ประกันสุขภาพต่างด้าว – “คนต่างด้าว” หรือ “คนต่างชาติ” แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งหากพูดถึงหลักการแล้วก็ไม่แตกต่างกันเลย เพราะคนต่างด้าวหรือคนต่างชาติ ก็ล้วนแต่ไม่ใช่คนที่สัญชาติไทยทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นคำที่เราใช้เรียกเท่านั้น ส่วนใหญ่หากคนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา พม่า เราก็มักจะเรียกว่าคนต่างด้าว แต่ถ้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่นๆ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรืออเมริกา เรากลับเรียกว่าคนต่างชาติ ซึ่งการเหล่านี้อาจจะเป็นคำคุ้นชิน และปัจจุบันก็มีคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในบ้านเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเข้ามาแบบถูกกฎหมาย หรือจะลักลอบเข้ามาก็ตามมากมาย ในกรณีที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายนั้นเขาก็มีสิทธิต่างๆที่จะได้รับความคุ้มครองได้เช่นกันเดียวกับคนไทย อย่างบางคนมาทำงานแต่ยังไม่มีหลักประกันเรื่องสุขภาพเวลาเจ็บไข้ป่วยนั้นก็จะต้องใช้เงินในการรักษาที่สูงก็เหมือนกับคนไทยที่ไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาเลย ซึ่งวันนี้ iMoney มีบทความที่เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพต่างด้าวมาฝากกัน สำหรับคนต่างด้าวที่ต้องการทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่มาทำงานประเทศไทย รวมถึงใครที่มีลูกจ้างหรือเพื่อนที่เป็นคนต่างด้าว และอยากจะแนะนำในการทำประกันสุขภาพนั้นบอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดบทความนี้เลย เพราะเราได้รวบรวมประกันสุขภาพต่างด้าวมาถึง 6 ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจและน่าจะสนใจใครหลายๆคน จะมีอะไรบ้างนั้นมาติดตามอ่านกันเลยค่ะ
รวมสุดยอด 7 ประกันสุขภาพต่างด้าว ที่น่าสนใจและโดนใจ ประจำปี 2563
บริษัทประกันสุขภาพ |
ผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น | คุณสมบัติการสมัคร |
เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ | ประกันสุขภาพต่างด้าว แผนซันชายน์ | สมัครง่าย วงเงินค่ารักษาสูงถึง 1 ล้านบาท เป็นประกันคุ้มครองระยะสั้นๆ และมีเครือข่ายโรงพยาบาลทั่วประเทศ |
สมัครได้เฉพาะคนต่างด้าวที่มีอายุ 18 – 70 ปีเท่านั้น |
ทิสโก้ อินชัวรันส์ โซลูชั่น |
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme | อุ่นใจด้วยค่ารักษาทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยในด้วยวงเงินสูงหลักล้าน ไม่ต้องสำรองจ่าย และสมัครได้ทั้งแบบคนเดียวหรือครอบครัว | สมัครได้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย แต่จะต้องมีอายุระหว่าง 15 วัน – 60 ปี |
เมืองไทยประกันชีวิต | ประกันภัยสุขภาพ แบบ สมาร์ทเฮลท์ | หายห่วงเรื่องค่ารักษากับการเหมาจ่ายค่ารักษาให้สูงสุดถึง 2,500,000 บาท เสียชีวิตทุกกรณีก็รับเงินช่วยเหลือ และเลือกจ่ายเบี้ยได้ทั้งรายเดือนหรือรายปี |
เริ่มทำประกันได้ตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 70 ปี และต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 90 ปี |
ไทยวิวัฒน์ประกันภัย |
ประกันภัยสุขภาพสตาร์เฮลท์ | สมัครได้ทุกสัญชาติขอเพียงอยู่ที่ประเทศไทย ก็ให้ความคุ้มครองค่ารักษากรณีที่นอนโรงพยาบาลสูงสุด 8 ล้านบาท และหากมีประวัติดีไม่มีเคลมรับส่วนลดเบี้ยประกันสูงถึง 15% | ผู้สมัครจะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี และสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึง 70 ปี หรือตลอดชีวิต |
ไทยประกันสุขภาพ | ประกันสุขภาพ Simply Healthy | คุ้มครองค่ารักษาให้ทั้งในกรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินสูงสุดต่อโรค 1,200,000 บาท |
เริ่มสมัครทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน ถึงอายุ 65 ปี และสามารถต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 80 ปี |
แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ |
ประกันสุขภาพ PREMIER AND PREMIER PLUS
PLANS |
เลือกใช้บริการได้ทุกโรงพยาบาลทั้งในประเทศ และคุ้มครองกรณีฉุกเฉินได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง ให้ความคุ้มครองสูงสุด 3 ล้านบาท | สมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่แรกจนถึงอายุ 65 ปี และต่ออายุความคุ้มครองนี้ได้จนถึงอายุ 99 ปี |
วิริยะประกันภัย | ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล อุ่นใจรักษ์ | สมัครครั้งเดียวได้ทั้งประกันสุขภาพพ่วงมากับประกันอุบัติเหตุที่ให้วงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 1 ล้านบาท |
สมัครได้ทั้งคนไทยและต่างด้าว ที่มีอายุตั้งแต่ 10 – 60 ปี โดยต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 80 ปี |
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพต่างด้าว แผนซันชายน์ จากเอ็ทน่า ประกันสุขภาพ
บริษัท เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ เป็นบริษัทที่มีประกันสุขภาพโดยที่ไม่ต้องทำประกันชีวิตพ่วง ซึ่งเหมาะสำหรับคนต่าวด้างโดยเฉพาะที่ไม่มีเงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพให้ยุ่งยาก และแผนซันชายน์ เป็นประกันสุขภาพให้เฉพาะสำหรับคนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย และต้องการมองหาประกันสุขภาพในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งประกันสุขภาพนี้จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกค่าใช้จ่ายของค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1 ล้านบาทต่อปีเลย แถมยังมีโรงพยาบาลและคลินิกในเครือข่ายมากทั่วประเทศที่สะดวกสบายและทั่วถึงในการรักษาพยาบาลอีกด้วย
จุดเด่น
- ซื้อประกันสุขภาพโดยไม่ต้องพ่วงประกันชีวิต
- มีเครือข่ายโรงพยาบาลและคลินิกที่มากกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ
- คุ้มครองค่ารักษาทั้งกรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุด้วยวงเงินที่สูงถึง 1 ล้านบาท
