ประกันรถยนต์ชั้น 1 – อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยและคงจะไม่มีใครที่อยากจะเกิดขึ้นด้วย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากที่สุดนั่นก็มาจากรถยนต์ ซึ่งในแต่ละวันก็จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเพียงแค่เล็กน้อยหรืออุบัติเหตุใหญ่ก็ตาม เมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งที่ตามมาก็คงจะหนีเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะตามมา ไหนจะค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถยนต์ ทั้งรถยนต์ของเราเองหรือรถยนต์ของคู่กรณี ฉะนั้นสิ่งสำคัญในการช่วยบรรเทารายจ่ายได้ก็คือการทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจริงๆตามกฎหมายแล้วก็จะบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องทำประกันภัยรถยนต์ หรือที่เรียกว่า “พ.ร.บ.” ที่มาคุ้มครองชีวิตกรณีที่เกิดอุบัติเหตุช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับคุณได้ นอกจากประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับแล้ว ยังมีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจให้เลือกซื้อประกันภัยเพิ่มอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2 และชั้น 3 โดยสามารถเลือกได้ตามงบประมาณ สภาพรถยนต์ และความต้องการได้เลย และใครที่มีรถใหม่ป้ายแดง หรือว่ารถยนต์ที่ใช้งานไม่เกิน 7 – 10 ปี ที่ประกันภัยรถยนต์กำลังหมดหรือคิดอยากเปลี่ยนบริษัทประกันภัยนั้น ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยค่ะ เพราะวันนี้ iMoney ได้รวบรวมสุดยอดประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มารวมไว้ที่นี่กันแล้วค่ะ จะมีบริษัทประกันภัยอะไรบ้างนั้น มาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
รวบรวมประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ที่น่าสนใจ จาก บริษัท ประกันภัย ปี 2563
บริษัทประกันภัย | ผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น | เงื่อนไขการสมัคร | เบี้ยประกันภัย |
สินมั่นคง ประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์คนกรุง | คุ้มครองครอบคลุมทุกกรณีทั้งรถยนต์ ชีวิต และดูแลค่ารักษาพยาบาล | รถยนต์ทุกยี่ห้อที่มีจดทะเบียนไม่เกิน 12 ปี | จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 9,600 บาท |
สินมั่นคง ประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์ | คุ้มครองทุกกรณี หรือขอซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้ และรถยนต์ซ่อมได้ที่ซ่อมศูนย์ของยี่ห้อนั้นๆ | รถยนต์ทุกยี่ห้อที่มีจดทะเบียนไม่เกิน 4 ปี | จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 15,800 บาท |
ทิพยประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 | เบี้ยประกันภัยผ่อนได้ดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน พร้อมรับความคุ้มครองทุกกรณีทั้งรถยนต์และชีวิตของคุณกับคู่กรณี | รถยนต์ทุกยี่ห้อที่มีจดทะเบียนไม่เกิน 10 ปี | จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 9,999 บาท |
กรุงเทพประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า | คุ้มครองทั้งอุบัติเหตุหรือรถชนหรือรถหาย รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลกรณีได้รับบาดเจ็บ และมีบริการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง | รถเก๋ง หรือรถกระบะที่ไม่เกิน 7 ที่นั่ง และมีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี | จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 บาท |
กรุงเทพประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 Used Car Special | คุ้มครองอุบัติเหตุทุกกรณีไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่มี รถหาย รถไฟไหม้ น้ำท่วม ประกันก็จ่ายเงินชดเชยให้ | เฉพาะรถยนต์ที่จดทะเบียนส่วนบุคคลมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 – 12 ปี | จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 16,100 บาท |
เมืองไทยประกันภัย | ประกันรถยนต์ชั้น 1 | คุ้มครอง ครอบคลุม ครบครัน ทั้งรถชน รถหาย รถเสียหายจากไฟไหมหรือน้ำท่วม หรือรถเสียหายจากอุบัติเหตุ | เฉพาะรถเก๋งหรือรถกระบะ 4 ประตู หรือรถกระบะ 2 ประตู ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี | เบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับประเภท ยี่ห้อ รุ่น อายุการใช้งานของรถยนต์ ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด |
วิริยะ ประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์กรมธรรม์ประเภท | คุ้มครองทั้งคน รถยนต์ และทรัพย์สินต่างๆ ของผู้ทำประกันและคู่กรณี | เงื่อนไขจะเป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด | เบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ รุ่นรถยนต์ และปีที่จดทะเบียน |
ไทยวิวัฒน์ ประกันภัย | ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 | มาเร็ว เคลมเร็ว ภายใน 30 นาที สามารถแจ้งเหตุผ่านแอพพิเคชั่นได้เลย มีอู่ซ่อมให้บริการกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ | เงื่อนไขจะเป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด | จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 7,200 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่ยี่ห้อ ปีจดทะเบียน และทุนประกันภัย |
ธนาคารกสิกรไทย | ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 | รับเงินชดเชยระหว่างรอรถซ่อมครั้งละ 5,000 บาท แถมสมัครก็ง่าย ไม่เสียเวลาตรวจเช็คสภาพรถยนต์ และรถอายุนานก็สมัครได้ | รถยนต์จะต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี | เบี้ยประกันภัยจะเป็นตามที่ธนาคารกำหนด |
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยรถยนต์คนกรุง จาก สินมั่นคง ประกันภัย
