ประกันสุขภาพคุ้มครองทันที – เศรษฐกิจยุคนี้อะไรก็แพงไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลก็เพิ่มสูงขึ้น เจ็บป่วยนิดๆหน่อยๆไปหาหมอในแต่ละครั้งก็หมดเงินไปไม่ใช่น้อยๆ แต่หลายคนอาจจะคิดว่าก็ในเมื่อมีสวัสดิการขั้นพื้นฐานในการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้วทำไมจะต้องจ่ายเงินค่ารักษาเองอีก แต่ในความเป็นจริงแล้วยามที่เราเจ็บป่วยก็อยากไปหาหมอเพื่อให้รักษาเลย ไม่อยากเสียเวลารอนาน ยิ่งถ้าใช้สิทธิประกันสังคมด้วยแล้วต้องบอกว่าแค่เวลาไปรอหมดตรวจก็หมดไปแล้วครึ่งวัน แต่ในทางกลับกันหากเราใช้สิทธิประกันสุขภาพกับโรงพยาบาลเดียวกัน ก็จะได้รับการบริการอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน สำหรับใครที่สนใจอยากจะมีประกันสุขภาพที่คอยช่วยลดภาระค่ารักษา และการทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมนั้นก็ใช่ว่าคุณจะไม่สามารถใช้สิทธิสวัสดิการเดิมที่อยู่ไม่ได้ สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้อีกด้วย และที่พิเศษไปกว่าก็คือการทำประกันสุขภาพหากคุณเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ทำให้ขาดรายได้ ประกันสุขภาพบางผลิตภัณฑ์ยังมีเงินชดเชยรายได้ให้คุณอีกด้วย วันนี้ iMoney จึงอยากจะมาแนะนำประกันสุขภาพคุ้มครองทันที จะมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้างนั้น และน่าสนใจแค่ไหน ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
รวบรวม ประกันสุขภาพคุ้มครองทันที จากบริษัทประกันสุขภาพที่น่าสนใจ 2563
บริษัทประกันสุขภาพ |
ผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น | เงื่อนไขการทำประกัน |
ธนาคารทหารไทย | ประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์ | คุ้มครองค่ารักษาสูงถึง 3 แสนบาท ผ่อนจ่ายเบี้ยรายเดือนได้ด้วยดอกเบี้ย 0% และเบี้ยนำมาลดหย่อนภาษีได้ |
เริ่มสมัครทำประกันได้ตั้งแต่เด็กเล็กอายุ 1 เดือน – 70 ปี |
ไทยประกันสุขภาพ |
ประกันสุขภาพ Simply Healthy | สมัครปุ๊บคุ้มครองค่ารักษากรณีเกิดอุบัติเหตุให้ทันที พร้อมวงเงินค่ารักษาสูงถึง 1,200,000 บาท และซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีรักษาโดยที่ไม่นอนโรงพยาบาล | สมัครทำประกันได้ตั้งแต่อายุเพียง 15 วัน – 65 ปี โดยต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 80 ปี |
กรุงเทพประกันภัย | ประกันภัยโรคมะเร็ง | ตรวจเจอโรคมะเร็งปุ๊บรับเงินก้อนทันที ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท พร้อมให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งกว่า 20 โรค และจ่ายเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา |
สมัครได้ตั้งแต่อายุ 10 – 60 ปี และให้ความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 65 ปี |
ทิสโก้ อินชัวรันส์ โซลูชั่น |
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme | ดูแลค่ารักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก พร้อมคุ้มครองทุกที่ทั่วโลก และเบิกค่ารักษาได้ทันทีกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงถึง 24 ล้านบาท |
สมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน – 60 ปี ซึ่งสามารถต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 90 ปี |
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์ จากธนาคารทหารไทย
ประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพจากธนาคารทหารไทย ที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาได้อย่างเต็มที่ ไร้กังวลเรื่องค่ารักษา ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บกี่ครั้งก็ตาม สามารถเบิกค่าได้รักษาได้หมด ไม่มีเงื่อนไขสับสนจุกจิกให้ต้องยุ่งยาก ซื้อประกันสุขภาพปุ๊บ จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาทันที เพียงแต่ว่าการรักษานั้นจะต้องมาจากการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการเจ็บป่วยนั้นให้รอ 30 วันก่อนหลังจากที่กรมธรรม์มีผลบังคับใช้ และวงเงินคุ้มครองค่ารักษาในกรณีที่นอนโรงพยาบาลก็ให้สูงสุดถึง 300,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่แพง แถมยังนำเบี้ยที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์
- ซื้อประกันสุขภาพได้ง่าย