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- ผลประโยชน์สูงสุดของค่ารักษาพยาบาลกรณีที่นอนโรงพยาบาล จะได้รับความคุ้มครองสูงสุดต่อปี 1,000,000 บาท
- เบิกค่าห้องผู้ป่วยปกติได้สูงสุดวันละไม่เกิน 8,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องไอ.ซี.ยู จะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 16,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั่วไปที่โรงพยาบาล โดยประกันจะจ่ายให้เต็มจำนวนที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ แต่จะต้องไม่เกินวงเงิน 1 ล้านบาทที่กำหนด
- คุ้มครองค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ผ่าตัด โดยประกันจะจ่ายให้เต็มจำนวนที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ แต่จะต้องไม่เกินวงเงิน 1 ล้านบาทที่กำหนด
- คุ้มครองชีวิตกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ จนทำให้ต้องสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต จะได้รับเงินสินไหมทดแทน 100,000 บาท
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- เฉพาะคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะต้องมีอายุตั้งแต่ 18 – 70 ปี
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- ประกันสุขภาพนี้จะให้ความคุ้มครองในระยะสั้นๆเพียง 6 เดือนเท่านั้น
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supreme จากทิสโก้ อินชัวรันส์ โซลูชั่น
ประกันสุขภาพนี้เปิดกว้างให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ที่มองหาหลักประกันสุขภาพด้านค่ารักษายามเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ซึ่งประกันสุขภาพเหมาจ่าย TISCO My Care Supremeก็เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ประกันสุขภาพอื่นๆเลย เนื่องจากมีวงเงินคุ้มครองค่ารักษาให้ในแต่ละครั้งของการรักษาค่อนข้างสูง และเมื่อรวมกับค่ารักษาต่อปีก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตอบโจทย์กับค่ารักษาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และความคุ้มครองนั้นก็ใช่ว่าจะคุ้มครองแต่ในประเทศเท่านั้น หากต้องเดินทางไปทำงานในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือไปเที่ยวที่ต่างประเทศ ก็ยังคงจะสามารถใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลนี้ได้อีกเช่นเดียวกัน
จุดเด่น
- คุ้มครองค่ารักษาให้แบบเหมาจ่าย
- ดูแลค่ารักษาให้ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
- คุ้มครองค่าห้องให้สูงสุดวันละ 10,000 บาท
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- คุ้มครองค่ารักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
- คุ้มครองค่ารักษาในการคลอดลูกให้เฉพาะบางแผนความคุ้มครอง
- คุ้มครองชีวิตกรณีที่สูญเสียอวัยวะของร่างกาย หรือทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการทำฟัน หรือในการรักษาทางสายตา ให้เฉพาะบางแผนความคุ้มครอง
จากความคุ้มครองที่เห็นนั้นเราได้สรุปแบบย่อๆเพื่อให้เข้าได้ง่ายขึ้นว่าในการสมัครทำประกันสุขภาพนี้จะได้รับความคุ้มครองอะไรบ้าง แต่จะสังเกตเห็นได้เลยว่ามีบางรายการที่คุ้มครองให้เฉพาะบางแผนเท่านั้น งั้นเรามาดูรายละเอียดวงเงินความคุ้มครองของแต่ละแผนกันเลยค่ะ
สำหรับ แผน Supreme Mini เบิกค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งได้ไม่เกิน 1,000,000 บาท และภายใน 1 ปีกรมธรรม์ที่คุ้มครองนั้นจะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 3,000,000 บาท โดยจะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยในได้ทุกการรักษา แต่จะไม่คุ้มครองค่ารักษาที่เกี่ยวกับการรักษาทางจิตเวช
- คุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยให้สูงสุดวันละ 5,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้อง ไอ.ซี.ยู จะได้สูงสุดวันละ 10,000 บาท
- คุ้มครองค่าพยาบาลพิเศษจะเบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาในการปลูกถ่ายไขกระดูก เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ การฟอกไต จะเบิกได้ไม่เกิน 1,000,000 บาท
- เบิกค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยนอกได้เฉพาะค่าหมอ ค่ายา หรือห้องปฏิบัติการอุปกรณ์ต่างๆที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ ซึ่งจะมีวงเงินค่ารักษาให้ไม่เกินครั้งละ 1,000 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี
- คุ้มครองชีวิตกรณีที่เกิดอุบัติเหตุให้วงเงินอยู่ที่ 200,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาในการทำฟัน หรือรักษาทางสายตา จะช่วยจ่ายให้ไม่เกิน 20,000 บาท
สำหรับ แผน Supreme 1 เบิกค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งได้ไม่เกิน 1,000,000 บาท และภายใน 1 ปีกรมธรรม์ที่คุ้มครองนั้นจะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 5,000,000 บาท โดยจะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยในได้ทุกการรักษาโดยเหมาจ่ายค่ารักษาให้ตามจริงแต่ไม่เกินครั้งละ 1 ล้านบาท
- เบิกค่าห้องผู้ป่วยให้สูงสุดวันละ 4,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้อง ไอ.ซี.ยู จะได้สูงสุดวันละ 8,000 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลการปลูกถ่ายไขกระดูก เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ การฟอกไต จะเบิกได้ไม่เกิน 1,000,000 บาท
- เบิกค่ารักษาสำหรับผู้ป่วยทางจิตเวช จะเบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท
- เหมาจ่ายค่ารักษากรณีที่ไม่นอนโรงพยาบาล จะให้เบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองชีวิตหากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ จะได้รับเงิน 200,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาในการทำฟัน หรือรักษาทางสายตา เบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท
สำหรับ แผน Supreme 2 เบิกค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งได้ไม่เกิน 2,000,000 บาท และภายใน 1 ปีกรมธรรม์ที่คุ้มครองนั้นจะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 10,000,000 บาท โดยจะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยในได้ทุกการรักษาโดยเหมาจ่ายค่ารักษาให้ตามจริงแต่ไม่เกินครั้งละ 2 ล้านบาท
- เบิกค่าห้องผู้ป่วยให้สูงสุดวันละ 6,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้อง ไอ.ซี.ยู จะได้สูงสุดวันละ 12,000 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลการปลูกถ่ายไขกระดูก เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ การฟอกไต จะเบิกได้ไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อปี
- เบิกค่ารักษาสำหรับผู้ป่วยทางจิตเวช จะเบิกได้ไม่เกิน 40,000 บาท
- เบิกค่ารักษาในการคลอดลูกได้ไม่เกิน 60,000 บาท แต่ถ้าเป็นค่ารักษากรณีที่แท้งลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 30,000 บาท และหากเป็นการผ่าท้องกรณีที่ตั้งครรภ์นอกมดลูก จะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 120,000 บาท
- เหมาจ่ายค่ารักษากรณีที่ไม่นอนโรงพยาบาล จะให้เบิกได้ไม่เกิน 40,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองชีวิตหากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ จะได้รับเงิน 200,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาในการทำฟัน หรือรักษาทางสายตา เบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท
สำหรับ แผน Supreme 3 เบิกค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งได้ไม่เกิน 6,000,000 บาท และภายใน 1 ปีกรมธรรม์ที่คุ้มครองนั้นจะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 24,000,000 บาท โดยจะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- เบิกค่ารักษาในฐานะผู้ป่วยในได้ทุกการรักษาโดยเหมาจ่ายค่ารักษาให้ตามจริงแต่ไม่เกินครั้งละ 6 ล้านบาท
- เบิกค่าห้องผู้ป่วยให้สูงสุดวันละ 10,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกได้ตามจริง
- เบิกค่ารักษาพยาบาลการปลูกถ่ายไขกระดูก เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ การฟอกไต จะเบิกได้ไม่เกิน 2,000,000 บาทต่อปี
- เบิกค่ารักษาสำหรับผู้ป่วยทางจิตเวช จะเบิกได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- เบิกค่ารักษาในการคลอดลูกได้ไม่เกิน 100,000 บาท แต่ถ้าเป็นค่ารักษากรณีที่แท้งลูก จะเบิกได้ไม่เกิน 50,000 บาท และหากเป็นการผ่าท้องกรณีที่ตั้งครรภ์นอกมดลูก จะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- เหมาจ่ายค่ารักษากรณีที่ไม่นอนโรงพยาบาล จะเหมาจ่ายให้ตามจริงที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ ไม่ว่าจะเป็นค่ายา ค่าหมอ หรือค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการรักษา
- หากเป็นการรักษาแพทย์ทางเลือก จะเบิกค่ารักษาได้สูงสุด 50,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองชีวิตหากเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากอุบัติเหตุ จะได้รับเงิน 200,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาในการทำฟัน หรือรักษาทางสายตา เบิกได้ไม่เกิน 20,000 บาท
ส่วนลดพิเศษของเบี้ยประกันสุขภาพ
- หากอยากทำประกันสุขภาพแค่ต้องการความคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยในเท่านั้น ไม่ต้องการคุ้มครองค่ารักษาผู้ป่วย จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพิ่มให้อีก 20% – 30% ของเบี้ยประกันภัย (ขึ้นอยู่แผน)
- กรณีที่ร่วมจ่ายค่ารักษาในส่วนแรกร่วมกัน (ซึ่งสำหรับคนที่สวัสดิการค่ารักษาอยู่แล้ว) โดยการร่วมจ่ายส่วนแรกนั้น จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพิ่มให้อีก 20% – 40% ของเบี้ยประกันภัย (ขึ้นอยู่แผนและวงเงินที่ร่วมจ่ายค่ารักษาส่วนแรก)
- กรณีที่สมัครทั้งครอบครัวตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพิ่มให้อีก 5% ของเบี้ยประกันภัย
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย แต่คนต่างชาตินั้นจะต้องมีใบอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้อง
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 15 วันขึ้นไปและไม่เกินอายุ 60 ปี ซึ่งสามารถต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 90 ปี
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยสุขภาพ แบบ สมาร์ทเฮลท์ จากเมืองไทยประกันชีวิต
ประกันภัยสุขภาพ แบบ สมาร์ทเฮลท์ ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต ที่ให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติสามารถสมัครทำประกันสุขภาพได้ ยิ่งคนต่างด้าวหรือต่างชาติมาอยู่ที่ประเทศไทยควรจะต้องมีประกันสุขภาพไว้เพื่อคุ้มครองค่ารักษายามที่เจ็บป่วย เพราะหากเจ็บป่วยและไปโรงพยาบาลในแต่ละครั้งก็จะต้องใช้เงินไม่น้อยเลย อย่างน้อยๆก็จะต้องมีเงินกระเป๋าไว้สักประมาณ 5,000 กว่าบาทได้ ครั้นจะมาใช้สิทธิบัตรทองเหมือนคนไทยก็เห็นทีจะไม่ได้ จึงทำให้คนต่างด้าวควรที่จะต้องมีประกันสุขภาพมาเพื่อช่วยเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาให้กับคุณ หรืออาจจะช่วยให้จ่ายค่ารักษาส่วนเกินที่น้อยกว่าการจ่ายค่ารักษาแบบเต็มๆ ซึ่งประกันสุขภาพนี้จะคุ้มครองทั้งกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล และที่สำคัญมีโรงพยาลและคลินิกอยู่ในเครือข่ายมากมายทั่วประเทศ
จุดเด่น
- เหมาจ่ายค่าห้องผู้ป่วยให้สูงถึงวันละ 10,000 บาท
- นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็เบิกค่ารักษาได้สูงสุด 5 ล้าน
- หากเสียชีวิตทุกกรณีก็ยังได้รับเงินช่วยเหลือให้ 10,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาแบบต่อเนื่องแม้ว่าออกจากโรงพยาบาลไปแล้วก็ตาม
- คุ้มครองค่ารักษาในกรณีที่ต้องล้างไต หรือทำเคมีบำบัด หรือฉายแสง
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- คุ้มครองค่ารักษาให้ในกรณีที่นอนโรงพยาบาล ซึ่งจะคุ้มครองค่ารักษาในแต่ละครั้งที่รักษา