ปัญหาการจราจร รถติด รถชนกันบนท้องถนน พบเห็นได้ทุกวัน ยิ่งในเมืองมีมากก็ยิ่งเกิดอุบัติเหตุบ่อยขึ้น สำหรับใครที่จะต้องอยู่ในเมืองอย่างกรุงเทพหรือพื้นที่ใกล้เคียงนั้น ลองเลือกทำประกันภัยรถยนต์คนกรุง จากสินมั่นคง ซึ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ตอบโจทย์ทุกความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุมทุกกรณีไม่ต้องกังวล และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นรถชนกับรถด้วยกัน หรือขับรถไปชนของ เช่น ต้นไม้ กำแพง เสาไฟ หรือรถคนอื่นมาชน ไม่เพียงเท่านั้นยังให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถหาย หรือได้รับความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ หรือน้ำท่วมอีกด้วย
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์คนกรุง จากสินมั่นคง
- เบี้ยประกันภัยไม่เปลี่ยนแปลง ตลอดช่วงทุนประกันภัย
- จ่ายเบี้ยเพียงไม่ถึงหมื่นรับความคุ้มครองชีวิตและรถยนต์สูงถึงล้าน
- คุ้มครองแบบครอบคลุมทุกกรณี ทั้งรถยนต์ของเราและรถยนต์คู่กรณี
เบี้ยประกันภัยรถยนต์คนกรุง
- จ่ายเริ่มต้นเพียง 9,600 บาท ทั้งนี้อัตราเบี้ยประกันภัยอาจจะเท่ากันสำหรับรถยนต์ที่มียี่ห้อเดียวกัน แต่ต่างกันในส่วนของปีที่จดทะเบียนนั้น ก็จะทำให้วงเงินคุ้มครองทุนประกันภัยได้รับไม่เท่ากัน เพราะทุนประกันภัยจะคำนวณจากราคาของรถยนต์ด้วยค่ะ เราได้ลองนำมารายละเอียดคร่าวๆ มาฝากกัน
สำหรับรถยนต์ยี่ห้อ HONDA รุ่น CITY หรือรถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น VIOS ทุนประกันภัยจะมีให้เลือก และเบี้ยประกันภัยจะจ่ายตามนี้ค่ะ
ปีที่จดทะเบียน |
ทุนประกันภัย | เบี้ยประกันภัย |
2562 | 470,000 บาท
530,000 บาท |
10,600.49 บาท 12,500.81 บาท |
2561 |
410,000 บาท
530,000 บาท |
10,600.49 บาท
12,500.81 บาท |
2560 | 380,000 บาท |
10,600.49 บาท |
2559 |
350,000 บาท | 10,600.49 บาท |
2558 | 320,000 บาท |
10,600.49 บาท |
2551 |
170,000 บาท |
9,600.04 บาท |
จากอัตราเบี้ยประกันภัยที่เราลองนำตัวอย่างมาให้ดูกันนั้น จะเห็นได้เลยว่า เบี้ยประกันภัยนั้นจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไร สำหรับรถยนต์ ยี่ห้อ HONDA รุ่น CITY หรือรถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น VIOS แม้ว่าจะต่างยี่ห้อกันกันแต่เบี้ยประกันภัยก็ไม่ต่างกัน เพราะประกันภัยส่วนใหญ่จะดูจากขนาดของรถยนต์ นอกจากนี้แล้วสิ่งที่แตกต่างกันเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ทุนประกันภัย เพราะยิ่งรถยนต์ที่จดทะเบียนนานๆ ทุนประกันภัยก็จะลดลงไปตามสภาพของรถยนต์นั่นเอง
สำหรับความคุ้มครองสำหรับประกันภัยชั้น 1 อย่างประกันภัยรถยนต์คนกรุง จะให้ความคุ้มครองใน 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ความรับผิดชอบต่อรถยนต์ ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก และความรับผิดชอบส่วนอื่นๆ ทั้งนี้ ในการทำประกันภัยชั้น 1 นี้ สามารถทำได้ทั้ง รถเก๋ง,กระบะ 4 ประตูจดเก๋ง หรือรถกระบะมีแค็ปที่จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคล โดยรถยนต์ทั้ง 2 กลุ่มนี้จะได้วงเงินคุ้มครองที่ไม่เท่ากัน มาดูรายละเอียดกันค่ะ
- ความรับผิดชอบต่อรถยนต์ โดยในส่วนนี้จะคุ้มครองในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ และยังให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถยนต์สูญหายหรือเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ ซึ่งจะให้ความคุ้มครองเท่ากับทุนประกันภัยที่เลือกตั้งแต่ 100,000 – 1,000,000 บาท
- ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก จะเป็นแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
- กรณีที่บุคคลอื่นได้รับบาดเจ็บหรือได้รับความเสียหายต่อร่างกาย โดยประกันจะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ตามที่เสียจริง แต่ก็จะไม่เกินวงเงินรวมกันสูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาท แต่ถ้าคิดเป็นรายบุคคลก็จะให้ความคุ้มครองตามประเภทของรถยนต์ ถ้าเป็น รถเก๋ง,กระบะ 4 ประตู ก็จะคุ้มครองอยู่ที่คนละไม่เกิน 1,000,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถกระบะมีแค็ปที่จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคล จะคุ้มครองอยู่ที่คนละไม่เกิน 300,000 บาท
- กรณีที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย ประกันก็จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ กรณีที่เป็น รถเก๋ง,กระบะ 4 ประตู ก็จะคุ้มครองอยู่ที่คนละไม่เกิน 1,000,000 บาท และรถกระบะมีแค็ปที่จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคล จะคุ้มครองอยู่ที่คนละไม่เกิน 600,000 บาท
- ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย จะเป็นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- คุ้มครองหากเสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจะคุ้มครองชีวิตได้ไม่เกิน 6 คน ซึ่งจะรวมทั้งคนขับและคนที่ร่วมเดินทางด้วย จะให้วงเงินคุ้มครองคนละไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถกระบะมีแค็ปที่จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคล จะคุ้มครองอยู่ที่คนละไม่เกิน 50,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินรักษาพยาบาลอยู่ที่ไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถกระบะมีแค็ปที่จดทะเบียนเป็นชื่อบุคคล จะคุ้มครองอยู่ที่คนละไม่เกิน 50,000 บาท
- คุ้มครองในกรณีที่จะต้องใช้หลักทรัพย์เพื่อประกันตัวให้กับคุณที่เป็นขับขี่เพื่อต่อสู้ในคดีอาญา โดยประกันจะมีวงเงินประกันให้อยู่ที่ 100,000 บาท
เงื่อนไขในการทำประกันภัยรถยนต์คนกรุง
- รถยนต์จะต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 12 ปี
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์ จาก สินมั่นคง ประกันภัย