- ไม่จำเป็นต้องตรวจสุขภาพ
- คุ้มครองทั้งค่ารักษาและกรณีเสียชีวิต
- ผ่อนจ่ายเบี้ยด้วยดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน
- ประกันสุขภาพนี้ซื้อให้ได้ทั้งตัวเองหรือกับคุณพ่อคุณแม่
วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์
- กรณีที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน จะเบิกค่ารักษาได้สูงสุด 300,000 บาท
- กรณีที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก จะเบิกค่ารักษาได้ครั้งละ 1,000 บาท เบิกได้ไม่เกิน 30 วันต่อปี
จะเห็นได้เลยว่าประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์ นี้จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาทั้งกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือกด้วย เพราะประกันสุขภาพนี้จะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 2 แผน คือ Plan 1 นั่นก็คือ จะให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีที่นอนโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ในส่วนของ Plan 2 จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาทั้งกรณีที่นอนและไม่นอนโรงพยาบาล ส่วนวงเงินค่ารักษาพยาบาลในแต่ละรายการนั้นจะให้ความคุ้มครองที่เหมือนกันและเท่ากัน เราลองมาดูรายละเอียดความคุ้มครองกันว่ามีอะไรบ้าง
ความคุ้มครองของประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์
- เบิกค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่นอนโรงพยาบาล (วงเงินไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี)
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล หากเป็นห้องผู้ป่วยปกติ จะเบิกสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องไอ.ซี.ยู จะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 6,000 บาท สำหรับห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกได้ไม่เกิน 15 วัน แต่ค่าห้องทั้ง 2 ประเภทนี้จะเบิกได้ไม่เกิน 180 วันต่อการเข้ารักษาตัวในแต่ละครั้ง
- ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บ จะเบิกค่ารักษาได้ตามจริง
- ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่อุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่จะต้องรักษาภายใน 24 ชั่วโมง ก็เบิกค่ารักษาได้ตามจริง
- กรณีที่กระดูกแตกหัก เนื่องจากอุบัติเหตุ เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริง
- กรณีที่จะต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยใช้รถพยาบาลฉุกเฉินจะเบิกค่าบริการได้ไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง
- กรณีที่มีการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการผ่าตัดนั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าแพทย์ผ่าตัดและหัตถการ ค่าปรึกษาแพทย์ในการขอคำแนะนำเพื่อการผ่าตัด เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริง
- กรณีที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะมีแพทย์มาตรวจเยี่ยมอาการไข้นั้น จะเบิกค่าบริการแพทย์ได้ตามจริง แต่จะต้องไม่เกิน 180 วัน
- เบิกค่ารักษาพยาบาลในการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ หรือการฟอกไต จะเบิกได้ไม่เกิน 10,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองชีวิตในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จนเป็นให้ต้องสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนของร่างกาย สายตา การรับรู้การได้ยินหรือฟัง หรือกลายเป็นบุคคลทุพพภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเสียชีวิต จะได้รับเงินชดเชย 300,000 บาท
- คุ้มครองเฉพาะ Plan 2 เบิกค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่รักษาแต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาลจะเบิกได้ค่ารักษาได้ครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท และเบิกได้ 1 วันต่อครั้ง ซึ่งรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 30 วันต่อปี
รู้รายละเอียดของความคุ้มครองกันแล้วคราวนี้เรารู้กันต่อกับเบี้ยประกันของประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็มแม็กซ์ ที่จะช่วยให้เพื่อนๆตัดสนใจได้ว่าควรจะเลือกแผนความคุ้มครองไหนดีระหว่าง Plan 1 หรือ Plan 2 ซึ่งการคิดอัตราเบี้ยประกันภัยนั้นนอกจากแผนความคุ้มครองที่จะมากำหนดเบี้ยประกันภัยแล้วยังมีในเรื่องอายุตอนที่สมัครทำประกันสุขภาพนี้ด้วย