- เบิกค่าห้อง รวมทั้งค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ต่อวันได้ไม่เกิน 2,000 – 10,000 บาท แต่ถ้าเป็นห้องผู้ป่วยหนัก จะเบิกเงินค่าห้องเพิ่มขึ้นไปเป็น 2 เท่า ทั้งนี้ในการเบิกจะต้องไม่เกิน 150 วัน
- เบิกค่ายากลับบ้าน ในกรณีที่ได้ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งมีวงเงินค่ายาในส่วนนี้ให้ไม่เกิน 1,500 – 3,500 บาท
- เบิกค่าแพทย์ในการตรวจเยี่ยมไข้ ในระหว่างที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งมีวงเงินค่าแพทย์ให้วันละไม่เกิน 1,200 – 6,000 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องจาก หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว แต่จะต้องกลับมารักษาตัวในฐานะผู้ป่วยนอกด้วยโรคเดิมที่เคยมารักษานั้น จะเบิกค่ารักษาในส่วนนี้ได้ไม่เกิน 1,000 – 5,000 บาท
- เหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่างๆให้ตามจริง เช่น ค่าบริการในการใช้รถพยาบาลฉุกเฉิน หรือค่าแพทย์ในการตรวจ หรือค่าผ่าตัดรวมทั้งอุปกรณ์หรือแพทย์ในการผ่าตัด และยังรวมถึงค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- หากได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง จึงจะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลนี้ได้ในแต่ละครั้งจะต้องไม่เกิน 10,000 – 30,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่มารักษาด้วยโรคไต หรือโรคมะเร็ง ที่มีค่าใช้จ่ายสูง
- กรณีที่ล้างไต ค่าทำเคมีบำบัด ค่าฉายรังสีบำบัด โดยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนั้นจะเบิกค่ารักษานี้ได้ไม่เกิน 60,000 – 180,000 บาทต่อปี
- กรณีที่เสียชีวิตทุกกรณี ไม่ว่าสาเหตุจากการเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ จะได้รับเงินช่วนเหลือจากประกันสุขภาพนี้ 10,000 บาท
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไปจนถึงอายุ 70 ปี โดยที่สามารถต่อความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลได้จนถึงอายุ 90 ปี
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะสมัครเองที่บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต หรือจะเลือกสมัครกับตัวแทนขายประกันที่มีอยู่ทั่วประเทศ หรือจะสมัครเองผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก คลิกที่นี่
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยสุขภาพสตาร์เฮลท์ จากไทยวิวัฒน์ประกันภัย
ประกันภัยสุขภาพสตาร์เฮลท์ ที่ใครๆก็สามารถสมัครทำประกันสุขภาพนี้ ไม่ว่าจะมีสัญชาติใดก็ตาม จะใช่คนไทย หรือคนต่างด้าว ขอเพียงแค่จะต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นคนต่างด้าวมาทำประกันสุขภาพก็ยังคงจะให้ความคุ้มครองค่ารักษาเท่าๆกับคนไทยเลย ที่ให้แผนความคุ้มครองเลือกหลากหลายวงเงินคุ้มครองซึ่งสูงสุดจะอยู่ที่ 8 ล้านบาท และยังสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองกรณีที่ไม่นอนโรงพยาบาลเพิ่มเติมได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นประกันสุขภาพนอกจากคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแล้วยังคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
จุดเด่น
- สบายๆด้วยการผ่อนจ่ายเบี้ยรายเดือน
- ไม่จำกัดสัญชาติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- หากไม่มีเคลมค่ารักษารับทันทีส่วนลดสูงสุด 15%
- คุ้มครองค่ารักษาให้ครอบคลุมทุกที่ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่ได้รับ
สำหรับการทำประกันภัยสุขภาพสตาร์เฮลท์นี้จะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 6 แผน 6 ระดับ ซึ่งแต่จะแผนความคุ้มครองก็จะกำหนดวงเงินค่ารักษาต่อปีไว้ให้ว่าคุณจะสามารถเบิกค่ารักษาได้อยู่เท่าไร ซึ่งในการเบิกค่ารักษาพยาบาลนั้นจะได้เฉพาะในกรณีที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยรวมแล้วจะให้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้สูงสุดต่อปีไม่เกิน 150,000 – 8,000,000 บาท (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง) โดยจะแตกย่อยรายละเอียดของความคุ้มครองไว้ให้พร้อมกับกำหนดวงเงินค่ารักษา ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- ค่าห้องผู้ป่วยปกติ รวมค่าอาหาร และค่าบริการต่างๆ จะเบิกได้วันละ 1,000 – 12,000 บาท
- ค่าห้องผู้ป่วยหนัก (C.U ) จะเบิกค่าห้องได้มากกว่าห้องปกติ อยู่ที่วันละ 2,000 – 10,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง)
- กรณีที่ผู้ทำประกันสุขภาพเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี สามารถเบิกค่าเฝ้าไข้ของผู้ปกครองได้วันละ 500 – 1,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปต่างๆ เช่น ค่ายา ค่าหมอ ค่าทำแผล ค่าเอ็กซ์เรย์ ค่าตรวจโรคต่างๆ ค่าใช้บริการในห้องแล็ป ค่าในการทำกายภาพบำบัด ค่ารักษาโดยการผ่าตัด และยังรวมไปถึงค่ารักษาต่อเนื่องหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล จะมีวงเงินคุ้มครองให้อยู่ที่ 12,000 – 70,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง)
- ค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะต้องรักษาตัวในฐานะผู้ป่วยนอก จะมีวงเงินคุ้มครองให้อยู่ที่ 5,000 – 10,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการปลูกถ่ายอวัยวะ และการฟอกไต โดยจะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 30,000 – 1,000,000 บาท
- สามารถเบิกค่าธรรมเนียมแพทย์ในการผ่าตัด ซึ่งจะเบิกได้ต่อครั้งไม่เกิน 20,000 – 80,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง)
- สามารถเบิกค่าธรรมเนียมแพทย์ในการเยี่ยมไข้ จะเบิกได้ไม่เกิน 1 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 500 – 1,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง)
- สามารถเบิกค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค ซึ่งจะเบิกต่อครั้งไม่เกิน 2,000 – 12,000 บาท หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง)
