ประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี – แม้ว่าจะผ่านช่วงต้นปีมาแล้วไม่เพียงกี่เดือนนั้น สำหรับคนที่มีรายได้ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท หรือจะทำธุรกิจส่วนตัว ไม่ว่าจะรายได้ของคุณจะมาจากทางไหน คุณได้เริ่มวางแผนเรื่องการเสียภาษีแล้วหรือยัง ในการยื่นภาษีนั้นตามสิทธิแล้วเราจะสามารถนำค่าใช้จ่ายต่างๆที่กรมสรรพากรกำหนดมาลดหย่อนภาษีได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ การทำประกันชีวิต เรามักจะเห็นคนขายประกันชอบพูดเสมอว่าซื้อประกันชีวิต เบี้ยที่จ่ายนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าเบี้ยประกันสุขภาพนั้นก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน แม้ว่าวงเงินในการลดหย่อนภาษีนั้นจะน้อยกว่าเบี้ยประกันชีวิตก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าเราไม่ได้อะไรเลยใช่ไหม ฉะนั้นสำหรับใครที่เริ่มอยากวางแผนเรื่องภาษีนั้น และหนึ่งในแผนของคุณคือการทำประกันสุขภาพ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล แม้ว่าบางคนมีประกันสังคมอยู่ก็ตาม แต่ก็ยังเลือกที่จะทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพราะว่าต้องการซื้อความบริการที่รวดเร็วในการรักษาพยาบาล หรือบางคนต้องเพิ่มวงเงินคุ้มครองจากประกันสังคม ที่ในบางส่วนอาจจะน้อย เช่น ค่าห้อง ค่าอาหาร ที่ประกันสังคมอาจจะต้องน้อย แต่ถ้ามีประกันสุขภาพเพิ่มอีก ก็จะทำให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ฉะนั้นวันนี้ iMoney เราได้รวบรวมบทความประกันสุขภาพลดหย่อนภาษี มาฝากสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพ จะมีอะไรบ้างนั้นติดตามอ่านกันได้เลย
รวบรวมประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีที่น่าสนใจ ประจำปี 2563
บริษัทประกันภัย |
ผลิตภัณฑ์ | จุดเด่น | เงื่อนไขการสมัคร |
AIA ประกันชีวิต | ประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า | สมัครง่าย ไม่ยุ่งยาก หากไม่มีการเคลมในระหว่างการคุ้มครองนั้น จะได้รับเงินคืน และยังคุ้มครองกรณีที่เจ็บป่วยจะนอนหรือไม่นอนที่โรงพยาบาลก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ |
สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไป แต่จะต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี |
เมืองไทยประกันชีวิต |
ประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส | จ่ายเบี้ยประกันภัยไม่แพง เริ่มต้นเพียงแค่เดือนละ 285 บาทเท่านั้น พร้อมให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 4 แสนบาท | สมัครทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่อายุ 18 – 70 ปี |
เมืองไทยประกันชีวิต | ประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์ | คุ้มครองทุกที่ รักษาได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยวงเงินค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 400,000 บาท แถมเบี้ยประกันยังลดหย่อนภาษีได้อีก |
สมัครทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 15 – 55 ปี และต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 65 ปี |
กรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต |
ประกันสุขภาพ iHealthy | คุ้มครองทุกที่ทั่วโลก รักษาได้ทุกที่โดยไม่ต้องสำรองจ่าย พร้อมคุ้มครองทั้งกรณีที่นอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล และดูแลรักษาโรคมะเร็งและโรคไต และเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีได้ | สมัครทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 16 – 80 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่แผนประกันสุขภาพที่เลือก |
ซิกน่า ประกันภัย | ประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม | เบี้ยถูกแค่เดือนละร้อยกว่าบาท คุ้มครองเฉพาะโรคออฟฟิศซินโดรม และหากตรวจพบเป็นโรคร้ายแรงหลังทำประกันสุขภาพ ก็ไม่ยกเลิกกรมธรรม์ |
ทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 20 – 60 ปี |
ซิกน่า ประกันภัย |
ประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะและโรคร้ายแรง | คุ้มครองโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะในช่วงระยะเริ่มต้นหรือระยะลุกลามประกันก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยวงเงินสูงถึง 2,500,000 บาท | ทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 20 – 60 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 70 ปี |
ธนาคารกสิกรไทย | ประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน | อุ่นใจทุกการรักษาพยาบาลไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้สูงสุดถึง 5 แสนบาท แถมสมัครทำประกันก็ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาในการตรวจสุขภาพ |
สามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 14 วันไปจนถึง 70 ปี |
ไทยสมุทรประกันชีวิต |
ประกันสุขภาพ รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ (HC) | สมัครง่าย เคลมก็ง่าย ไม่ยุ่งยาก และค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ต้องสำรองจ่าย คุ้มครองทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก แถมเบี้ยยังนำมาลดหย่อนภาษีได้ | สนใจทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน – 64 ปี ต่อสัญญาได้ถึงอายุ 69 ปี |
แมนูไลฟ์ ประกันชีวิต | ประกันสุขภาพ ประกันได้หมด | สมัครง่ายๆผ่านทางออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ สุขภาพดีไม่เคลม รับส่วนลดเบี้ยประกันสุขภาพสูงสุด 30% และผ่อนเบี้ยประกันภัยดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน |
ทำประกันสุขภาพเริ่มต้นอายุเท่าไรก็ได้ แต่จะต้องไม่เกินอายุ 70 ปี |
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต |
ประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า | สมัครง่าย หากร่วมจ่ายค่ารักษารับส่วนลดค่าเบี้ยอีก 30% พร้อมคุ้มครองค่ารักษาสูงสุดถึง 10 ล้านบาท และสมัครได้ทุกเพศทุกวัยตั้งแต่เด็กจนโต |