สำหรับใครที่เพิ่งซื้อรถยนต์ใหม่ หรือรถยนต์ใช้งานยังไม่เกิน 4 ปี มองหาประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถกับศูนย์บริการ แนะนำให้เลือกซื้อเป็นประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์ จาก สินมั่นคง ประกันภัย ที่ให้คุณจ่ายเบี้ยประกันภัยไม่แพงเลย แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุสามารถนำรถยนต์ไปเข้าซ่อมที่ศูนย์ซ่อมรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆได้ นอกจากนี้แล้วก็ยังคงให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมทุกกรณีไม่ต่างจากประกันภัยรถยนต์คนกรุง จากสินมั่นคง เช่นเดียวกัน
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์ จาก สินมั่นคง ประกันภัย
- รถยนต์ซ่อมได้ที่ซ่อมศูนย์ของยี่ห้อนั้นๆ
- จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่แพง คุ้มครองทุกกรณี
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์
- เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นอยู่ที่ 15,800 บาท ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ ปีที่จดทะเบียนด้วย นอกจากนี้แล้วยังสามารถขอซื้อความคุ้มครองเสริมได้อีก ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและจะต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรกต่อตัวรถยนต์ จ่ายเพิ่มไม่เกิน 2,000 บาท
ทั้งนี้ จากเบี้ยประกันภัยและความคุ้มครองแล้ว หากใครที่ยังนึกภาพไม่ออกว่า จะต้องจ่ายเบี้ยประกันเท่าไร แล้วมีความคุ้มครองอะไรยังไงวงเงินเท่าไรบ้างนั้น เรามีตัวอย่างมาฝากกันค่ะ
กรณีที่เป็นรถยนต์ยี่ห้อ HONDA รุ่น CITY ปีที่จดทะเบียน 2563 จะจ่ายเบี้ยประกันภัยตามทุนประกันภัย ดังนี้
ทุนประกันภัย |
เบี้ยประกันภัย |
470,000 บาท |
17,753.44 บาท |
500,000 บาท |
18,547.38 บาท |
530,000 บาท |
19,078.10 บาท |
560,000 บาท |
19,605.61 บาท |
590,000 บาท |
20,135.26 บาท |
คุณสามารถเลือกได้เองเลยว่าจะอยากได้ทุนประกันภัยเท่าไร งั้นเราลองมาดูกันสิว่าความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์ จะมีอะไรบ้าง
- คุ้มครองกรณีที่ชีวิตได้รับความเสียหาย ด้วยวงเงินไม่เกินคนละ 1,000,000 บาท หรือสูงสุดไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะคุ้มครองให้ไม่เกินคนละ 200,000 บาท และคุ้มครองไม่เกิน 6 คน
- คุ้มครองในกรณีที่ทรัพย์สินเสียหาย ด้วยวงเงินสูงสุดไม่เกิน 6,000,000 บาท
- คุ้มครองกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือรถยนต์สูญหาย หรือได้รับความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ วงเงินคุ้มครองก็จะเท่ากับทุนประกันภัยที่เลือกซื้อไว้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท
- คุ้มครองกรณีที่จะต้องมีการขอประกันภัยตัวเพื่อต่อสู้คดีนั้น ประกันจะมีวงเงินเพื่อใช้ในการประกันตัวให้ไม่เกิน 200,000 บาท
ทั้งนี้ จากเบี้ยประกันภัยและทุนประกันภัยที่เราได้บอกนั้น เป็นแต่เพียงของรถยนต์ยี่ห้อ HONDA รุ่น CITY ปีที่จดทะเบียน 2563 เท่านั้น หากรถยนต์ของคุณเป็นยี่ห้ออื่นๆ หรือจดทะเบียนในปีอื่นๆ นั้นก็จะต้องลองมาคำนวณใหม่และด้วยว่าจะสามารถเลือกทุนประกันภัยได้เท่าไร เนื่องจากทุนประกันจะคำนวณอยู่ที่ 80% จากราคารถที่ซื้อขายรถยนต์ของยี่ห้อและรุ่นนั้นๆ
เงื่อนไขในการทำประกันภัยรถยนต์ซ่อมศูนย์
- รถยนต์จะต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 4 ปี
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จากทิพยประกันภัย
สำหรับใครไม่ต้องการความยุ่งยากเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วต้องมาดูเงื่อนไขในการคุ้มครองของประกันภัย ประกอบกับอยากจะได้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมทุกกรณี เราขอแนะนำให้เลือกซื้อเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เลยค่ะที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างดี และประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่เราอยากแนะนำก็คือ ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จากทิพยประกันภัย ที่คุ้มครองทุกกรณีที่เกิดเหตุจริงๆ รถหาย รถไฟไหม้ ก็หมดกังวลได้เลย เพราะประกันภัยนี้คุ้มครอง นอกจากนี้แล้ว ทิพยประกันภัยเขารับรถยนต์ที่หลาหลายไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถกระบะ รถปิกอัพ รถบรรทุก หรือรถโดยสารที่ไม่เกิน 15 ที่นั่งอีกด้วย
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จากทิพยประกันภัย
- รถยนต์ทุกประเภทก็ทำประกันภัยชั้น 1 ได้
- จ่ายเบี้ยประกันภัยต่ำ คุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 5 ล้านบาท
- ผ่อนจ่ายเบี้ยประกันภัยด้วยดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
- สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของทิพยประกันภัยนี้จะให้จ่ายเริ่มต้นเพียงแค่ 9,999 บาทขึ้นไป และยังสามารถขอผ่อนจ่ายรายเดือนได้อีกด้วย โดยที่ไม่เสียดอกเบี้ย
ขอยกตัวอย่าง อัตราเบี้ยประกันภัย สำหรับรถยนต์ยี่ห้อ HONDA รุ่น CITY หรือ TOYOTA รุ่น VIOS จ่ายเบี้ยประกันภัย 11,199.69 บาท เท่ากันไม่ว่ารถยนต์จะจดทะเบียนปีไหนก็ตามแต่ต้องไม่เกิน 10 ปีตามที่กำหนด แม้ว่าจะจ่ายเบี้ยประกันภัยเท่ากันแต่ทุนประกันภัยที่คุ้มครองนั้นก็จะได้ไม่เท่ากันนั้นก็จะต้องขึ้นอยู่สภาพของรถยนต์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ปีที่จดทะเบียน |
ทุนประกันภัย |
2562 |
490,000 บาท |
2561 – 2560 |
480,000 บาท |
2559 |
470,000 บาท |
2558 |
390,000 บาท |
2553 |
230,000 บาท |
ความคุ้มครองที่จะได้รับของประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จะแบ่งตามประเภทของรถยนต์ในการทำประกันภัยรถยนต์ แต่จะให้สิทธิประโยชน์ความคุ้มครองที่เหมือนกัน ต่างกันก็แค่เพียงวงเงินคุ้มครองที่ไม่เท่ากัน ส่วนจะต่างกันอย่างไรและต่างกันเท่าไรนั้น มาดูรายละเอียดพร้อมๆกันเลย
- คุ้มครองชีวิตในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- รถยนต์ทุกประเภท จะได้รับวงเงินคุ้มครองที่เท่ากันคือไม่เกินคนละ 80,000 บาท