- กรณีที่จะต้องใช้รถพยาบาลเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นการย้ายระหว่างโรงพยาบาล หรือย้ายจากโรงพยาบาลกลับบ้าน จะสามารถเบิกค่าบริการได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี หรือเบิกได้ตามจริง (ขึ้นอยู่กันแผนความคุ้มครอง) ทั้งนี้จะคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
- คุ้มครองในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือจัดการศพที่ต่างประเทศ จะคุ้มครองให้เฉพาะแผน 6 STAR เท่านั้น
- เบิกค่าตรวจสุขภาพทั่วไปได้ ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 1 ครั้งต่อปี จะเบิกได้ไม่เกิน 300 – 8,000 บาท
- หากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงนั้น จะได้รับเงิน 100,000 – 500,000 บาท
- กรณีที่คุณเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ไม่ได้เบิกค่ารักษากับประกันสุขภาพนั้น จะได้รับเป็นเงินชดเชยแทนให้อยู่ที่วันละ 500 – 2,000 บาท ซึ่งจะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 30 วันต่อปี
ทั้งนี้ ประกันภัยสุขภาพสตาร์เฮลท์ นี้จะให้ความคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยในเท่านั้น แต่หากใครอยากได้ความคุ้มครองในกรณีที่ไปรักษาแต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาลนั้น สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้เช่นกัน ซึ่งจะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 2 แผน โดยภาพรวมแล้วจะให้เบิกค่ารักษาต่อครั้งได้ตั้งแต่ 400 – 75,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแผนความคุ้มครอง)
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- ผู้สมัครทำประกันสุขภาพนี้จะต้องไม่เกินอายุ 65 ปี โดยต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 70 ปี แต่ถ้าหากคุณสมัครก่อนอายุ 61 ปี จะได้รับสิทธิในการต่อความคุ้มครองได้ตลอดชีพ
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ Simply Healthy จากไทยประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ Simply Healthy สามารถทำประกันสุขภาพนี้ได้ทั้งคนไทยหรือคนต่างด้าว ที่ตัวช่วยมาช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ยิ่งสำหรับคนที่ต่างด้าวที่ไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลใดๆ เวลาเจ็บป่วยในแต่ละครั้งก็จะต้องมีเงินติดกระเป๋าไม่น้อย ทำงานมาได้เท่าไรก็จะหมดไปกับค่ารักษาซึ่งไม่ค่อยคุ้มสักเท่าไรเลย เพียงแค่สมัครทำประกันสุขภาพนี้ก็รับความคุ้มครองค่ารักษาสูงสุดถึง 1,200,000 บาท โดยความคุ้มครองหลักๆจะเน้นเป็นค่ารักษากรณีที่นอนโรงพยาบาล แต่หากใครที่ยังอยากให้คุ้มครองค่ารักษากรณีที่ไปรักษาโดยไม่นอนโรงพยาบาล ก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อีกเช่นกัน
จุดเด่น
- หลากหลายแผนความคุ้มครอง
- เบิกค่ารักษาต่อครั้งได้สูงสุด 1,200,000 บาท
- กรณีไม่มีเคลมจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยในปีถัดไป
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่ได้รับ
- ผลประโยชน์ที่ได้รับในกรณีที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
- มีวงเงินคุ้มครองค่าห้องพักสำหรับผู้ป่วยทั้งห้องปกติ หรือห้องผู้ป่วยหนัก ได้ต่อครั้งไม่เกิน 90,000 – 720,000 บาท และจะเบิกได้ไม่เกิน 60 วันต่อการเข้ารักษาในแต่ละครั้ง
- วงเงินค่ารักษาพยาบาล และค่าบริการของโรงพยาบาลทั่วไป เช่น ค่ายา ค่าบริการ ค่าแพทย์ ค่ารถพยาบาล ค่าบริการในการขอคำปรึกษากับแพทย์ไม่ว่าจะผ่าตัดหรือไม่ก็ตาม รวมถึงค่ารักษากรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน จะเบิกค่ารักษาเหล่านี้ไม่เกิน 15,000 – 120,000 บาทต่อครั้ง
- ผลประโยชน์ที่ได้รับในกรณีที่มีการผ่าตัด โดยจะให้ความคุ้มครองทั้งในกรณีค่าผ่าตัดและหัตถการ ซึ่งจะเบิกค่ารักษาได้ต่อครั้งไม่เกิน 22,500 – 180,000 บาท
- ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการดูแลของแพทย์ในระหว่างนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะสามารถเบิกค่าบริการให้กับแพทย์ได้ต่อครั้งไม่เกิน 22,500 – 180,000 บาท หรือจะให้เบิกได้ไม่เกินวันละ 375 – 3,000 บาท และจะเบิกได้ไม่เกิน 60 วัน
- คุ้มครองชีวิตในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ไม่ว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นนั้นจะเป็นสาเหตุให้คุณต้องสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเสียชีวิต จะได้รับเงินสินไหมทดแทนให้อยู่ที่ 100,000 บาท
ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับจากการทำประกันสุขภาพ แต่อย่างที่เราบอกไว้หากใครที่อยากได้ความคุ้มครองที่เกี่ยวกับค่ารักษาในกรณีที่ไปรักษาโดยไม่นอนโรงพยาบาลนั้น ก็สามารถซื้อประกันความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ โดยมีรายละเอียดความคุ้มครองพร้อมเงื่อนไขดังนี้
- วงเงินค่ารักษาพยาบาลให้ต่อปีไม่เกิน 32,000 – 120,000 บาท โดยจะกำหนดไว้ว่าหากสามารถเบิกค่ารักษาต่อครั้งได้ไม่เกิน 800 บาท และจะเบิกได้เพียงแค่วันละ 1 ครั้ง โดยปีหนึ่งจะต้องไม่เกิน 30 ครั้ง และยังสามารถเบิกค่าตรวจวินิจฉัยโรคด้วยรังสีเอ็กซ์ และค่าตรวจในห้องปฏิบัติการจะเบิกได้ไม่เกิน 8,000 – 30,000 บาทต่อปี
อัตราเบี้ยประกันสุขภาพ
- ในการซื้อประกันสุขภาพนี้ จะแบ่งอัตราเบี้ยประกันภัยไปตามอายุของผู้ที่ทำประกันสุขภาพ และแผนความคุ้มครองที่เลือก แม้ว่าจะตอนที่ทำประกันสุขภาพอายุช่วงหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเบี้ยประกันภัยก็จะต้องขึ้นไปตามอายุด้วย โดยเบี้ยประกันภัยจะเริ่มต้นอยู่ที่ 4,571 – 174,537 บาทต่อปี ซึ่งจะเห็นได้เลยว่าเบี้ยประกันภัยนั้นมีตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสนกันเลย และหากต้องการให้มีเงินค่ารักษากรณีผู้ป่วยนอกก็จะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มซึ่งจะเริ่มต้นอยู่ที่ 5,003 – 78,678 บาทต่อปี
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ทั้งคนไทยและคนต่างด้าว