อัตราเบี้ยของประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็ม
- สำหรับคนที่เลือก Plan 1 ที่คุ้มครองเฉพาะกรณีที่นอนโรงพยาบาลเท่านั้น
- ผู้สมัครอายุเริ่มตั้งแต่ 16 – 55 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 8,000 บาทต่อปี
- ผู้สมัครอายุตั้งแต่ 56 – 70 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 14,000 บาทต่อปี
- สำหรับคนที่เลือก Plan 2 ที่คุ้มครองทั้งกรณีที่นอนและไม่นอนโรงพยาบาล
- เริ่มสมัครทำประกันได้ตั้งแต่ 1 เดือน – 15 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 26,400 บาทต่อปี
- ผู้สมัครอายุเริ่มตั้งแต่ 16 – 55 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 13,000 บาทต่อปี
- ผู้สมัครอายุตั้งแต่ 56 – 70 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 24,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ หากในระหว่างการคุ้มครองคุณไม่ได้มีการขอเคลมค่ารักษาพยาบาลกับประกันสุขภาพนี้เลย ในปีถัดไปจะได้รับส่วนลด 10% ของราคาเบี้ยประกันภัยอีกด้วย
เงื่อนไขในการสมัครประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็ม
- สมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่เล็กที่มีอายุ 1 เดือนขึ้นไป หรือจะผู้สูงอายุที่มีอายุไม่เกิน 70 ปี
ช่องทางการสมัครประกันสุขภาพ ทีเอ็มบี เบิกเต็ม
- เลือกสมัครได้ 2 ช่องทาง คือสมัครด้วยตัวเองที่ธนาคารทหารไทยทุกสาขาที่คุณสะดวก หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ที่นี่ก็ได้เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ Simply Healthy จากไทยประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ Simply Healthy เป็นประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เจ็บป่วยและยังพ่วงความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากได้รับบาดเจ็บหรือประสบอุบัติเหตุคุณสามารถเข้ารักษาได้โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล เพียงแต่ว่าจะต้องรักษาภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้แล้วยังมีหลากหลายแผนความคุ้มครองให้เลือกซึ่งมีวงเงินค่ารักษาสูงสุดอยู่ที่ 1,200,000 บาทต่อปี และยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาทั้งในกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลอีกด้วย ส่วนรายละเอียดของแผนความคุ้มครองจะมีอะไรบ้าง เบี้ยประกันสุขภาพนี้จะแพงหรือไม่นั้น เรามีรายละเอียดมาฝากกันด้วย มาดูกันเลย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ Simply Healthy
- มีแผนความคุ้มครองให้เลือกถึง 6 แผน
- วงเงินค่ารักษาเริ่มต้นอยู่ที่ 150,000 – 1,200,000 บาท
- สมัครปุ๊บคุ้มครองค่ารักษากรณีที่เกิดอุบัติเหตุให้ทันทีเลย
- สามารถต่อความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้จนถึงอายุ 80 ปี
- สมัครแล้วสามารถยกเลิกได้ภายใน 90 วัน พร้อมรับเบี้ยคืนเต็มจำนวน
วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของประกันสุขภาพ Simply Healthy
สำหรับประกันสุขภาพนี้จะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกกัน 6 แผน ซึ่งแต่ละแผนก็จะมีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในแต่ละปีไม่เท่ากัน โดยไทยประกันสุขภาพจะกำหนดให้ว่าแผนไหนมีวงเงินค่ารักษาต่อโรคต่อปีเท่าไร โดยที่คุณสามารถเลือกได้ตามที่ต้องการ เพราะจะเกี่ยวเนื่องกับเบี้ยประกันสุขภาพด้วย ยิ่งเลือกแผนที่มีวงเงินคุ้มครองสูง เบี้ยประกันภัยก็ย่อมจะสูงตามไปด้วยเช่นกัน
- แผนความคุ้มครอง SP1500 เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 150,000 บาทต่อปี
- แผนความคุ้มครอง SP2000 เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 200,000 บาทต่อปี
- แผนความคุ้มครอง SP3000 เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 300,000 บาทต่อปี
- แผนความคุ้มครอง SP4000 เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 400,000 บาทต่อปี
- แผนความคุ้มครอง SP6000 เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 600,000 บาทต่อปี