เริ่มทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 70 ปี และต่ออายุความคุ้มครองได้เรื่อยๆจนถึงอายุ 85 ปี |
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า จาก AIA ประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า พร้อมคุ้มครองทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล ทุกการบาดเจ็บจะแค่เพียงเล็กน้อย หรือจะป่วยหนัก หรือจะเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินประกันจะดูแลค่ารักษาพยาบาลให้กับคุณโดยที่คุณไม่ต้องสำรองจ่ายเงินเองอีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดภาระทางการเงินเมื่อยามเจ็บป่วยหรือต้องเจอกับโรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ในระหว่างการคุ้มครองนั้นหากหากไม่มีการเคลมประกันสุขภาพเลย คุณยังจะได้รับเงินคืนสูงถึง 28% อีกด้วย นอกจากนี้แล้วเบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายไปนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท
จุดเด่นของประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า
- ไม่เคลมมีคืนเงินสูงถึง 28%
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลทั้งเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก
- เบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปสามารถนำลดหย่อนภาษีเงินได้
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
สำหรับการเลือกทำประกันสุขภาพนี้ แน่นอนว่าคุณจะต้องมีประกันชีวิตเป็นสัญญาหลักเสียก่อนจึงจะสามารถทำประกันสุขภาพนี้ได้ และจะต้องทำประกันสุขภาพไปพร้อมกับประกันชีวิตเลย และประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า นี้จะมีแผนคุ้มครองให้เลือก 7 แผน ดังนี้ แผน 1,500 , แผน 2,000 , แผน 2,500 , แผน 3,000 , แผน 3,500 , แผน 4,500 , แผน 5,500 , แผน 6,500 หลายคนอาจจะงงเล็กน้อยว่าแผนที่ตามด้วยตัวเลขนั้นหมายถึงอะไร ในที่นี้ก็จะหมายถึงว่าคุณต้องความคุ้มครองในส่วนของค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ด้วยวงเงินเท่าไร ทั้ง 7 แผนความคุ้มครองนี้ สิ่งแตกต่างกันก็คือ วงเงินในการคุ้มครองของแต่ละรายการที่คุณสามารถเบิกได้จากประกัน โดยความคุ้มครองจะแบ่งเป็น 4 ส่วน ดังนี้
กรณีที่คุณจะต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามเงื่อนไขนี้
- กรณีที่นอนพักรักษาตัวที่ห้องปกติ ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ประกันจะจ่ายให้วันละ 1,500 – 6,500 บาท (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน) โดยจะเบิกได้ไม่เกิน 125 วัน
- กรณีที่นอนพักรักษาตัวที่ห้อง ไอ.ซี.ยู ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาล ประกันจะจ่ายให้วันละ 3,000 – 13,000 บาท (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน) โดยจะเบิกได้ไม่เกิน 30 วัน แต่เมื่อรวมกับห้องปกติแล้วก็จะต้องไม่เกิน 125 วัน
- กรณีที่แพทย์มาตรวจเยี่ยมดูอาการในแต่ละวัน จะต้องจ่ายค่าแพทย์เป็นรายวัน ซึ่งสามารถเบิกประกันได้ โดยจะเบิกได้วันละ 600 – 1,200 บาท (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- ค่าแพทย์ค่าผ่าตัดและหัตถการ ประกันจะจ่ายให้อยู่ที่ 50,000 – 120,000 บาทต่อการเข้ารับการรักษาในแต่ละครั้ง (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- ค่าแพทย์วิสัญญี ประกันจะจ่ายให้อยู่ที่ 5,000 – 12,000 บาทต่อการเข้ารับการรักษาในแต่ละครั้ง (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- ค่าห้องผ่าตัดและอุปกรณ์ต่างๆที่จะต้องใช้ในการผ่าตัด ประกันจะจ่ายให้อยู่ที่ 8,000 – 16,000 บาทต่อการเข้ารับการรักษาในแต่ละครั้ง (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- ค่ารักษาพยาบาลอื่นๆที่ทางโรงพยาบาลเรียกเก็บนั้น ประกันก็จะจ่ายให้ไม่เกิน 14,000 – 40,000 บาท (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- กรณีที่จะต้องมีการตรวจก่อนล่วงหน้า 30 วัน เพื่อที่จะเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยจะต้องมีการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยาและการตรวจห้องปฏิบัติการสำหรับผู้ป่วยนอก รวมไปถึงหากต้องมาตรวจหลังจากออกจากโรงพยาบาลไปแล้วก็ตาม จะต้องไม่เกิน 30 วันที่ออกจากโรงพยาบาล จะเบิกได้ไม่เกิน 2,000 – 7,000 บาท (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
กรณีที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลแต่ไม่ได้แอดมิดที่โรงพยาบาล ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามเงื่อนไขนี้
- เจ็บป่วยโรคภัยต่างๆ จะเบิกได้ไม่เกิน 3,000 – 9,000 บาทต่อปี (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- ค่ารักษาพยาบาลหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินจะต้องเข้ารักษาตัวภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่เกิดเหตุ ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ด้วยวงเงินไม่เกิน 3,000 – 10,000 บาทต่อปี (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
- หากในระหว่างการคุ้มครองนั้นเกิดเป็นโรคไต หรือโรคมะเร็ง ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้หากต้องมาล้างไตผ่านทางเส้นเลือด การเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือรักษาทางรังสีบำบัด สามารถเบิกได้ไม่เกิน 20,000 – 70,000 บาทต่อปี (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
กรณีที่คุณเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะนอนหรือไม่ก็ตามนั้น แต่คุณไม่ได้เบิกประกันสุขภาพนี้เลย ประกันจะคืนเงินให้เริ่มต้นอยู่ที่ 1,500 – 4,500 บาทต่อปี (วงเงินจะเพิ่มขึ้นตามแผน)
กรณีที่คุณเสียชีวิตในระหว่างความคุ้มครองนั้น ประกันจะมอบเงินให้ทายาทหรือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์นี้ด้วยเงิน 10,000 บาท
จำนวนเงินเอาทุนประกันภัยสำหรับประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า