- คุ้มครองชีวิตในกรณีที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- รถยนต์ทุกประเภท จะได้รับวงเงินคุ้มครองที่เท่ากันคือไม่เกินคนละ 300,000 บาท ซึ่งวงเงินรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 5,000,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถโดยสารไม่เกิน 15 ที่นั่ง จะมีวงเงินคุ้มครองรวมสูงสุด 10,000,000 บาท
- คุ้มครองชีวิตของคู่กรณี
- สำหรับรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล จะให้วงเงินคุ้มครองไม่เกินคนละ 1,000,000 บาท แต่วงเงินรวมแล้วจะต้องไม่เกิน 10,000,000 บาท
- สำหรับรถกระบะ หรือรถบรรทุก หรือปิกอัพ ไม่เกิน 3 ตัน หรือรถโดยสารไม่เกิน 15 ที่นั่ง จะให้วงเงินคุ้มครองไม่เกินคนละ 500,000 บาท แต่วงเงินรวมแล้วจะต้องไม่เกิน 10,000,000 บาท
- คุ้มครองทรัพย์สินของคู่กรณีหากได้รับความเสียหาย
- สำหรับรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคล จะมีวงเงินคุ้มครองให้ไม่เกิน 2,500,000 บาท
- สำหรับรถกระบะ หรือรถบรรทุก หรือปิกอัพ ไม่เกิน 3 ตัน หรือรถโดยสารไม่เกิน 15 ที่นั่ง จะมีวงเงินคุ้มครองให้ไม่เกิน 1,000,000 บาท
- คุ้มครองกรณีที่เกิดความเสียหายต่อตัวรถยนต์หรือถ้ารถยนต์สูญหายและไฟไหม้ ประกันจะจ่ายให้ตามที่เสียหายจริงหรือไม่เกินทุนประกันภัย
นอกจากนี้แล้วยังสามารถซื้อประกันเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุส่วนบุคคล ซึ่งจะให้วงเงินไม่เกิน 100,000 บาท หรือการทำประกันภัยค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้ไม่เกิน 50,000 บาท และการประกันผู้ขับขี่ ด้วยวงเงินไม่เกิน 200,000 บาท
เงื่อนไขในการทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
- รถยนต์จะต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า จากกรุงเทพประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือที่หลายคนมักจะเรียกกันว่าประกันชั้น 1 สำหรับคนที่เลือกทำประกันภัยชั้น 1 ก็เป็นกลุ่มคนที่ซื้อรถใหม่ป้ายแดง หรือรถยนต์มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี แต่ต้องการความคุ้มครองแบบครบถ้วนครอบคลุมทั้งรถยนต์ของเราและของคู่กรณี ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายผิดหรือเป็นฝ่ายถูก ซึ่งจะคุ้มครองทุกอุบัติเหตุ ทั้งรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ทำให้คุณอุ่นใจได้ในทุกการเดินทาง และที่สำคัญประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง คุ้มค่า นั้นให้คุณจ่ายเบี้ยประกันภัยไม่แพงถ้าเทียบกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของทิพยประกันภัยแล้ว ก็ถือว่าจ่ายเบี้ยน้อยกว่า แต่รับความคุ้มครองที่เหมือนกันเลย เรามาดูรายละเอียดกันต่อเลยค่ะ
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า จากกรุงเทพประกันภัย
- คุ้มครองในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยก่อการร้าย
- คุ้มครองทุกอุบัติเหตุ ครอบคลุมในกรณีที่รถหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม
- เกิดเหตุฉุกเฉินสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศ
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า
- อัตราเบี้ยประกันภัยนี้จะแตกต่างกันการคิดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ของบริษัทอื่นๆ โดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 9,000 บาท และอัตราเบี้ยประกันภัยก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ ขนาดของรถยนต์ และอายุในการใช้งานของรถยนต์ ยิ่งรถใหม่เท่าไร เบี้ยประกันภัยก็จะสูง แต่ก็มาพร้อมกับทุนประกันภัยที่สูงตามไปด้วย เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่าค่ะ
สำหรับกลุ่มรถยนต์ เช่น Honda Accord, CRV, Toyota Camry, Wish, Nissan Teana, Isuzu Mu7 เป็นต้น จะจ่ายเบี้ยประกันภัยตามปีที่จดทะเบียนของรถยนต์ ดังนี้
- รถยนต์อายุการใช้งาน 2 ปี ทุนประกันภัย 1,000,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 18,600 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 3 ปี ทุนประกันภัย 900,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 17,200 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 4 ปี ทุนประกันภัย 800,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 16,000 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 5-6 ปี ทุนประกันภัย 700,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 14,000 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 7 ปี ทุนประกันภัย 600,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 12,800 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 8-9 ปี ทุนประกันภัย 500,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 11,900 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 10 ปี ทุนประกันภัย 400,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 10,000 บาท
สำหรับกลุ่มรถยนต์ เช่น Honda Civic, Toyota Altis, Innova, Fortuner, Ford Escape, Mazda 3 เป็นต้น จะจ่ายเบี้ยประกันภัยตามปีที่จดทะเบียนของรถยนต์ ดังนี้
- รถยนต์อายุการใช้งาน 2 ปี ทุนประกันภัย 700,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 14,000 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 3 ปี ทุนประกันภัย 600,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 12,800 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 4-5 ปี ทุนประกันภัย 500,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 11,900 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 6-8 ปี ทุนประกันภัย 400,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 10,000 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 9-10 ปี ทุนประกันภัย 300,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 9,600 บาท