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- เริ่มทำประกันได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 15 วัน แต่จะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี ซึ่งจะสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 80 ปี แต่หากในกรณีที่ผู้ป่วยนอกจะต่อความคุ้มครองได้เพียงแค่อายุ 70 ปีเท่านั้น
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ PREMIER AND PREMIER PLUS PLANS จากแปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพ PREMIER AND PREMIER PLUS PLANS เป็นประกันสุขภาพที่น่าสนใจอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่น่าสนใจ ที่สามารถปรับเปลี่ยนแผนประกันภัยได้ตามใจชอบเลย สามารถลดหรือเพิ่มความคุ้มครองได้ตามที่ต้องการ และสามารถเข้ารักษาพยาบาลได้ทุกโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีราคาแพงก็ตาม และไม่เพียงแต่คุ้มครองในประเทศยังให้คุ้มครองกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนทั่วโลกก็เบิกค่ารักษาพยาบาลนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังทำประกันสุขภาพนี้ได้ทั้งคนไทยหรือคนต่างด้าว เพียงแค่คุณจะต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้นเป็นพอก็สามารถสมัครได้เลยค่ะ
จุดเด่น
- ใช้สิทธิรักษาได้ทุกโรงพยาบาล
- คุ้มครองให้นานจนถึงอายุ 99 ปี
- คุ้มครองทุกที่ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง
- สามารถปรับเปลี่ยนแผนความคุ้มครองได้ตามต้องการ
- วงเงินคุ้มครองในการรักษาให้ต่อโรคสูงสุดถึง 3 ล้านบาท
ผลประโยชน์ของประกันสุขภาพ
- สิทธิแรกที่จะได้รับคือสามารถใช้บริการในรักษาพยาบาลได้ทุกโรงพยาบาล
- กรณีที่ป่วยฉุกเฉินสามารถเบิกค่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง
- วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดต่อโรคอยู่ที่ 1,200,000 – 3,000,000 บาท
แผนความคุ้มครอง จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 แผนความคุ้มครอง ดังนี้
- แผน PREMIER วงเงินคุ้มครองจะอยู่ที่ 1,200,000 บาท
- แผน PREMIER PLUS วงเงินคุ้มครองจะอยู่ที่ 3,000,000 บาท
รายละเอียดความคุ้มครองที่ได้รับ
สำหรับแผน PREMIER จะมีรายละเอียดความคุ้มครอง ดังนี้
กรณีที่เข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยใน จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- เบิกค่าห้อง ค่าอาหาร หรือค่าบริการต่างๆได้วันละไม่เกิน 5,000 บาท และเบิกได้ไม่เกิน 45 วัน แต่ถ้าเป็นนอนห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกค่าห้องได้ 10,000 บาทต่อวัน แต่จะเบิกได้ไม่เกิน 15 วัน
- เบิกค่าแพทย์ผ่าตัด ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 200,000 บาท
- เบิกค่ารักษาในการปลูกถ่ายอวัยวะหรือการเปลี่ยนอวัยวะต่างๆ จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 200,000 บาท
- กรณีที่จะต้องมีพยาบาลในการดูแลหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว จะสามารถเบิกค่าบริการนี้ได้ไม่เกิน 20,000 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลทั่วไปต่างๆได้ไม่เกิน 200,000 บาท
- เบิกค่าแพทย์เยี่ยมไข้ได้วันละ 2,500 บาท ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 45 วัน
- เบิกค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จะสามารถเบิกได้อยู่ที่ 10,000 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง จะเบิกค่ารักษาได้ 10,000 บาท
- เบิกค่ารถพยาบาลฉุกเฉินได้ไม่เกิน 2,000 บาท
กรณีที่เข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยนอก จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- เหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่างๆให้ครั้งละไม่เกิน 2,500 บาท และจะเบิกได้ไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี
- คุ้มครองค่ารักษาสำหรับการรักษากับแพทย์ทางเลือก จะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 3 ครั้ง
กรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บแบบฉุกเฉิน จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- คุ้มครองค่าบริการต่างๆในการขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเบิกได้ตามจริง
สำหรับแผน PREMIER PLUS จะมีรายละเอียดความคุ้มครอง ดังนี้
กรณีที่เข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยใน จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- เบิกค่าห้อง ค่าอาหาร หรือค่าบริการต่างๆได้วันละไม่เกิน 6,000 บาท แต่ถ้าเป็นนอนห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกค่าห้องได้ 12,000 บาทต่อวัน โดยไม่จำกัดวันในการเข้ารักษาที่โรงพยาบาล
- เบิกค่าห้องผ่าตัดได้ตามจริงที่จะต้องจ่ายเลย
- เบิกค่าแพทย์ผ่าตัด ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด จะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามจริง
- เบิกค่ารักษาในการปลูกถ่ายอวัยวะหรือการเปลี่ยนอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ปอด ตับ ไต เป็นต้น จะคุ้มครองให้ไม่เกิน 300,000 บาท
- เบิกค่าวางยาสลบในกรณีที่จะต้องมีการผ่าตัดต่างๆ จะเบิกใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ตามจริง
- สามารถเบิกค่าพยาบาลพิเศษในการดูแลหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลได้ตามจริง
- เบิกค่ารักษาสำหรับผู้ป่วยทางจิต ที่จะได้รับการรักษา จะเบิกค่ารักษาได้ 30,000 บาทต่อโรค และเบิกได้ 100,000 บาทตลอดชีพเลย
- เบิกค่ารักษาพยาบาลทั่วไปต่างๆ เช่น ค่ายา ค่าหมอ ค่าตรวจวินิจฉันโรคต่างๆ ได้ไม่เกิน 300,000 บาท
- เบิกค่าแพทย์เยี่ยมไข้ จะสามารถเบิกได้ตามจริง ที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ เพราะแต่ละโรงพยาบาลจะคิดค่าบริการส่วนนี้ไม่เท่ากัน
- เบิกค่าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จะสามารถเบิกได้ตามจริง ที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ
- เบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง จะสามารถเบิกได้ตามจริง ที่โรงพยาบาลเรียกเก็บ