- แผนความคุ้มครอง SP12000 เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 1,200,000 บาทต่อปี
ความคุ้มครองของประกันสุขภาพ Simply Healthy
กรณีที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน จะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยให้ไม่เกิน 90,000 – 720,000 บาทต่อครั้งที่เข้ารับการรักษา โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่นอนรักษาตัวห้องผู้ป่วยปกติ และห้องผู้ป่วยวิกฤต มีรายละเอียดดังนี้
- ห้องผู้ป่วยปกติ จะเบิกได้วันละ 1,500 – 12,000 บาท (เบิกได้ไม่เกิน 60 วัน)
- ห้องผู้ป่วยวิกฤต จะเบิกได้วันละ 3,000 – 24,000 บาท (เบิกได้ไม่เกิน 15 วัน)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั่วไปที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ จะสามารถเบิกได้ไม่เกิน 15,000 – 120,000 บาทต่อครั้ง โดยแบ่งออกเป็นรายการดังนี้
- กรณีที่เป็นค่ารักษาพยาบาลอุบัติเหตุฉุกเฉิน จะเบิกได้ไม่เกิน 3,000 – 24,000 บาท
- กรณีที่ขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเพื่อทำการผ่าตัดหรือไม่ได้ผ่าตัดก็ตาม จะสามารถเบิกค่าปรึกษาได้ไม่เกิน 1,500 – 12,000 บาท
- กรณีที่มีความจำเป็นจะต้องใช้รถบริการรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อเคลื่อนย้ายในการรักษานั้น จะเบิกค่าบริการได้ครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาในการผ่าตัด โดยจะให้วงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 22,500 – 180,000 บาท และสามารถขอเบิกค่าปรึกษาแพทย์ได้ไม่เกิน 2,250 – 18,000 บาท
- คุ้มครองดูแลของแพทย์ในขณะที่รักษาตัวที่โรงพยาบาล จะมีวงเงินคุ้มครองให้อยู่ที่ 22,500 – 180,000 บาท และจะเบิกค่าดูแลของแพทย์เจ้าของไข้ได้วันละไม่เกิน 375 – 3,000 บาท (ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 60 วัน)
กรณีที่คุ้มครองชีวิตกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จนทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะหรือเสียชีวิต จะได้รับเงินสินไหมทดแทนอยู่ที่ 100,000 บาท
กรณีที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 32,000 – 120,000 บาทต่อปี โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
- เบิกค่ารักษาพยาบาลทั่วไปได้ไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะเบิกได้ครั้งละไม่เกิน 800 – 3,000 บาท และเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 30 วันต่อปี
- เบิกค่ารักษาในการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยรังสีเอ็กซ์ และค่าตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 8,000 – 30,000 บาทต่อปี
อัตราเบี้ยของประกันสุขภาพ Simply Healthy
- การคำนวณเบี้ยประกันภัยนั้นจะต้องพิจารณาจากหลายองค์ประกอบการ ได้แก่ อายุ แผนความคุ้มครองที่เลือก และหากต้องการซื้อความคุ้มครองอื่นเสริมก็จะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่ม โดยมีรายละเอียดของเบี้ยประกันภัยดังนี้
เบี้ยประกันภัยกรณีที่ซื้อความคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน
- อายุระหว่าง 15 วัน – 5 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 19,030 – 104,545 บาท
- อายุระหว่าง 6 – 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 8,702 – 46,709 บาท
- อายุระหว่าง 11 – 20 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 5,604 – 29,358 บาท
- อายุระหว่าง 21 – 35 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 4,571 – 23,574 บาท
- อายุระหว่าง 36 – 40 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 5,191 – 27,045 บาท
- อายุระหว่าง 41- 45 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 5,604 – 29,358 บาท
- อายุระหว่าง 46 -50 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 6,637 – 35,142 บาท
- อายุระหว่าง 51 – 55 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 7,670 – 40,925 บาท
- อายุระหว่าง 56 – 60 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 8,702 – 46,709 บาท
- อายุระหว่าง 61 – 65 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 10,852 – 58,360 บาท