สำหรับกลุ่มรถยนต์ เช่น Honda City, Jazz, Toyota Avanza, Vios, Vigo, Nissan Tiida, Navara, Mitsubishi Triton, Isuzu D Max, Ford Ranger เป็นต้น จะจ่ายเบี้ยประกันภัยตามปีที่จดทะเบียนของรถยนต์ ดังนี้
- รถยนต์อายุการใช้งาน 2-4 ปี ทุนประกันภัย 400,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 10,000 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 5-7 ปี ทุนประกันภัย 300,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 9,600 บาท
- รถยนต์อายุการใช้งาน 8-10 ปี ทุนประกันภัย 200,000 บาท จ่ายเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 9,000 บาท
จากเบี้ยประกันภัยที่เราได้บอกไปนั้นจะเห็นได้เลยว่ารถยนต์ที่มีขนาดเล็ก เบี้ยประกันภัยก็จะยิ่งถูก และอีกอย่างในการคิดทุนประกันภัยนั้น ก็จะคำนวณจากราคาซื้อขายของรถยนต์ ณ ปัจจุบัน ซึ่งจะแตกต่างกันการคำนวณเบี้ยประกันภัยในการทำประกันชีวิต ที่เราสามารถเลือกทุนประกันภัยในการคุ้มครองได้เอง
คราวนี้เรามาต่อกันมาในส่วนของความคุ้มครองที่จะได้รับจากการทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า กันบ้างจะเหมือนหรือต่างกับประกันภัยชั้น 1 บริษัทอื่นๆหรือไม่นั้น ซึ่งแน่นอนว่าความคุ้มครองหลักๆ ก็จะมีแค่ 2 ส่วน คือ คุ้มครองรถยนต์ กับคุ้มครองชีวิต มีรายละเอียดดังนี้
- คุ้มครองรถยนต์
- หากรถยนต์ได้รับความเสียหายอุบัติเหตุ หรือสูญหาย หรือเสียหายจากไฟไหม้ หรือเกิดจากภัยก่อการร้าย วงเงินคุ้มครองขึ้นอยู่กับทุนประกันภัยสูงสุดจะอยู่ที่ 1,000,000 บาท
- คุ้มครองชีวิตทั้งคุณและคู่กรณี
- หากได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากอุบัติเหตุ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จะมีวงเงินคุ้มครองให้คนละไม่เกิน 1,000,000 บาท แต่เมื่อรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วจะให้ไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง
- หากทรัพย์สินต่างๆได้รับความเสียหาย ประกันจะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้สูงสุดไม่เกิน 2,500,000 บาท
- คุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุส่วนบุคคลให้ทั้งคนขับขี่และผู้โดยสาร ไม่เกิน 4 คน ด้วยวงเงินคุ้มครองคนละไม่เกิน 100,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุให้ไม่เกินคนละ 100,000 บาท
- กรณีที่จะต้องมีการประกันตัวผู้ขับขี่ ประกันจะมีวงเงินคุ้มครองไม่เกิน 300,000 บาทต่อครั้ง
เงื่อนไขในการทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครอง-คุ้มค่า
- รถเก๋งหรือรถกระบะ ไม่เกิน 7 ที่นั่ง และอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี
Credit : https://www.canva.com
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 Used Car Special จากกรุงเทพประกันภัย
ใครว่าการมีรถยนต์เก่าๆที่ใช้มานานเกิน 8 ปีขึ้นไปแล้วจะไม่สามารถทำประกันภัยชั้น 1 เพื่อคุ้มครองทุกกรณีเลือกทำประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 Used Car Special เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของกรุงเทพประกันภัยที่เราอยากจะแนะนำสำหรับใครที่มีรถยนต์ไม่เกิน 12 ปี แล้วไม่ต้องคอยมานั่งกังวลเรื่องของความคุ้มครอง ก็สมัครนี้ได้เลย เพราะไม่ว่าคุณจะขับรถไปชนรถด้วยกัน หรือชนสิ่งของที่ไม่คู่กรณี ก็หายห่วงได้เลย ประกันยังคงคุ้มครองจ่ายเงินค่าซ่อมให้กับรถยนต์ของคุณ รวมถึงกรณีที่รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ก็คุ้มครองเช่นเดียวกันค่ะ และเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณเพิ่มขึ้นด้วยการเลือกซ่อมรถยนต์ได้เองกับที่ศูนย์ซ่อมมาตรฐานกรุงเทพประกันภัย และมีบริการคอยให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 Used Car Special จากกรุงเทพประกันภัย
- รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานกว่า 10 ปี ก็สมัครได้
- สุดคุ้มครองกับทุนประกันภัยด้วยความคุ้มครองสูงถึง 5 แสนบาท
- คุ้มครองครอบคลุมทุกอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรถชน รถหาย ไฟไหม้
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 Used Car Special
- สำหรับการคิดเบี้ยประกันภัยนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ที่ทำประกันภัย ซึ่งในที่นี่จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- รถยนต์ประเภท Honda Civic , Honda CR-V , Mitsubishi Lancer , Nissan Cefiro ,Toyota Collora Altis เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 17,200 บาท
- รถยนต์ประเภท Honda City , Honda Jazz , Nissan Sunny , Nissan Tiida ,Toyota Soluna Vios , Toyota Yaris เบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 16,100 บาท
ความคุ้มครองได้รับจากการทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 Used Car Special
- คุ้มครองรถยนต์ของผู้ทำประกันภัย
- ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างรถชนรถ หรือเป็นการชนคนหรือสิ่งก็ตาม ประกันจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับรถยนต์ของคุณ ตามทุนประกันภัยที่เลือกทำไว้ซึ่งสูงสุดจะอยู่ที่ 500,000 บาท
- กรณีที่รถยนต์หาย หรือได้รับความเสียหายจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ หรือเกิดจากภัยก่อการร้าย หรือรถยนต์เสียหายจากภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมนั้น ประกันจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับรถยนต์ของคุณ ตามทุนประกันภัยที่เลือกทำไว้ซึ่งสูงสุดจะอยู่ที่ 500,000 บาท
- คุ้มครองชีวิตผู้ที่ทำประกันภัยและผู้โดยสารภายในรถยนต์