- หากทำประกันสุขภาพขณะที่มีอายุตั้งแต่ 1 เดือนจนถึง 5 ปีนั้น จะต้องทำทุนประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000 บาท แต่ถ้าทำประกันสุขภาพหลังจากอายุ 6 ปีขึ้นไปนั้น จะต้องทุนประกันภัยขั้นต่ำอยู่ที่ 25,000 บาท
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า
- เริ่มทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือนขึ้นไปจนถึงอายุ 70 ปี และขยายความคุ้มครองเพิ่มขึ้นได้จนถึงอายุ 79 ปี แต่ระยะเวลาในการคุ้มครองจะให้จนถึงอายุ 80 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ เอไอเอ เอช แอนด์ เอส เอ็กซ์ตร้า
- สามารถสมัครได้ทั้งกับตัวแทนขายประกันสุขภาพของ เอไอเอ ทั่วประเทศ หรือจะเลือกสมัครเองผ่านทางออนไลน์ได้ง่ายๆ สนใจก็คลิกที่นี่ได้เลย
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส จากเมืองไทยประกันชีวิต
ประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส เหมาะสำหรับพนักงานบริษัทที่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากบริษัทอยู่แล้ว หรือมีประกันสังคม แต่สมัยนี้ก็ต้องยอมรับว่าค่ารักษาพยาบาลก็ปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ในบางครั้งค่ารักษาพยาบาลในสวัสดิการที่ได้รับนั้นจะไม่เพียงพอ แต่ถ้าเราเลือกทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมในส่วนที่ขาดไปนั้น ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้เป็นอย่างดี เช่น หากเจ็บป่วยที่จะต้องนอนพักที่โรงพยาบาลนั้นประกันสังคมอาจจะให้วงเงินค่าห้องเพียงเท่านี้ อาจจะได้เป็นห้องรวม แต่เราอยากนอนห้องพิเศษนั้นก็จะต้องเพิ่มเงิน ซึ่งมีประกันสุขภาพเข้ามาช่วยก็จะออกค่าใช้จ่ายส่วนที่เกินให้ ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น และมีแผนความคุ้มครองอย่างไรเรามาดูกันเลย
จุดเด่นของประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส
- เพิ่มความคุ้มครองสุขภาพให้มากกว่าสวัสดิการที่มี
- จ่ายเบี้ยประกันภัยแสนจะถูกเริ่มต้นเพียงเดือนละ 285 บาท
- คุ้มครองค่าห้องกรณีที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสูงถึง 8,000 บาท
- ช่วยค่ารักษาพยาบาลส่วนที่เกินจากสวัสดิการเดิมที่มีอยู่ให้สูงถึง 4 แสนบาท
- สามารถกำหนดในการจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ตามที่ต้องการจะรายเดือนหรือรายปี
- เบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายนั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ตามที่กรมสรรพากรกำหนด
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- เบิกค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาลประจำวันต่อวัน ในกรณีที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกินวันละ 2,000 – 8,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง) ทั้งนี้จะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 120 วันต่อการรักษาตัวในหนึ่งครั้ง
- กรณีที่เบิกค่ารักษาพยาบาลในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ค่าเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาลประจำวันต่อวันนั้น คุณสามารถเบิกได้ตามวงเงินที่กำหนดของแต่ละแผนความคุ้มครอง ซึ่งจะเริ่มต้นอยู่ที่ 200,000 – 400,000 บาท ทั้งนี้ คุณจะต้องร่วมรับผิดชอบค่าความเสียหายในส่วนแรกนี้ได้ด้วย เริ่มตั้งแต่ 20,000 – 40,000 บาท (ซึ่งความเสียหายส่วนแรกนี้ก็จะเบิกได้กับสวัสดิการเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนที่ประกันสุขภาพนี้จะเป็นผู้รับผิดชอบให้เอง
ทั้งนี้ ประกันสุขภาพนี้บอกได้เลยว่าจะเน้นในส่วนของความคุ้มครองส่วนที่เกินจากสวัสดิการ หากพูดง่ายๆว่าถ้าหากคุณไม่ประกันสุขภาพนี้ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลส่วนเกินนั้นคุณจะต้องเป็นจ่ายเองทั้งหมด แต่ถ้ามีประกันสุขภาพเข้ามานั้น ก็จะมาช่วยจัดการในเรื่องนี้ให้ ฉะนั้นเราจะยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง กรณีที่จะต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยจะต้องมีการผ่าตัดด้วยนั้น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดดังนี้
- ค่าห้องผ่าตัดในการรักษาพยาบาลอยู่ที่คืนละ 3,500 บาท คุณนอน 2 คืน ก็จะคิดเป็นเงิน 7,000 บาท
- ค่าผ่าตัดและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการรักษาพยาบาลนั้นอยู่ที่ 180,000 บาท
- รวมเป็นเงินที่จะต้องจ่ายให้กับโรงพยาบาลอยู่ที่ 187,000 บาท
หากคุณมีสวัสดิการที่สามารถเบิกได้ดังนี้
- เบิกค่าห้องได้แค่ 1,500 บาทต่อวัน และค่ารักษาพยาบาลได้เพียงแค่ 30,000 บาทต่อครั้ง นั้นเรากับว่า คุณสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องพัก 2 คืน ก็ 3,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 33,000 บาท ฉะนั้นคุณจะต้องจ่ายเองอยู่ที่ 154,000 บาท แต่ถ้าคุณเลือกทำประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส นี้ไว้ โดยเลือกแผนความคุ้มครองแผน 2 นั้น ประกันก็จะออกค่าส่วนต่างให้วันละ 2,000 บาท และค่ารักษาพยาบาลอื่นๆส่วนที่เกินให้ 187,000 บาท เพราะแผนที่ 2 นั้นจะมีวงเงินคุ้มครองให้อยู่ที่ 200,000 บาท เท่ากับว่าคุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลยในการรักษาพยาบาลในครั้งนี้
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส
- สามารถทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่อายุ 18 – 70 ปี โดยที่จะคุ้มครองเป็นรายปี และคุณสามารถขยายความคุ้มครองนั้นได้จนถึงอายุ 80 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส
- หากสนใจสมัครประกันสุขภาพนี้ก็ติดต่อได้กับตัวแทนขายประกันทั่วไป หรือจะเลือกสมัครผ่านทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน คลิกที่นี่
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์ จากเมืองไทยประกันชีวิต
สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆก็อยากจะมีประกันสุขภาพดีๆเวลาเจ็บป่วยหนักๆจะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก็อยากจะได้การรักษาที่ดูแลดีๆ ครั้นจะไปซื้อประกันสุขภาพแพงเหมือนคนอื่นก็เห็นว่าไม่ไหว อยากได้ประกันสุขภาพที่คุ้มครองดี จ่ายเบี้ยถูก ต้องนี้เลยเราขอแนะนำ ประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์ จากเมืองไทยประกันชีวิต ที่บอกได้เลยว่าสามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการสำหรับมนุษย์อย่างเราเลย ซึ่งจริงๆแล้วประกันสุขภาพนี้ก็อาจจะมีความคล้ายคลึงกับประกันสุขภาพโครงการ เอ็กซ์ตร้าแคร์ พลัส แต่วงเงินค่ารักษาพยาบาลให้สูงกว่า และก่อนจะทำประกันสุขภาพนั้นก็จะต้องมีประกันชีวิตหลักเสียก่อน โดยประกันสุขภาพนี้จะให้คุณซื้อประกันชีวิตหลักด้วยวงเงินทุนประกันภัยอยู่ที่ 100,000 บาท โดยจะคุ้มครองในระยะเวลา 10 ปี ส่วนรายละเอียดความคุ้มครองอื่นๆนั้นจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์
- จ่ายเบี้ยรายเดือนเพียงหลักร้อย
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงเท่าหลักแสน
- คุ้มครองทุกที่ทั้งในและต่างประเทศโดยไม่ต้องสำรองจ่าย
- สุกคุ้มกับเบี้ยประกันภัยที่จ่ายนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้อีกด้วย
แผนความคุ้มครองของประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์
เมืองไทยประกันชีวิตจะแบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 ส่วน คืน ส่วนแรกของประกันชีวิตหลัก และส่วนที่สองก็คือ ส่วนของประกันสุขภาพที่จะมาดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 แผนความคุ้มครองให้เลือก ดังนี้
- ความคุ้มครองแผน 1
- ประกันชีวิตจะมีทุนประกันภัยอยู่ที่ 100,000 บาท
- ประกันสุขภาพจะมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายให้ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาท
- ความคุ้มครองแผน 2
- ประกันชีวิตจะมีทุนประกันภัยอยู่ที่ 100,000 บาท ซึ่งจะเท่ากับแผนคุ้มครองที่ 1 เลย
- ประกันสุขภาพจะมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายให้ครั้งละไม่เกิน 75,000 บาท
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
กรณีที่เป็นสัญญาหลักอย่างประกันชีวิตนั้น แน่นอนว่าคุ้มครองในกรณีที่เสียชีวิตทุกกรณี จะได้รับเงิน 100% ของทุนประกันภัย
กรณีที่เป็นสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพนั้น ประกันจะให้ความคุ้มครองดังนี้
- กรณีที่แอดมิดที่โรงพยาบาล สามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาลประจำวันต่อวัน ซึ่งประกันจะให้เบิกได้วันละ 2,000 – 3,000 บาท (ซึ่งจะเบิกได้ไม่เกิน 120 วัน)
- ส่วนค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ ไม่ว่าจะค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด หรืออื่นๆที่โรงพยาบาลเรียกเก็บนั้น ประกันจะจ่ายให้ไม่เกิน 50,000 – 75,000 บาทต่อครั้งที่เข้ารับการรักษาพยาบาล และให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อปีกรมธรรม์นั้นจะต้องไม่เกิน 250,000 – 375,000 บาท
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์
- สำหรับคนที่สนใจอยากทำประกันสุขภาพนี้จะต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป แต่จะต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี โดยที่สามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 65 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ iHealthy จากกรุงไทย – แอกซ่า ประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ iHealthy เป็นอีกหนึ่งประกันสุขภาพที่คุณสามารถนำเบี้ยประกันภัยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท โดยประกันสุขภาพนี้จะให้ความคุ้มครองแบบครอบคลุมทุกการรักษาพยาบาล ทำให้หายห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปได้เลย แถมยังให้ความคุ้มครองทุกที่ทั่วโลกอีกด้วย ยิ่งเพิ่มความอุ่นใจเข้าไปใหญ่เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหนจะเดินทางในประเทศหรือต่างประเทศก็คุ้มครองเช่นกัน และยังมีหลากหลายแผนความคุ้มครองให้เลือกมากมายเลย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ iHealthy
- อุ่นใจทุกค่ารักษาทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็งและโรคไต
- ประกันสุขภาพนี้คุ้มครองทุกที่ทั้งในและต่างประเทศ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการตั้งครรภ์และคลอดลูก
- เบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายนำมาลดหย่อนภาษีรวมกับประกันชีวิตได้
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- สำหรับความคุ้มครองที่จะได้รับจากการทำประกันสุขภาพนี้ ก็ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายในกรณีที่แอดมิดที่โรงพยาบาล ซึ่งจะมีความคุ้มครองให้ตามแผนที่เลือก ซึ่งเริ่มต้นอยู่ที่ 3 ล้านบาทไปจนถึง 100 ล้านบาทต่อปี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้กับคุณกรณีที่ไม่ได้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเลือกแผนความคุ้มครองไหนก็ตามจะเบิกค่ารักษาพยาบาลในกรณีนี้ได้
- คุ้มครองค่ารักษาหากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็ง หรือโรคไต ซึ่งจะต้องทำการรักษาด้วยการล้างไต หรือรักษาโดยทำเคมีและรังสีบำบัด ประกันก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนนี้
- คุ้มครองค่าใช้จ่ายให้สำหรับคนที่ตั้งครรภ์ที่จะต้องดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอดลูก
- บริการเสริมสามารถตรวจสุขภาพประจำปีได้รวมถึงการฉีดวัคซีนหรือค่ารักษาในการทำฟัน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เลือกรักษากับแพทย์ทางเลือก เช่น ฝังเข็ม ไคโรแพคติก ซึ่งในการรักษานั้นจะต้องเป็นไปตามคำแนะนำจากแพทย์แผนปัจจุบัน
ความคุ้มครองที่จะได้รับจากประกันสุขภาพ iHealthy
- กรณีที่แอดมิดที่โรงพยาบาล
- คุณสามารถเบิกค่าห้องปกติ รวมถึงค่าอาหาร เริ่มต้นให้วันละ 5,200 – 21,000 บาท (ตามแผนความคุ้มครองที่เลือก)