- อายุระหว่าง 66 – 70 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 15,151 – 81,663 บาท
- อายุระหว่าง 71 – 75 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 21,684 – 116,700 บาท
- อายุระหว่าง 76 – 80 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 32,012 – 174,537 บาท
เบี้ยประกันภัยกรณีที่ซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนของกรณีที่ผู้ป่วยนอก
- อายุระหว่าง 15 วัน – 5 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 22,512 – 78,678 บาท
- อายุระหว่าง 6 – 10 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 10,006 – 34,968 บาท
- อายุระหว่าง 11 – 20 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 6,253 – 21,855 บาท
- อายุระหว่าง 21 – 35 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 5,003 – 17,484 บาท
- อายุระหว่าง 36 – 40 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 5,753 – 20,107 บาท
- อายุระหว่าง 41 – 45 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 6,253 – 21,855 บาท
- อายุระหว่าง 46 – 50 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 7,504 – 26,226 บาท
- อายุระหว่าง 51 – 55 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 8,755 – 30,597 บาท
- อายุระหว่าง 56 – 60 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 10,006 – 34,968 บาท
- อายุระหว่าง 61 – 65 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 12,507 – 43,710 บาท
- อายุระหว่าง 66 – 70 ปี เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นที่ 17,510 – 61,194 บาท
ทั้งนี้ หากคุณต้องการซื้อความคุ้มครองค่ารักษาเพิ่มเติมในส่วนของการที่ไปรักษาโดยไม่นอนโรงพยาบาลนั้น ก็ให้นำเบี้ยประกันภัยผู้ป่วยนอกกับผู้ป่วยในมาบวกกัน คุณก็จะรู้แล้วว่าจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่เท่าไรปี และจากอัตราเบี้ยประกันภัยที่เห็นนั้นอาจจะดูสูงไปสักนิด ยิ่งช่วงตอนที่ทำประกันในช่วงเด็กหรือช่วงที่มีอายุมากๆ
เงื่อนไขในการสมัครประกันสุขภาพ Simply Healthy
- หากสนใจก็สมัครทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 15 วันขึ้นไปจนถึงอายุ 65 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้เรื่อยๆจนถึงอายุ 80 ปี แต่ถ้าในกรณีที่ต่ออายุความคุ้มครองของผู้ป่วยนอกนั้นจะสามารถต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 70 ปีเท่านั้น
ช่องทางการสมัครประกันสุขภาพ Simply Healthy
- สมัครได้กับตัวแทนขายประกันสุขภาพทั่วประเทศ
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยโรคมะเร็ง จากกรุงเทพประกันภัย
นับวันยิ่งมีโรคภัยร้ายแรงเกิดขึ้นทุกวัน เราทุกคนมีความเสี่ยงจะที่เกิดโรคร้ายได้อยู่ตลอดเวลา หากใครที่ยังไม่มีประกันสุขภาพที่คุ้มครองเฉพาะโรคร้ายอย่างโรคมะเร็งนั้น เราขอแนะนำเป็น ประกันภัยโรคมะเร็ง จากกรุงเทพประกันภัย ที่จะให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งโดยเฉพาะ ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับคุณ หรือมีเงินก้อนไว้ใช้ เพียงสมัครได้ง่ายๆไม่ต้องเสียเวลาไปตรวจสุขภาพ และที่สำคัญสมัครตอนไหนจ่ายเบี้ยประกันภัยไปเท่าไรก็จ่ายเท่าเดิม แม้ว่าอายุจะเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่เบี้ยประกันภัยยังคงที่ตลอดอายุสัญญา
จุดเด่นของประกันภัยโรคมะเร็ง
- สมัครปุ๊บคุ้มครองโรคร้ายทันที
- จ่ายเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา
- คุ้มครองด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาท
- คุ้มครองโรคมะเร็งมากกว่า 20 โรคมะเร็ง
ทุนประกันภัยในการทำประกันภัยโรคมะเร็ง
- มีทุนประกันภัยขั้นต่ำเริ่มต้นอยู่ที่ 100,000 บาทไปจนถึง 1,000,000 บาท ซึ่งแต่ละแผนความคุ้มครองก็จะค่อยๆเพิ่มวงเงินคุ้มครองทีละ 100,000 บาท
โรคมะเร็งที่ให้ความคุ้มครอง
- โรคมะเร็งตับ
- โรคมะเร็งเต้านม
- โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
- โรคมะเร็งปอด
- โรคมะเร็งกล่องเสียง
- โรคมะเร็งต่อมไทรอยด์
- โรคมะเร็งกระดูก
- โรคมะเร็งช่องปาก
- โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- โรคมะเร็งไข่
- โรคมะเร็งตับอ่อน