- เบิกค่ารถพยาบาลฉุกเฉินในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยต่างๆนั้น จะเบิกได้ไม่เกิน 2,000 บาท
กรณีที่เข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยนอก จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- เหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลต่างๆให้ครั้งละไม่เกิน 3,000 บาท แถมยังไม่จำกัดจำนวนครั้งในการรักษา
- คุ้มครองค่ารักษาสำหรับการรักษากับแพทย์ทางเลือก จะเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 5 ครั้ง
กรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บแบบฉุกเฉิน จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- คุ้มครองค่าบริการต่างๆในการขอความช่วยเหลือฉุกเฉินทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเบิกได้ตามจริง
กรณีค่ารักษาในการคลอดลูก จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาดังนี้
- กรณีที่คลอดลูกโดยวิธีธรรมชาติ จะเบิกค่าคลอดได้ไม่เกิน 30,000 บาท
- กรณีที่ผ่าคลอด จะเบิกค่าคลอดได้ไม่เกิน 60,000 บาท
- กรณีที่แท้งลูก จะสามารถเบิกค่ารักษาได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อครั้ง
ทั้ง 2 แผนความคุ้มครองนี้ คุณสามารถซื้อความคุ้มครองอื่นเพิ่มเติมได้ ในส่วนของค่าทำฟัน หรือค่ารักษาทางสายตา แม้ว่าประกันจะคุ้มครองก็ไม่ใช่ว่าออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่คุณจะต้องร่วมจ่ายค่ารักษาเหล่านี้ด้วย เพียงแต่ว่าคุณจ่ายน้อยลงไปเท่านั้นเอง โดยมีรายละเอียดดังนี้
- กรณีที่ค่ารักษาที่เกี่ยวกับฟันนั้น ประกันสุขภาพนี้จะช่วยจ่ายค่ารักษาให้สูงสุด 80% ของราคาค่ารักษา แต่จะต้องไม่เกินวงเงิน 40,000 บาท
- กรณีที่ค่ารักษาที่เกี่ยวกับทางสายตา ประกันสุขภาพนี้จะช่วยจ่ายค่ารักษาให้สูงสุด 80% ของราคาค่ารักษา แต่จะต้องไม่เกินวงเงิน 10,000 บาท
นอกจากนี้แล้วซื้อประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติมเพื่อความคุ้มครองได้อีกด้วย เพียงแค่จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น 145 บาทต่อทุนประกันภัย 100,000 บาท โดยที่คุณสามารถเลือกทุนประกันภัยได้เองเริ่มต้นตั้งแต่ 150,000 บาท หรือสูงสุด 20,000,000 บาท
สิทธิพิเศษส่วนลดของเบี้ยประกันภัย
- หากไม่ซื้อความคุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอก รับส่วนลด 20%
- กรณีที่คุณร่วมจ่ายค่ารักษาในส่วนแรก 40,000 บาท รับส่วนลด 25%
- กรณีที่คุณร่วมจ่ายค่ารักษาในส่วนแรก 100,000 บาท รับส่วนลด 32.50%
- กรณีที่คุณร่วมจ่ายค่ารักษาในส่วนแรก 200,000 บาท รับส่วนลด 40%
- กรณีที่คุณร่วมจ่ายค่ารักษาในส่วนแรก 300,000 บาท รับส่วนลด 50%
ทั้งนี้ ในการทำประกันสุขภาพนี้สามารถเลือกสมัครได้ทั้งคนเดียว หรือแบบกลุ่ม หรือแบบครอบครัว โดยจะได้รับส่วนลดของเบี้ยประกันสุขภาพนี้อีกด้วย
- สมัครตั้งแต่ 5 – 10 คน รับส่วนลด 10%
- สมัครตั้งแต่ 11 คนขึ้นไป รับส่วนลด 15%
- สมัครทั้งครอบครัว 3 คนนั้น รับส่วนลด 5%
กรณีที่ในระหว่างการคุ้มครองนั้นไม่มีการขอเคลมค่ารักษาเลย ก็จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันสุขภาพในปีถัดไปอีกด้วย ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่
- หากไม่เคลมค่ารักษาเลยภายใน 1 ปี จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัย 10%
- หากไม่เคลมค่ารักษาเลยภายใน 2 ปี จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัย 15%
- หากไม่เคลมค่ารักษาเลยภายใน 3 ปี จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัย 20%
คราวนี้เรามาดูกันบ้างที่เห็นสิทธิประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้วจะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยแพงไหม จ่ายเท่าไร และแผนความคุ้มครองของแต่ละแผนนั้น เบี้ยประกันแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน มาดูกันเลย
อัตราเบี้ยประกันสุขภาพ
- แผน PREMIER
- อายุระหว่างแรกเกิด – อายุ 4 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 52,365 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 5 – 18 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 19,637 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 19 – 25 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 17,804 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 26 – 30 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 20,946 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 31 – 35 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 23,564 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 36 – 40 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 26,182 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 41 – 45 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 28,801 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 46 – 50 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 32,728 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 51 – 55 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 35,346 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 56 – 60 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 40,583 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 61 – 65 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 48,437 บาทต่อปี
- แผน PREMIER PLUS วงเงินคุ้มครองจะอยู่ที่ 3,000,000 บาท