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วทำให้คุณหรือคนภายในรถยนต์ แต่จะไม่ต้องเกิน 6 คน ได้รับบาดเจ็บ ประกันจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ไม่เกินคนละ 100,000 บาท หรือว่าถ้าร้ายแรงจนทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะส่วนใดของร่างกาย หรือกลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตนั้น ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ด้วยวงเงินไม่เกินคนละ 100,000 บาท
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุโดยที่คุณเป็นผู้ขับขี่และทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายต่อชีวิตหรือร่างกายนั้น หากถูกดำเนินคดีทางอาญา ประกันจะมีวงเงินเพื่อใช้ในการยื่นขอประกันตัวด้วยวงเงินไม่เกิน 250,000 บาทต่อครั้ง
- คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากคุณ
- กรณีที่บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายต่อชีวิตหรือร่างกายนั้น ประกันจะจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้ไม่เกินคนละ 1,000,000 บาท โดยรวมเสียหายที่เกิดขึ้นต่ออุบัติเหตุในแต่ละครั้งนั้นจะต้องไม่เกิน 10,000,000 บาท
- กรณีที่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยมีคุณเป็นต้นเหตุนั้น ประกันจะจ่ายเงินชดเชยความเสียหายให้กับคู่กรณีเองด้วยวงเงินไม่เกิน 2,500,000 บาท
เงื่อนไขในการทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 Used Car Special
- รถยนต์จะต้องจดทะเบียนส่วนบุคคลและมีอายุการใช้ระหว่างตั้งแต่ 7 – 12 ปี
Credit : https://pixabay.com
ประกันรถยนต์ชั้น 1 จากเมืองไทยประกันภัย
รถชน รถหาย รถเสียหายจากไฟไหมหรือน้ำท่วม หรือรถเสียหายจากอุบัติเหตุ ทำให้ทั้งคุณและรถยนต์ได้รับความเสียหาย รวมถึงบุคคลอื่นๆด้วย เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกคนที่มีรถยนต์ เพราะอุบัติเหตุไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ถ้ามีประกันภัยรถยนต์ไว้ก็จะทำให้อุ่นใจมากขึ้น เพราะค่าซ่อมรถยนต์ในแต่ละครั้งก็ใช้เงินไม่น้อยเลย ถ้าเป็นรถของเราก็ไม่เท่าไร เพราะถ้ายังไม่มีเงินก็อาจจะยังไม่ต้องซ่อม แต่ถ้าเป็นรถยนต์ของคู่กรณีที่เราจะต้องซ่อมให้เขาล่ะ ก็จะต้องใช้เงิน ฉะนั้นเพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับทุกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้น เลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 กับเมืองไทยประกันภัย เพราะจะต้องได้รับความคุ้มครอง ครอบคลุม ครบครัน เลยค่ะ
จุดเด่นของประกันรถยนต์ชั้น 1 จากเมืองไทยประกันภัย
- คุ้มครองทั้งรถเก๋งและรถกระบะ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 100,000 บาท
- คุ้มครองหลักทรัพย์ในการประกันตัวด้วยวงเงิน 300,000 บาทต่อครั้ง
สิทธิประโยชน์และความคุ้มครองในการทำประกันรถยนต์ชั้น 1
- กรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพจากเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายให้ไม่เกินคนละ 1,000,000 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 10,000,000 บาทต่ออุบัติเหตุ
- กรณีที่ทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายสินไหมทดแทนให้ไม่เกิน 5,000,000 บาท
- หากรถยนต์ของคุณเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือสูญหาย หรือไฟไหม้ หรือภัยก่อการร้าย ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามทุนประกันภัย
- มีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลคุ้มครองให้คุณและคนที่ร่วมเดินทาง พร้อมกับค่ารักษาพยาบาลให้ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ ด้วยวงเงินไม่เกินละ 100,000 บาท
- วงเงินและหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการประกันตัวผู้ขับขี่ ด้วยวงเงินไม่เกิน 300,000 บาท
เงื่อนไขในการทำประกันรถยนต์ชั้น 1
- เฉพาะรถเก๋งหรือรถกระบะ 4 ประตู หรือรถกระบะ 2 ประตู โดยที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 10 ปี
ประกันภัยรถยนต์กรมธรรม์ประเภท 1 จาก วิริยะ ประกันภัย
ถ้าจะพูดถึงเรื่องประกันภัยรถยนต์แล้วถ้าไม่พูดถึง วิริยะประกันภัย เห็นทีว่าไม่ได้แล้ว เพราะบริษัทประกันภัย วิริยะประกันภัยนั้นถือว่าเป็นอันดับต้นๆที่หลายคนมักจะเลือกซื้อทำประกันภัยรถยนต์กับวิริยะ ฉะนั้นวันนี้เราเลยนำประกันภัยรถยนต์กรมธรรม์ประเภท 1 มาฝากกันซึ่งเหมาะสำหรับใครที่ใช้รถยนต์อยู่เป็นประจำและในบางครั้งอาจจะไม่ได้ขับเอง เลือกทำประกันภัยชั้น 1 ที่เน้นความคุ้มครองแบบไม่มีเงื่อนไข คุ้มครองทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่รถชนรถ หรือรถชนคน หรือรถชนสิ่งของต่างๆ รวมถึงกรณีที่หาย ยิ่งถ้าเป็นรถใหม่ด้วยแล้ว ความเสี่ยงเรื่องรถหายก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยเลยค่ะ
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์กรมธรรม์ประเภท 1 จาก วิริยะ ประกันภัย
- คุ้มครองทั้งคนและรถยนต์ของผู้ทำประกันและคู่กรณี
- คุ้มครองถึงทรัพย์สินของคู่กรณีหากได้รับความเสียหาย
- คุ้มครองกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินไฟไหม้จนทำให้รถยนต์เสียหาย
- วงเงินทุนประกันภัยที่คุ้มครองจะไม่เกิน 80% ของราคารถยนต์
สิทธิประโยชน์และความคุ้มครองในการทำประกันภัยรถยนต์กรมธรรม์ประเภท 1
- ความคุ้มครองที่ได้รับนั้นก็จะแตกต่างจากบริษัทประกันภัยชั้น 1 ของบริษัทอื่นๆเท่านั้น โดยจะให้ความคุ้มครองต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย หรือทรัพย์สิน ทั้งของผู้ทำประกันภัยและบุคคลภายนอก รวมถึงกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายทั้งจากอุบัติเหตุ หรือไฟไหม้ทำให้เสียหายทั้งคัน และถ้ารถยนต์สูญหายประกันก็จะจ่ายวงเงินคุ้มครองให้ตามทุนประกันภัยเลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จาก ไทยวิวัฒน์ ประกันภัย