- โรคมะเร็งในระบบประสาท
- โรคมะเร็งมดลูก
- โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
- โรคมะเร็งทุกชนิดยกเว้น มะเร็งผิวหนัง
- โรคมะเร็งปากมดลูก
- โรคมะเร็งโพรงหลังจมูก
- โรคมะเร็งถุงน้ำดีและท่อน้ำดี
- โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- โรคมะเร็งระบบทางเดินอาหาร ปัสสาวะ และอวัยวะสืบพันธ์ชาย
คราวนี้เรามาต่อในส่วนของเบี้ยประกันภัยกันบ้างว่าจะแพงไหม สำหรับการคุ้มครองโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง ซึ่งการคำนวณเบี้ยประกันภัยก็จะต้องขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยที่เลือก อายุของผู้ที่ทำประกันภัย มีรายละเอียดดังนี้
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 100,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 450 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 920 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 1,670 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 2,440 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 200,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 910 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 1,840 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 3,350 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 4,880 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 300,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 1,370 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 2,760 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 5,030 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 7,370 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 400,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 1,820 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 3,680 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 6,710 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 9,770 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 500,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 2,280 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 4,600 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 8,390 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 12,220 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 600,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 2,730 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 5,520 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 10,060 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 14,660 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 700,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 3,190 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 6,440 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 11,740 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 17,100 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 800,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 3,660 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 7,360 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 13,420 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 19,590 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 900,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 4,100 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 8,280 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 15,100 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 21,990 บาท
- กรณีที่เลือกทุนประกันภัยอยู่ที่ 1,000,000 บาท
- สมัครช่วงอายุ 10 – 34 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 4,560 บาท
- สมัครช่วงอายุ 35 – 44 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 9,200 บาท
- สมัครช่วงอายุ 45 – 54 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 16,780 บาท