- คุณสามารถเบิกค่าธรรมเนียมการรักษาพยาบาลในแต่ละครั้งได้ตามที่จ่ายจริงแต่จะต้องไม่เกินผลประโยชน์รวมต่อปีตามแผนความคุ้มครองที่กำหนด
- กรณีที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล
- คุ้มครองค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เป็นการรักษาพยาบาล ได้แก่ ค่ารักษาโรคมะเร็งด้วยทำเคมีบำบัดและค่ารังสีบำบัด,ค่ารักษาโรคไตด้วยการล้างไต,ค่าศัลยกรรมผู้ป่วยนอก ประกันจะจ่ายให้ตามจริงแต่ไม่เกินผลประโยชน์ต่อปีของแต่ละแผนความคุ้มครอง
- สามารถขอเบิกค่าที่ปรึกษาแพทย์และยากลับบ้าน,ค่าที่ปรึกษาแพทย์และยา,ยากลับบ้าน,ค่ากายภาพบำบัด และค่าเอ็กซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ รวมถึงค่าตรวจในห้องปฏิบัติการเอ็กซเรย์ อัลตร้าซาวด์ จะเบิกค่าบริการต่างๆเหล่านี้ได้เริ่มต้นอยู่ที่ 12,000 – 100,000 บาทต่อปี แต่ถ้าเลือกเป็นความคุ้มครองแผน Platinum จะเบิกได้สูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปี
- กรณีที่มีค่ารักษาอื่นๆ
- หากจำเป็นจะต้องใช้รถพยาบาลเพื่อเป็นเคลื่อนย้ายนั้น ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- หากจะต้องมีรักษาฟัน กรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือค่าศัลยกรรมในช่องปาก ประกันก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง
- กรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งท้องหรือหลังคลอด ประกันก็จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง
- ค่าหออภิบาลทารกแรกเกิด คุณสามารถเบิกได้ตามที่จ่ายจริง (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum และแผน Diamond)
- เบิกค่ารักษาพยาบาลในการตั้งท้องรวมถึงค่าคลอดบุตร จะเบิกได้ไม่เกิน 400,000 ต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum เท่านั้น)
- หากต้องการรักษากับแพทย์ทางเลือกนั้น จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตั้งแต่ 5,000 – 35,000 บาทต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum และแผน Diamond)
- หากต้องเข้ารับการรักษากับจิตเวช ก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เช่นกัน แต่จะต้องไม่เกิน 5,000 – 200,000 บาทต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum และแผน Diamond)
- หากมีการตรวจเพื่อทำการรักษาฟัน สามารถเบิกค่ารักษาได้เริ่มต้น 4,000 – 36,000 บาทต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum แผน Diamond และแผน Gold)
- ค่ารักษาพยาบาลในการรักษาสายตา จะเบิกได้ไม่เกิน 25,000 บาท (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum เท่านั้น)
- ค่าบริการในการตรวจสุขภาพประจำปี คุณสามารถเบิกได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum เท่านั้น)
- หากต้องมีการฉีดวัคซีน สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 45,000 บาทต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum เท่านั้น)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในช่วงที่ป่วยระยะสุดท้าย เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อปี (เฉพาะความคุ้มครองแผน Platinum เท่านั้น)
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ iHealthy จากกรุงไทย – แอกซ่า
- เริ่มสมัครทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป แต่จะต้องมีอายุไม่เกิน 80 ปี สามารถต่อความคุ้มครองสุขภาพได้ไปจนถึงอายุ 85 ปี แต่ถ้าเลือกสมัครแบบประกันคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ 60 ก็จะสมัครทำประกันได้ตั้งแต่อายุ 16 – 55 ปี และคุ้มครองไปจนถึงอายุ 60 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ iHealthy จากกรุงไทย – แอกซ่า
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม จากซิกน่า ประกันภัย
ประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม แค่ได้ยินชื่อประกันหลายคนก็คงจะรู้กันแล้วว่าคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกี่ยวกับโรคออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเป็นโรคยอดฮิตสำหรับคนที่ทำงานออฟฟิศ นอกจากนี้แล้วยังให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโรคอื่นๆ เช่น กลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน และกลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร หรือโรคกรดไหลย้อน เป็นต้น และที่สำคัญเบี้ยประกันภัยยังจ่ายถูกกว่าประกันสุขภาพอื่นๆ
จุดเด่นของประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
- จ่ายเบี้ยเพียงแค่เดือนละร้อยกว่าบาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริงทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
- ไม่ยกเลิกกรมธรรม์ แม้ว่าสมัครทำประกันสุขภาพแล้วจะตรวจพบเจอโรคร้ายแรง
แผนความคุ้มครองประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
- จะมีแผนความคุ้มครองให้เลือกด้วยกัน 3 แผน ดังนี้ แผน S แผน M และ แผน L แน่นอนว่าแต่ละแผนก็จะให้วงเงินคุ้มครองที่เพิ่มเติมเรื่อยๆตามขนาดของแผนความคุ้มครอง และยังมีแผนความคุ้มครองเสริมอื่นๆให้เลือกทำเพิ่มเติม หากต้องการความคุ้มครองอื่นๆ
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่โรคออฟฟิศซินโดรม ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ไม่ว่านอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็ตาม ซึ่งจะให้วงเงินอยู่ที่ 150,000 บาท , 200,000 บาท , 300,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน และกลุ่มโรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ไม่ว่านอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็ตาม ซึ่งจะให้วงเงินอยู่ที่ 100,000 บาท ไม่ว่าจะเลือกแผนไหนก็ตามจะได้วงเงินคุ้มครองที่เท่ากัน
คราวนี้เรามาต่อกันในส่วนของความคุ้มครองเสริมที่มีให้เลือกด้วยกันถึง 3 แผนเสริม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- คุ้มครองโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