อุ่นใจได้ทุกการเดินทางบนท้องถนน ด้วยการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จาก ไทยวิวัฒน์ ประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็ม ทุกกรณี คุ้มครองทั้งชีวิต ความรับผิดต่อบุคคลภายนอกหรือคู่กรณี รวมถึงตัวคุณเองด้วย คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป นอกจากนี้แล้วยังมีบริการคอยให้ความช่วยเหลือหากรถเสียไม่ว่าอยู่ที่ไหนของประเทศไทยก็ตาม สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งเหตุผ่านผ่าน Application THAIVIVAT ก็จะทำให้ทราบได้เลยว่าคุณอยู่ที่ไหนของประเทศ และไทยวิวัฒน์ประกันภัยยังมีอู่ซ่อมที่มีมาตรฐานคอยให้บริการคุณกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศได้เลย
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 จาก ไทยวิวัฒน์ ประกันภัย
- มาเร็ว เคลมเร็ว ถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที
- มีอู่ซ่อมรถยนต์ครอบคลุมทุกพื้นที่กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ
- หากรถเสีย โทรขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ
เบี้ยประกันภัยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1
- การคิดเบี้ยประกันภัยนั้นจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ รุ่นรถยนต์ และปีที่จดทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเราได้ลองเลือกรถยนต์ที่นิยมกันในตลาด มาฝากกันค่ะ
กรณีที่เป็นเก๋ง ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น VIOS โดยจดทะเบียนรถยนต์ในปี 2563 หรือ รถยนต์ยี่ห้อ HONDA และรถยนต์ยี่ห้อ MAZDA ที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี ซึ่งจะให้เลือกว่าจะซ่อมอู่ในเครือของไทยวิวัฒน์ หรือเลือกซ่อมได้ทั้งอู่ในเครือของไทยวิวัฒน์และศูนย์ของโตโยต้า ซึ่งในแต่ละแผนจะทุนประกันภัยที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกทุนประกันภัยเท่าไร ยิ่งทุนประกันภัยสูง เบี้ยก็ย่อมสูงตาม รายละเอียดดังนี้
กรณีที่เลือกซ่อมกับอู่ในเครือของไทยวิวัฒน์ จะมีทุนประกันภัยให้เลือกด้วยกัน 3 ทุนประกันภัย ดังนี้
- เลือกทุนประกันภัย 400,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ปีละ 8,39 บาท
- เลือกทุนประกันภัย 500,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ปีละ 8,75 บาท
- เลือกทุนประกันภัย 600,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ปีละ 9,04 บาท
กรณีที่เลือกซ่อมกับศูนย์ของโตโยต้า หรืออู่ในเครือของไทยวิวัฒน์ จะมีทุนประกันภัยให้เลือกด้วยกัน 3 ทุนประกันภัย ดังนี้
- เลือกทุนประกันภัย 400,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ปีละ 10,22 บาท
- เลือกทุนประกันภัย 500,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ปีละ 10,58 บาท
- เลือกทุนประกันภัย 600,000 บาท เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ปีละ 11,94 บาท
ทั้งนี้หากเป็นรถยนต์ยี่ห้อ NISSAN รุ่น NISSAN ALMERA โดยจดทะเบียนรถยนต์ในปี 2563 เบี้ยประกันภัยจะถูกกว่า TOYOTA, HONDA,MAZDA ที่มีเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซีเท่ากัน อาจจะเกิดจากราคาของรถยนต์ไม่เท่ากันนั่นเอง เลยทำให้ทุนประกันภัยที่มีเลือกก็ไม่เท่ากันด้วย
ในส่วนของความคุ้มครองที่ได้รับในการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าการทำประกันภัยชั้น 1 นั้นจะได้รับความคุ้มครองที่สูงกว่าประกันภัยรถยนต์ประเภทอื่นๆ ซึ่งความคุ้มครองที่ได้รับนั้นก็จะมีลักษณพคล้ายๆใกล้เคียงกับบริษัทประกันภัยอื่นๆ มีรายละเอียดดังนี้
กรณีที่คุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายบุคคลภายนอก
- จะคุ้มครองชีวิตให้คนละไม่เกิน 1,000,000 บาท และเมื่อรวมแล้วจะไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง แต่ถ้าเป็นรถตู้จะคุ้มครองชีวิตไม่เกินคนละ 500,000 บาท
- คุ้มครองทรัพย์สินในกรณีที่ได้รับความเสียหาย สูงสุด 5,000,000 บาท และถ้าเป็นรถตู้จะคุ้มครองทรัพยสินไม่เกิน 2,500,000 บาท
- คุ้มครองรถยนต์กรณีที่เสียหายหรือสูญหาย หรือไฟไหม้รถยนต์ จะคุ้มครองตามทุนประกันภัย
- คุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุพร้อมค่ารักษาพยาบาลให้สูงสุดไม่เกิน 7 คน และคนละไม่เกิน 200,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถตู้ จะคุ้มครองคนได้มากกว่าถึง 12 คน และมีวงเงินในการรักษาพยาบาลอยู่เพียงแค่คนละไม่เกิน 100,000 บาท
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจนเป็นให้ต้องมีโทษอาญา จะมีวงเงินให้เพื่อใช้ในการประกันตัว ด้วยวงเงินสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
Credit : https://www.canva.com
ประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 จากธนาคารกสิกรไทย
หากเอ๋ยถึงการซื้อประกันภัยรถยนต์กับธนาคารแล้วหนึ่งในนั้นก็คงจะต้องพูดถึงธนาคารกสิกรไทย เนื่องจากธนาคารกสิกรไทยเป็นนายหน้าขายประกันภัยให้กับเมืองไทยประกันภัย ซึ่งก็เป็นเครือเดียวกันนั่นเอง หากใครที่สนใจอยากจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่สมัครง่ายนิดเดียว โดยที่ไม่ต้องไปตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย นอกจากนี้แล้วในระหว่างที่ไม่มีรถยนต์ใช้งานนั้น อยู่ระหว่างการซ่อม ประกันยังจ่ายค่าเดินทางให้กับคุณเพื่อเป็นการชดเชยค่าเดินทางให้อีกด้วย
จุดเด่นของประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1 จากธนาคารกสิกรไทย
- ไม่ตรวจสภาพรถก่อนทำประกันภัยชั้น 1
- คุ้มครองอุบัติเหตุทุกกรณี คุ้มครองแบบครอบคลุม
- รับเงินค่าเดินทาง 5,000 บาทต่อครั้ง ระหว่างรถเข้าซ่อม
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1
- เบี้ยประกันภัยจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดของธนาคาร ซึ่งจะต้องดูจากหลายปัจจัยในการคำนวณเบี้ยประกันภัยไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อ รุ่น ปีที่จดทะเบียน เป็นต้น
ความคุ้มครองที่ได้รับจากการทำประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1
กรณีที่คุ้มครองผู้ที่ทำประกันภัย
- หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้คุณและผู้โดยสารที่เดินทางไปด้วย ได้รับบาดเจ็บไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่างๆให้ด้วยวงเงินคนละ 100,000 บาท
- หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้คุณและผู้โดยสารที่เดินทางไปด้วยนั้น ทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะของร่างกายจนทำให้กลายเป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเสียชีวิตในที่สุดนั้น ประกันจะมอบเงินชดเชยให้ด้วยวงเงินไม่เกินคนละ 100,000 บาท
- คุ้มครองรถยนต์หากเสียหายจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม ประกันจะจ่ายค่าซ่อมให้ไม่เกินทุนประกันภัย แต่ถ้าในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดด้วยนั้น คุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก 5,000 บาทต่อครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองรถยนต์ในกรณีที่ สูญหาย ไฟไหม้ ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามทุนประกันภัย
- มีหลักทรัพย์เพื่อใช้ในการยื่นประกันตัวให้กับผู้ขับขี่กรณีที่มีคดีทางอาญาเนื่องจากการขับขี่ด้วยวงเงิน 200,000 บาท
- ในกรณีที่รถยนต์ของคุณอยู่ระหว่างการซ่อมนั้น ประกันจะมีเงินชดเชยค่าเดินทางให้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี และจะได้รับเงินครั้งละ 5,000 บาท
ทั้งนี้ การคุ้มครองคุณและคนที่เดินทางไปด้วยนั้น ประกันจะระบุจำนวนคนที่จะคุ้มครองตามประเภทของรถยนต์ที่ทำประกันภัย หากเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล จะคุ้มครองไม่เกิน 7 คน แต่ถ้าเป็นรถบรรทุกส่วนบุคคลเพื่อการพาณิชย์ จะคุ้มครองไม่เกิน 3 คน
กรณีที่คุ้มครองผู้คู่กรณี
- หากร่างกายหรือชีวิตนั้น ประกันจะคุ้มครองให้คนละไม่เกิน 1,000,000 บาท โดยที่วงเงินคุ้มครองต่อการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละครั้งนั้นจะต้องไม่เกิน 10,000,000 บาท
- หากทรัพย์สินต่างๆของคู่กรณีได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ตามประเภทรถยนต์ของผู้ที่ทำประกันภัย หากเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ประกันจะคุ้มครองทรัพย์สินของคู่กรณีอยู่ที่ 2,500,000 บาท แต่ถ้าเป็นรถรถบรรทุกส่วนบุคคลเพื่อการพาณิชย์ ประกันจะคุ้มครองทรัพย์สินของคู่กรณีอยู่ที่ 1,000,000 บาท
เงื่อนไขในการทำประกันภัยรถยนต์ ประเภท 1
- โดยรถยนต์ที่ทำประกันภัยนั้นจะต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี แต่จะแบ่งความคุ้มครองในกรณีที่คุณเจาะจงในการซ่อม เช่น หากเลือกซ่อมกับศูนย์บริการนั้น รถยนต์ของคุณจะต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี แต่ถ้ารถยนต์ของคุณเกิน 5 ปีขึ้นไปนั้นจะต้องเข้าซ่อมกับอู่ที่อยู่ในเครือเท่านั้น
Credit : https://pixabay.com
หากเปรียบเทียบ 10 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จากบริษัทประกันภัยที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ ก็อาจจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้คุณได้ลองเลือกกันว่าจะทำประกันภัยชั้น 1 ที่ไหนดี และเพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราได้ลองมานำเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆเลยว่า รถยนต์รุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน จดทะเบียนในปีเดียวกันนั้น ที่ไหนให้ความคุ้มครองคุ้มกว่ากัน และจ่ายเบี้ยถูกกว่า ซึ่งในที่นี่เรามาดูกันถ้าเป็นรถยนต์ HONDA รุ่น CITY จดทะเบียนในปี 2563 มาดูรายละเอียดกันค่ะ
บริษัทประกันภัย |
ทุนประกันภัย | เบี้ยประกันภัย |
สินมั่นคง ประกันภัย | 470,000 บาท
530,000 บาท |
10,600.49 บาท 12,500.81 บาท |
สินมั่นคง ประกันภัย |
470,000 บาท
500,000 บาท 530,000 บาท 560,000 บาท 590,000 บาท |
17,753.44 บาท 18,547.38 บาท 19,078.10 บาท 19,605.61 บาท 20,135.26 บาท |
ทิพยประกันภัย |
490,000 บาท | 11,199.69 บาท |
กรุงเทพประกันภัย | 500,000 บาท
400,000 บาท 300,000 บาท 200,000 บาท |
16,100 บาท 10,000 บาท 9,600 บาท 9,000 บาท |
ไทยวิวัฒน์ ประกันภัย |
400,000 บาท
500,000 บาท 600,000 บาท |
8,000.39 บาท 8,800.75 บาท 9,600.04 บาท |
จากตารางที่เราได้เปรียบเทียบนั้น จะเห็นได้เลยว่าประกันภัยชั้น 1 ของสินมั่นคงประกันภัยจะหลากหลายทุนประกันภัย สามารถเลือกได้เองเลย แต่ถ้าเทียบกับทุนประกันภัยที่ใกล้เคียงกันประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของไทยวิวัฒน์ประกันภัยจะถูกกว่าของบริษัทอื่นๆ และที่เราไม่ได้ใส่ของเมืองไทยประกันภัยกับวิริยะประกันภัยลงไปด้วย เนื่องจากอัตราเบี้ยประกันภัยนั้นจะต้องเข้าไปติดต่อสอบถามเอง เราจะเปรียบเฉพาะในส่วนที่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเราไม่ได้นำประกันภัยชั้น 1 ของธนาคารกสิกรไทยมาเปรียบเทียบด้วยนั้น เนื่องจากไม่สามารถระบุทุนประกันภัยและเบี้ยประกันภัยได้
สำหรับการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นสำหรับอใหม่หัดขับที่อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าคนอื่นๆ หรือใครก็ตามที่ใช้งานรถยนต์หนักใช้เป็นประจำ หรือใครก็ตามที่ต้องการความคุ้มครองครอบคลุมทุกความเสี่ยงภัย และไม่ต้องคอยนั่งกังวลใจหากเกิดอุบัติเหตุไปแล้วว่ากรณีนี้คุ้มครองไหม ประกันจะจ่ายไหม เพื่อตัดปัญหาเลือกทำประกันภัยชั้น 1 เลย คุ้มครองทุกกรณีอย่างครอบคลุมทั้งรถยนต์และคุณรวมถึงคู่กรณีหรือผู้ที่ร่วมเดินทางไปกับคุณด้วย และหากใครอยากจะหาข้อมูลที่เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์อื่นๆ ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจได้ที่เว็บไซต์ iMoney.in.th ได้เลย เราได้รวบรวมไว้ที่นี่แล้วทั้งประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 หรือประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 รวมถึงประกันภัยอื่นๆด้วยค่ะ