- สมัครช่วงอายุ 55 – 60 ปี เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 24,450 บาท
เงื่อนไขในการสมัครประกันภัยโรคมะเร็ง
- เริ่มสมัครได้ตั้งแต่อายุ 10 – 60 ปี ซึ่งจะให้ความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 65 ปี นอกจากนี้แล้วยังสามารถซื้อประกันความคุ้มครองได้มากกว่า 1 กรมธรรม์ แต่เมื่อรวมกันแล้วจะต้องมีวงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1,000,000 บาท
ช่องทางการสมัครประกันภัยโรคมะเร็ง
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme จากทิสโก้ อินชัวรันส์ โซลูชั่น
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme เป็นอีกหนึ่งประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองทันทีหากได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ โดยที่คุณสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ทันที แต่ถ้าหากเป็นการเจ็บป่วยนั้น อาจจะต้องรอให้ผ่าน 30 วันเสียก่อน จึงจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ ซึ่งจะมีวงเงินคุ้มครองให้ค่ารักษาทั้งกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลด้วยวงเงินค่ารักษาในแต่ละสูงสุดถึง 6 ล้านบาท และต่อปีจะเบิกค่ารักษาได้สูงถึง 24 ล้านบาท ซึ่งหากเทียบวงเงินค่ารักษาพยาบาลกับประกันสุขภาพอื่นแล้วก็ถือว่าเป็นวงเงินสูงมากเลยค่ะ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือยังให้ความคุ้มครองทั้งในประเทศและต่างประเทศอีกด้วย ทำให้อุ่นใจได้เลยว่าไปเดินทางไปต่างประเทศแล้วเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ สามารถเบิกค่ารักษาได้เลย แต่จะต้องเป็นตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
จุดเด่นของประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme
- คุ้มครองครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- คุ้มครองค่ารักษาให้ทันทีในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- ค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งสูงถึง 6 ล้านบาท หรือ 24 ล้านบาทต่อปี
วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme
สำหรับในการทำประกันสุขภาพนี้จะมีวงเงินคุ้มครองให้เลือกด้วยกันอยู่ 4 วงเงิน ซึ่งก็จะขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือก เนื่องจากแต่ละแผนความคุ้มครองจะกำหนดวงเงินค่ารักษาต่อครั้ง และวงเงินค่ารักษาต่อปี โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กรณีที่เลือกทำประกันสุขภาพ แผน Supreme Mini จะได้รับค่ารักษาไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 3,000,000 บาทต่อปี
- กรณีที่เลือกทำประกันสุขภาพ แผน Supreme 1 จะได้รับค่ารักษาไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อปี
- กรณีที่เลือกทำประกันสุขภาพ แผน Supreme 2 จะได้รับค่ารักษาไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อปี
- กรณีที่เลือกทำประกันสุขภาพ แผน Supreme 3 จะได้รับค่ารักษาไม่เกิน 6,000,000 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 24,000,000 บาทต่อปี
ความคุ้มครองของประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme
คุ้มครองค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยใน
- คุ้มครองค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ให้ไม่เกินวันละ 5,000 – 10,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องผู้ป่วยหนัก (ห้อง ไอ.ซี.ยู) จะสามารถเบิกค่าห้องผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จนถึงเบิกค่าห้องได้ตามจริง ซึ่งจะขึ้นอยู่แผนความคุ้มครองที่เลือก
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ค่ายา ค่าอุปกรณ์ต่างๆในการรักษา รวมถึงไปค่าบริการทางการแพทย์ หรือค่าบริการรถพยาบาล เป็นต้น จะสามารถเบิกได้ตามจริงที่เกิดขึ้น
- คุ้มครองค่าบริการพยาบาลพิเศษ กรณีที่จำเป็นจะต้องมีคนคอยดูแลหลังจากที่กลับไปพักฟื้นฟูที่บ้าน จะเบิกค่าบริการนี้ได้ 20,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโดยการปลูกถ่ายไขกระดูก การเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ การฟอกไต จะเบิกค่ารักษาได้ตั้งแต่ 1,000,000 – 2,000,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาทางจิตเวช ซึ่งจะเบิกค่ารักษาในส่วนนี้ได้เฉพาะบางแผนความคุ้มครองเท่านั้น และจะเบิกค่ารักษาได้อยู่ที่ 20,000 – 100,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่จะต้องมีการผ่าตัดทั้งหมด รวมไปถึงค่าบริการขอคำปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านด้วย ซึ่งจะเบิกค่ารักษาได้ตามจริง