- อายุระหว่างแรกเกิด – อายุ 4 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 75,940 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 5 – 18 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 28,477 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 19 – 25 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 25,819 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 26 – 30 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 30,376 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 31 – 35 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 34,173 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 36 – 40 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 37,970 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 41 – 45 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 41,767 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 46 – 50 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 47,462 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 51 – 55 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 51,259 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 56 – 60 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 58,853 บาทต่อปี
- อายุระหว่าง 61 – 65 ปี จ่ายเบี้ยอยู่ที่ 70,244 บาทต่อปี
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ทั้งคนไทยและคนต่างด้าว แต่จะต้องอยู่ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 6 เดือนขึ้นไป
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 65 ปี โดยที่สามารถต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 99 ปี
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้ที่บริษัท แปซิฟิค ครอส ประกันสุขภาพ หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 02-401-9189
Credit : https://pixabay.com
ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล อุ่นใจรักษ์ จากวิริยะประกันภัย
ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล อุ่นใจรักษ์ 2 IN 1 ภายใต้กรมธรรม์เดียวที่ให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาและพ่วงมาด้วยกับประกันอุบัติเหตุ ที่มีวงเงินค่ารักษาให้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท และยังเปิดกว้างให้สมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้ทั้งคนไทยหรือคนต่างด้าวที่มาอยู่หรือมาทำงานในประเทศไทยก็สมัครได้เช่นกัน และไม่เพียงเท่านั้น และมีโรงพยาบาลในเครือข่ายมากถึง 300 แห่งทั่วประเทศที่ให้คุณสามารเข้ารักษาได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ยิ่งพิเศษไปกว่านั้นหากไปรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพและโรงพยาบาลในเครือ BDMS จะได้วงเงินค่าเพิ่มขึ้นอีกด้วย
จุดเด่น
- สมัครได้ทุกสัญชาติขอให้อยู่ที่ประเทศไทย
- คุ้มครองค่ารักษาในกรณีที่นอนโรงพยาบาล
- สามารถซื้อความคุ้มครองกรณีไม่นอนโรงพยาบาลเพิ่มเติมได้
- รับส่วนลดสูงสุด 10% หากไม่มีการเคลมค่ารักษาพยาบาลในช่วง 1 ปี
รายละเอียดความคุ้มครองที่ได้รับ
สำหรับความคุ้มครองนั้นก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ก็คือ ส่วนที่ 1 คุ้มครองค่ารักษาให้ทั้งหมดหากนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล และส่วนที่ 2 จะคุ้มครองชีวิตในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ความคุ้มครองส่วนที่ 1 กรณีที่นอนโรงพยาบาล
- สามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาลต่างๆได้ วันละไม่เกิน 4,000 – 10,000 บาท แต่ถ้านอนรักษาตัวที่ห้อง C.U จะเบิกค่าห้องได้เพิ่มเป็น 2 เท่าจากเดิม
- สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ได้ตามที่โรงพยาบาลเรียกเก็บนั้น จะสามารถเบิกค่ารักษาได้ตามจริง แต่ถ้าเป็นค่ายากลับบ้าน จะเบิกได้ไม่เกิน 5,000 บาท และค่ารถพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 12,000 – 30,000 บาท
- สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน จะเบิกค่ารักษาได้ตามจริง
- สามารถเบิกค่าธรรมเนียมต่างๆได้ เช่น ค่าแพทย์ผ่าตัด ค่าแพทย์วางยาสลบ ค่าแพทย์ตรวจเยี่ยม ค่าแพทย์ในการขอคำปรึกษา ซึ่งจะเบิกค่าธรรมเนียมเหล่านี้ได้ตามจริง
ความคุ้มครองส่วนที่ 2 กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- หากประสบอุบัติเหตุจนเป็นให้ต้องสูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง หรือเสียชีวิต จะได้รับเงินสินไหมทดแทนอยู่ที่ 200,000 – 500,000 บาท
ความคุ้มครองเพิ่มเติม กรณีซื้อความคุ้มครองผู้ป่วยนอก
- จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ครั้งละไม่เกิน 1,000 – 2,500 บาทต่อครั้ง ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี
คุณสมบัติในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- สามารถทำประกันสุขภาพได้ทั้งคนไทยและคนต่างด้าวแต่จะต้องมีใบอนุญาตให้เข้าประเทศได้อย่างถูกต้อง
เงื่อนไขในการสมัครทำประกันสุขภาพ
- ผู้สมัครจะต้องมีอายุเริ่มตั้งแต่ 10 – 60 ปี และให้ขยายความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 80 ปี
สนใจสมัครทำประกันสุขภาพ
- สมัครได้กับตัวแทนขายประกันชีวิตของวิริยะประกันภัยทั่วประเทศ
หวังว่าบทความประกันสุขภาพต่างด้าวจะเป็นประโยชน์ให้สำหรับคนที่กำลังมองหาประกันสุขภาพประเภทนี้อยู่ไม่มากก็ไม่น้อยนะคะ เพราะหลายบทความที่ iMoney ได้รวบรวมทำนั้นส่วนใหญ่จะเป็นประกันสุขภาพในด้านต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับทุกกลุ่มทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพเด็ก ประกันสุขภาพสำหรับคนวัยทำงาน หรือประกันสุขภาพผู้สูงอายุ เลยทำให้หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าคนต่างด้าวหรือต่างชาตินั้นก็สามารถทำประกันสุขภาพได้เช่นกัน และหากเพื่อนๆคนไหนที่สนใจหรืออยากจะเลือกทำประกันชีวิตต่างๆนั้น ลองแวะเข้ามาอ่านบทความได้ที่เว็บไซต์ iMoney.in.th ได้เลยค่ะ ซึ่งได้รวบรวมไว้มากมาย หลากหลายบริษัทประกันชีวิตชั้นนำ และในครั้งหน้าหากใครที่อยากจะรู้ว่าประกันสุขภาพอาคเนย์ มีอะไรบ้าง มีกี่ผลิตภัณฑ์ และน่าสนใจแค่ไหนนั้น ไม่ควรพลาดเลยค่ะ เพราะเราจะนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนและพบกันใหม่ในครั้งหน้า สวัสดีค่ะ