- หากตรวจพบเจอโรคจะได้รับเงินก้อนเพื่อไว้ใช้ในการดำรงชีพ ซึ่งจะให้ 100,000 บาท , 200,000 บาท , 300,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- หากเข้ารับการรักษาก็จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตลอดระยะเวลาที่คุ้มครอง วงเงินอยู่ที่ 500,000 บาท , 800,000 บาท , 2,500,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- คุ้มครองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
- สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอก ซึ่งจะเบิกได้ 150,000 บาท , 200,000 บาท , 300,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
อัตราเบี้ยประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
- สำหรับแผนความคุ้มครองหลักนั้น จะแบ่งออกเป็น 3 แผน ดังนี้
- แผน S เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 608 บาทต่อเดือน
- แผน M เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 668 บาทต่อเดือน
- แผน L เบี้ยประกันภัยจะอยู่ที่ 741 บาทต่อเดือน
- สำหรับแผนความคุ้มครองเสริม ก็จะแบ่งออกเป็น 3 แผน เหมือนกับความคุ้มครองเลย
- หากเลือกความคุ้มครองโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
- แผน S จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 69 บาทต่อเดือน
- แผน M จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 113 บาทต่อเดือน
- แผน L จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 253 บาทต่อเดือน
- หากเลือกความคุ้มครองโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด
- แผน S จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 54 บาทต่อเดือน
- แผน M จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 88 บาทต่อเดือน
- แผน L จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 196 บาทต่อเดือน
- หากเลือกความคุ้มครองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
- แผน S จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 176 บาทต่อเดือน
- แผน M จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 234 บาทต่อเดือน
- แผน L จ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 305 บาทต่อเดือน
- หากเลือกความคุ้มครองโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
- สามารถทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่อายุ 20 – 60 ปี และต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 70 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะและโรคร้ายแรง จากซิกน่า ประกันภัย
ปัจจุบันนี้โรคมะเร็งไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ตาม เรามักจะได้ยินคนใกล้พูดกันเสมอว่า คนโน้นเป็นโรคมะเร็ง คนนี้เป็นโรคมะเร็ง แต่จะดีกว่าไหมถ้าคุณเลือกทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองโรคมะเร็ง เพราะค่ารักษาพยาบาลด้วยโรคนี้ก็ค่อนข้างสูง จะไปรักษาในแต่ละครั้งก็แพง แถมอีกอย่างสวัสดิการบางอย่างที่เรามีอยู่นั้นก็อาจจะไม่คุ้มครองให้ หรือให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ ทำให้เราจะต้องควักเงินในกระเป๋าจ่ายร่วมด้วย หากใครอยากมีประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคมะเร็งโดยเฉพาะแนะนำให้เลือก ประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะและโรคร้ายแรง นี้ได้เลย และจ่ายเบี้ยประกันภัยในราคาที่ถูก แต่คุ้มครองวงเงินที่สูง ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
จุดเด่นของประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะและโรคร้ายแรง
- จ่ายเบี้ยเริ่มต้นเพียงแค่ 281 บาทต่อเดือน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็งสูงถึง 3 ล้านบาท
- คุ้มครองทั้งโรคมะเร็ง โรคเนื้องอก ซีสต์ ด้วยวงเงินที่สูง
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่ได้รับ
กรณีที่เป็นโรคมะเร็งในช่วงระยะลุกลาม
- กรณีที่ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งในระยะลุกลามนั้น ประกันจะจ่ายเงินให้ก้อนหนึ่งเพื่อไว้ใช้จ่าย 100,000 บาท หรือ 200,000 บาท หรือ 500,000 บาท (ตามแผนคุ้มครองที่เลือก)
- ระหว่างระยะเวลาคุ้มครอง ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก โดยจะมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้อยู่ที่ 500,000 บาท หรือ 800,000 บาท หรือ 2,500,000 บาท (ตามแผนคุ้มครองที่เลือก)
กรณีที่เป็นโรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม, เนื้องอก, ซีสต์
- ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ในระหว่างที่คุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก โดยจะมีวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้อยู่ที่ 150,000 บาท หรือ 200,000 บาท หรือ 300,000 บาท (ตามแผนคุ้มครองที่เลือก)
ทั้งนี้ คุณยังสามารถซื้อความคุ้มครองอื่นๆเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน หรือโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งวงเงินคุ้มครองและเบี้ยประกันภัยก็จะเหมือนกับประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะและโรคร้ายแรง
- สนใจทำประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองโรคมะเร็งได้ตั้งแต่อายุ 20 – 60 ปี และต่อความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 70 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพมิติใหม่ คุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะและโรคร้ายแรง
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน จากธนาคารกสิกรไทย
ประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน อีกผลิตภัณฑ์ที่เราอยากจะแนะนำสำหรับใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพอยู่ไม่ว่าจะซื้อให้ตัวเอง หรือให้กับคุณพ่อคุณแม่ก็ตาม เพราะประกันสุขภาพนี้จะคุ้มครองทุกกรณีทั้งเรื่องเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุด้วยวงเงินค่ารักษาพยาบาลให้สูงถึง 500,000 บาท และเบี้ยประกันภัยก็ไม่แพงมากอีกด้วย แถมยังนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เราลองมาดูรายละเอียดในแต่ละแผนความคุ้มครองกันบ้างว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน
- ทำประกันสุขภาพได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
- สมัครก็ง่ายโดยที่ไม่ต้องตรวจสุขภาพก่อนสมัคร
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วยวงเงินที่สูงสุด 5 แสนบาท
- อุ่นใจทุกการรักษาจะนอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลประกันก็คุ้มครอง
- เบี้ยนำไปลดหย่อนภาษีได้ไม่ว่าจะซื้อให้กับตัวเองหรือให้คุณพ่อคุณแม่
ในส่วนของแผนความคุ้มครองสำหรับประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน นี้จะมีให้เลือกด้วยกัน 4 แผน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มที่ 1 คือ ความคุ้มครองแผน 1 และความคุ้มครองแผน 3 จะไม่ได้ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ความคุ้มครองแผน 2 และความคุ้มครองแผน 4 กลุ่มนี้จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมไม่ว่าการรักษาพยาบาลในแต่ละครั้งนั้นจะต้องนอนหรือไม่นอนโรงพยาบาลก็ตาม ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับของประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน
คุ้มครองหากต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในแต่ละครั้งของการรักษาได้ไม่เกิน 20,000 – 50,000 บาทต่อครั้ง และสูงสุดไม่เกิน 200,000 – 500,000 บาทต่อปี โดยวงเงินเหล่านี้ก็จะคุ้มครองในแต่ละรายการของการรักษาพยาบาล ดังนี้
- ค่าห้อง ค่าอาหาร หรือค่าบริการพยาบาล เบิกกับประกันได้วันละ 2,500 บาท แต่ถ้าจะต้องรักษาตัวที่ห้อง ไอ.ซี.ยู จะเบิกค่าห้องได้เพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า หรือเท่ากับวันละ 5,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาลในการรักษาต่อเนื่องหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วไม่เกิน 30 วัน ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่ายา รวมไปถึงค่าบริการต่างๆให้ตามจริงที่เรียกเก็บแต่ก็จะต้องไม่เกินวงเงินคุ้มครองของค่ารักษาพยาบาลในแต่ละแผน
- หากในการรักษานั้นจะต้องมีการผ่าตัด คุณสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมการแพทย์ หรือค่าธรรมเนียมศัลยแพทย์ และค่าธรรมเนียมวิสัญญีแพทย์ เป็นต้น ซึ่งประกันก็จะจ่ายให้ตามจริงแต่ไม่เกินวงเงินที่กำหนด
- สามารถเบิกค่าตรวจเยี่ยมของแพทย์ได้กับประกัน ซึ่งจะเบิกได้ตามจริงที่เรียกเก็บเลย
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีที่เจ็บป่วย หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ไม่เกิน 500 – 1,500 บาทต่อครั้ง และจะเบิกได้ไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี
- คุ้มครองกรณีที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุหรือต้องสูญเสียอวัยวะของร่างกาย หรือหากทำให้เป็นบุคคลทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงนั้น ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ 10,000 บาท
เบี้ยประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน
- กรณีที่สมัครทำประกันสุขภาพตอนที่อายุ 14 วัน – 6 ปี จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยตามแผนที่เลือก ดังนี้
- ความคุ้มครองแผน 1 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 9,200 บาท
- ความคุ้มครองแผน 2 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 14,000 บาท
- ความคุ้มครองแผน 3 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 21,000 บาท
- ความคุ้มครองแผน 4 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 35,200 บาท
- กรณีที่สมัครทำประกันสุขภาพตอนที่อายุ 7 – 20 ปี จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยตามแผนที่เลือก ดังนี้
- ความคุ้มครองแผน 1 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 3,600 บาท
- ความคุ้มครองแผน 2 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 5,600 บาท
- ความคุ้มครองแผน 3 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 8,200 บาท
- ความคุ้มครองแผน 4 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 14,000 บาท
- กรณีที่สมัครทำประกันสุขภาพตอนที่อายุ 21 – 40 ปี จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยตามแผนที่เลือก ดังนี้
- ความคุ้มครองแผน 1 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 4,100 บาท
- ความคุ้มครองแผน 2 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 6,200 บาท
- ความคุ้มครองแผน 3 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 7,800 บาท
- ความคุ้มครองแผน 4 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 15,700 บาท
- กรณีที่สมัครทำประกันสุขภาพตอนที่อายุ 41 – 60 ปี จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยตามแผนที่เลือก ดังนี้
- ความคุ้มครองแผน 1 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 5,100 บาท
- ความคุ้มครองแผน 2 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 8,600 บาท
- ความคุ้มครองแผน 3 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 12,000 บาท
- ความคุ้มครองแผน 4 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 22,800 บาท
- กรณีที่สมัครทำประกันสุขภาพตอนที่อายุ 61 – 70 ปี จะต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยตามแผนที่เลือก ดังนี้
- ความคุ้มครองแผน 1 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 7,600 บาท
- ความคุ้มครองแผน 2 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 11,600 บาท
- ความคุ้มครองแผน 3 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 18,400 บาท
- ความคุ้มครองแผน 4 เบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 30,600 บาท