- คุ้มครองค่าบริการของแพทย์ ที่จะต้องมาดูแลคุณในระหว่างที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมไข้ หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทางแม้ว่าจะไม่มีการผ่าตัดก็ตาม ค่าใช้จ่ายนี้จะเบิกได้ตามจริง
คุ้มครองค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยนอก
- เบิกค่ารักษาพยาบาลทั่วไป เช่น ค่ายา ค่าแพทย์ ค่าห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ต่างๆ จะสามารถเบิกค่ารักษาได้ครั้งละไม่เกิน 1,000 บาท หรือเบิกได้ไม่เกิน 20,000 – 40,000 บาทต่อปี หรือเบิกค่ารักษาได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง)
- เบิกค่ารักษาในการทำกายภาพบำบัด และค่ารักษาในการรักษากับแพทย์ทางเลือก จะเบิกค่ารักษาได้ตั้งแต่ 20,000 – 50,000 บาท ต่อปี
คุ้มครองค่าคลอดลูกสำหรับผู้ที่ทำประกันสุขภาพ
- เบิกค่าคลอดได้ทั้งคลอดธรรมชาติหรือคลอดโดยการผ่าตัด จะเบิกค่าคลอดได้อยู่ที่ 60,000 – 100,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง)
- เบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีที่แท้งลูก จะเบิกค่าคลอดได้อยู่ที่ 30,000 – 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง)
- เบิกค่าคลอดในกรณีที่ผ่าท้องโดยมีสาเหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก จะเบิกค่าคลอดได้อยู่ที่ 120,000 – 200,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง)
คุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- หากเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะทางสายตา การรับฟัง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง รวมถึงหากถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกฆาตกรรม และคุ้มครองในกรณีที่ขับขี่รถยนต์หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับเงินชดเชย 200,000 บาท
- หากกรณีที่เสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 – 20,000 บาท
ความคุ้มครองเพิ่มเติมที่จะได้รับจากการทำประกันสุขภาพ
- ประกันจะจ่ายค่ารักษาในการทำฟันให้ 80% ของค่าทำฟัน แต่จะต้องไม่เกิน 20,000 บาท
- ประกันจะจ่ายค่ารักษาสายตาให้กับคุณ วงเงินเงินไม่เกิน 80% ของค่าตรวจสายตา แต่จะต้องไม่เกิน 20,000 บาท
เงื่อนไขในการสมัครประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน – 60 ปี โดยที่จะต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 90 ปี
ช่องทางการสมัครประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme
นอกจากประกันสุขภาพแล้วในเว็บไซต์ iMoney.in.th ยังมีบทความที่น่าสนใจอีกมากมายที่ได้นำมาฝากกัน รับรองได้เลยว่ามีครบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการ สามารถตอบโจทย์ให้กับเพื่อนๆได้ครบทุกความต้องการอย่างแน่นอน ไม่คุณจะมองหาสินเชื่อส่วนบุคคลที่ให้วงเงินสูง อนุมัติง่าย อนุมัติเร็ว เราก็ได้รวบรวมไว้ที่นี่ หรือจะมีบัตรเครดิตไว้ผ่อนสินค้า หรือบัตรเครดิตที่เน้นสะสมคะแนน เน้นสะสมไมล์การเดินทาง รวมไปถึงคนที่ปัญหาเรื่องการเงินมีหนี้บัตรเครดิตมากมายอยากรวมหนี้ไว้ที่นี่ก็สามารถมารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตได้ที่นี่เช่นเดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์หรือสินเชื่อรถจักรยานยนต์ สำหรับคนที่อยากมีบ้าน มีรถ แต่ไม่มีเงินก้อน ยังไม่รู้ว่าจะกู้ที่ไหนดี ลองเข้ามาอ่านบทความที่เราได้เปรียบเทียบทั้งจุดเด่นของแต่ละสถาบันการเงิน เพื่อเป็นตัวช่วยที่ดีในการตัดสินใจให้กับเพื่อนๆ ยังไงฝากเพื่อนๆช่วยกันกด Like หรือ กด Share เว็บไซต์หรือ Facebook iMoney สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน และพบกันใหม่ในครั้งหน้าที่จะมาพร้อมกับบทความที่ยังคงเกี่ยวกับประกันสุขภาพเหมือนเดิม แต่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรนั้นอย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