งในระยะไม่ลุกลาม จะได้รับเงินก้อน 10% ของทุนประกันภัย
- กรณีที่ตรวจพบโรคร้ายแรง 1 ใน 3 โรคร้ายแรงจะได้รับเงินก้อน 100% ของทุนประกันภัย ดังนี้
- ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งในระยะลุกลาม
- ตรวจพบว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
- ตรวจพบว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
จากแผนความคุ้มครองจะเห็นได้เลยว่า หากคุณตรวจพบเจอโรคมะเร็งในช่วงระยะแรกจะได้รับเงินก้อนไปก่อน 10% ของทุนประกันภัย และต่อมาในภายหลังตรวจพบเจอโรคมะเร็งระยะลุกลาม หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน ก็จะได้รับก้อนอีกครั้ง 100% ของทุนประกันภัย นั่นแสดงให้เห็นเลยว่า ผลประโยชน์สูงสุดที่จะได้รับก็จะอยู่ที่ 110% ของทุนประกันภัย
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันโรคร้ายได้คุ้ม
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 20 – 59 ปี และในการจ่ายเบี้ยประกันภัยคุณก็เลือกจ่ายได้เลยว่าจะจ่ายรายเดือน ราย 3 เดือน ราย 6 เดือน หรือรายปี สะดวกแบบไหนก็เลือกจ่ายแบบนั้นได้เลย
ช่องทางการสมัครทำประกันโรคร้ายได้คุ้ม : หากสนใจสมัครทางออนไลน์ได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่นี่
Credit : https://pixabay.com
นอกจากประกันสุขภาพของผู้ใหญ่แล้วยังมีประกันสุขภาพสำหรับเด็กอีกด้วย เผื่อสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากทำประกันสุขภาพให้กับลูกน้อย ของอลิอันซ์ อยุธยา ก็มีประกันสุขภาพให้สำหรับคุณด้วยเช่นกัน
ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
การเจ็บป่วยของเด็กสำหรับคนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ก็คงจะเป็นเรื่องที่หนักใจและก็ไม่อยากให้ลูกน้อยต้องเจ็บป่วย แต่ในบางครั้งก็ไม่สามารถห้ามได้ เพราะภูมิต้านของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน ยิ่งเวลาลูกน้อยไปโรงเรียนแล้วอาจจะไปเล่นหรือหยิบจับอะไรเข้าปากก็อาจจะทำให้ไม่สบายได้เช่นกัน หรือบางคนก็ติดหวัดจากเพื่อนที่โรงเรียนก็มี นอกจากห่วงเรื่องสุขภาพลูกน้อยแล้วยังต้องคอยกังวลกับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นอีกด้วย ฉะนั้นเลือกทำ ประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย ที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลได้ ที่ให้วงเงินคุ้มครองค่ารักษาสูงถึง 1,200,000 บาท และยังเพิ่มขึ้นอีกเมื่อลูกอายุ 11 ปีขึ้นไป ด้วยวงเงินที่ค่ารักษาที่สูงขึ้นถึง 2,000,000 บาท เรามาดูรายละเอียดต่างๆกันเลย
จุดเด่นประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
- อุ่นใจด้วยการคุ้มครองแบบคลอบคลุม
- คุ้มครองทั้งกรณีเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุ
- คุ้มครองค่ารักษาไม่ว่าจะนอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล
วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
- หากลูกน้อยมีอายุต่ำกว่า 11 ปี วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ที่ 1,200,000 บาทต่อปี
- หากลูกน้อยมีอายุตั้งแต่ 11 ปีขึ้นไป วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจะอยู่ที่ 2,000,000 บาทต่อปี
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
เบิกค่ารักษากรณีนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่าห้องผู้ป่วย ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล (เบิกได้ไม่เกิน 180 วัน)
- กรณีที่เป็นห้องผู้ป่วยปกติ จะเบิกได้วันละ 2,000 – 3,000 บาท
- กรณีที่เป็นห้องผู้ป่วยหนัก หรือห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกได้วันละ 4,000 – 6,000 บาท (เบิกได้ไม่เกิน 60 วัน)
- เบิกค่าบริการของแพทย์ในกรณีที่แพทย์จะต้องไปตรวจเยี่ยมอาการระหว่างวัน จะเบิกได้วันละ 1,000 – 2,000 บาท
- เบิกค่ายากลับบ้านได้ไม่เกิน 7 วัน กรณีที่แพทย์สั่งยาให้กลับไปทานต่อที่บ้าน ด้วยวงเงินไม่เกิน 750 – 1,500 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ เช่น ค่ายา ค่าเอ็กซเรย์ ค่าห้องแล็บ ค่าบริการกายภาพบำบัด ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบในการผ่าตัด และค่ารถพยาบาลฉุกเฉิน จะเบิกได้ตามจริง
เบิกค่ารักษากรณีไม่นอนที่โรงพยาบาล จะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่ารักษาพยาบาลหากได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้ตามจริง
- กรณีที่ในการรักษาจะต้องเอ็กซเรย์หรือใช้ห้องแล็บ ก่อนหรือหลังที่รักษาตัวในโรงพยาบาล จะเบิกค่ารักษาได้ตามจริง
- กรณีที่เป็นโรคไต หรือโรคมะเร็ง และจะต้องเข้ารักษาด้วยการทำเคมีบำบัด ค่ารังสีบำบัด หรือล้างไต ก็จะเบิกค่ารักษาได้ตามจริง
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
- เริ่มทำประกันสุขภาพสำหรับเด็กได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 1 เดือน 1 วัน – 10 ปี โดยที่ประกันนี้จะให้ความคุ้มครองจนถึงอายุ 84 ปีเลย
ช่องทางการสมัครทำประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย : สามารถสมัครได้หลากหลายช่องทั้งกับการตัวแทนขายประกันชีวิต หรือจะเลือกสมัครด้วยตัวเองผ่านทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน คลิกที่นี่
จากบทความประกันสุขภาพนี้จะเห็นได้เลยว่าการทำประกันสุขภาพในปัจจุบันนี้มีหลากหลายความคุ้มครองมาก อาจจะเป็นเพราะด้วยโรคภัยมีมากขึ้นและสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เสียชีวิตกันมากนั้นก็คงจะหนี้ไม่พ้นโรคมะเร็ง หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ฉะนั้นการทำประกันสุขภาพนั้นก็จะต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้ครบทุกคนทุกกลุ่ม บางคนอาจจะมีสวัสดิการด้านการรักษาอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องทำประกันสุขภาพ แต่อาจจะเลือกทำประกันโรคร้ายแรงประกันเพิ่มเติมได้ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะเป็นโรคร้ายแรงหรือไม่ แต่ถ้าเราตรวจพบว่าเป็นโรคร้ายเมื่อไร ทั้งคุณและครอบครัวอย่างน้อยๆก็จะได้รับเงินเพื่อไว้ใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าดำรงชีพก็ตาม ทั้งนี้ นอกจากประกันสุขภาพ จากอลิอันซ์ อยุธยา ที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้แล้ว ในเว็ยบไซต์ iMoney.in.th ยังมีบทความอื่นๆที่น่าสนใจของประกันสุขภาพจากหลากหลายบริษัทประกันชีวิต ที่คุณสามารถเข้ามาอ่านและลองเปรียบเทียบกันไปเลยว่า ผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกัน ที่ไหนให้ความคุ้มครองสูงกว่า จ่ายเบี้ยน้อยกว่า เพื่อที่จะได้ช่วยในการตัดสินใจในการทำประกันสุขภาพให้กับคุณได้ และนอกจากเรื่องของประกันสุขภาพแล้วในเว็บไซต์ยังมีประกันภัยด้านอื่นๆ หรือบทความที่เกี่ยวกับสินเชื่อต่างๆ การทำบัตรเครดิต เลือกที่ไหน หรือใครอยากได้เงินก้อนเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ที่เป็นอยู่ก็ลองแวะเข้ามาอ่านได้เลยค่ะ และในครั้งหน้าเราจะนำเรื่องราวอะไรดีๆมาฝากันอย่าติดตามกันนะคะ