จะสังเกตเห็นได้เลยว่า การคำนวณเบี้ยประกันภัยนั้น หากเลือกทำยังเด็กๆ กับช่วงที่อายุมากๆแล้วนั้น เบี้ยประกันภัยก็จะสูง แต่ถ้าทำประกันสุขภาพในส่วนอายุ 7 – 40 ปี เบี้ยประกันภัยก็จะไม่ค่อยแพงมากเท่าไร นั่นแสดงให้เห็นเลยว่า ความเสี่ยงเรื่องของสุขภาพนั้นมักจะเกิดขึ้นกับเด็กคนที่มีอายุมากๆนั่นเอง ส่วนวัยหนุ่มสาวนั้นก็มักจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าในช่วงอายุอื่นๆนั่นเอง
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน
- คุณสามารถทำประกันสุขภาพนี้ได้ตั้งแต่อายุ 14 วันขึ้นไปจนถึงอายุ 70 ปี และจะต้องมีได้เพียงแค่ 1 กรมธรรม์เท่านั้น
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ เฮลท์ โพรเทคชัน
- สำหรับใครที่สนใจอยากทำประกันสุขภาพนี้ก็เข้าไปสมัครได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาทั่วประเทศ
Credit : https://pixabay.com
ประกันสุขภาพ รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ (HC) จากไทยสมุทรประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ ที่สมัครง่ายที่สุดก็ว่าเลย แม้ว่ายังเคลมค่ารักษาพยาบาลก็ง่ายไม่ยุ่งยาก และยังสามารถเข้ารักษาได้กับโรงพยาบาลในเครือข่ายมากมายโดยที่ไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งจะคุ้มครองทุกการรักษาทุกโรคภัยที่เจ็บป่วย หรือในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนต้องเข้ารับการรักษานั้นก็ยังสามารถเบิกค่ารักษาได้อีกด้วย แม้ว่าคุณจะไม่มีประกันอุบัติเหตุก็ไม่ต้องกังวลใดๆเลย เพียงแค่มีประกันสุขภาพนี้ก็คุ้มครองได้หมดอย่างครอบคลุม และที่สำคัญเบี้ยประกันภัยที่จ่ายไปในแต่ละปีนั้น ให้นำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาทต่อปี
จุดเด่นของประกันสุขภาพ รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ (HC)
- เคลมง่ายไม่ยุ่งยาก
- ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล
- สามารถนำเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีเงินได้
- มีแผนความคุ้มครองให้เลือกมากมายด้วยกัน 6 แผน
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับในการรักษาพยาบาล
- กรณีที่เข้านอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล สามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร หรือค่าบริการพยาบาลได้ไม่เกินวันละ 600 – 5,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง) กรณีที่ค่าห้องสูงกว่าวงเงินที่คุ้มครองคุณก็จ่ายส่วนต่างได้
- กรณีที่เจ็บป่วยรุนแรงจนต้องนอนรักษาตัวที่ห้อง ไอ.ซี.ยู สามารถเบิกค่าห้องได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากห้องธรรมดา ซึ่งจะเบิกได้ 1,200 – 10,000 บาท (ตามแผนคุ้มครอง)
- กรณีที่มีรักษาพยาบาลอื่นๆ ในระหว่างที่รักษาตัวที่โรงพยาบาล สามารถเบิกกับประกันได้ไม่เกิน 9,000 – 45,000 บาทต่อการรักษาตัวในแต่ละครั้ง
- กรณีที่จะต้องมีการผ่าตัดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ คุณสามารถเบิกค่าผ่าตัดและค่าหัตถการ ประกันจะจ่ายให้ไม่เกิน 32,000 – 120,000 บาทต่อการผ่าตัดในแต่ละครั้ง
- สามารถเบิกค่าอุปกรณ์ในการผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าแพทย์วิสัญญี ประกันจะจ่ายให้ได้ไม่เกิน 3,200 – 12,000 บาทต่อการผ่าตัดในแต่ละครั้ง
- ระหว่างนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะต้องมีแพทย์มาตรวจเยี่ยมอาการเจ็บป่วยของคุณนั้น จะต้องเสียค่าแพทย์ซึ่งสามารถเบิกได้ไม่เกิน 350 – 1,000 บาทต่อวัน
- สามารถเบิกค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา และห้องตรวจปฏิบัติการผู้ป่วยนอก สามารถเบิกค่าห้องได้ไม่เกิน 3,000 – 8,000 บาท ซึ่งจะเบิกได้ทั้งก่อนและหลังที่จะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
- กรณีเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ไม่เกิน 2,000 – 10,000 บาทต่อครั้ง
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ (HC)
- เริ่มทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 64 ปี ซึ่งสามารถต่ออายุความคุ้มครองได้จนถึงอายุ 69 ปี แต่ความคุ้มครองนั้นจะอยู่จนถึงอายุ 70 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ รักจัดเต็ม สบายใจเรื่องค่ารักษา สัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ (HC)
- หากใครสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับประกันสุขภาพนี้หรือต้องการสมัครก็ติดต่อได้กับตัวแทนขายประกันของไทยสมุทรประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ ประกันได้หมด จากแมนูไลฟ์ ประกันชีวิต
ประกันสุขภาพ ประกันได้หมด ที่ให้ความคุ้มค่ามากสำหรับคนที่เลือกทำประกันสุขภาพนี้ ไม่ว่าคุณจะมีสุขภาพไม่ค่อยดี ก็เบิกค่ารักษาพยาบาลได้สูงสุดถึง 6 ล้านบาทต่อปี หรือใครก็ตามอยากมีประกันสุขภาพแต่ในช่วงปีนั้นสุขภาพดีไม่มีเคลมเลย ยังจะได้รีบส่วนลดของเบี้ยประกันภัยในปีถัดไปอีกด้วย ซึ่งส่วนลดนี้ก็ให้สูงถึง 30% กันไปเลย แต่ถ้าหากใครคิดว่าไม่มีเงินซื้อประกันสุขภาพ อาจจะเห็นว่าจ่ายเบี้ยสูง ก็หมดห่วงได้เลย เพราะคุณสามารถผ่อนจ่ายเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือนกับบัตรเครดิตได้ โดยที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยใดๆเลย ซึ่งผ่อนจ่ายได้สูงสุดถึง 10 เดือน แม้ว่าเบี้ยประกันจะเป็นเงินผ่อน ก็ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายอีกด้วย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ ประกันได้หมด
- จ่ายเบี้ยเพียงหลักหมื่นคุ้มครองชีวิตหลักแสน
- ผ่อนจ่ายเบี้ยประกันภัยได้ด้วยดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบครอบคลุมสูงถึง 6 ล้านบาท
- สุขภาพดี ไม่มีการเคลมประกันสุขภาพ รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูง 30%
- เบี้ยประกันสุขภาพที่จ่ายมานั้นสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
หากพูดถึงเรื่องความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็บอกเลยว่าคงจะไม่ค่อยแตกต่างกับประกันสุขภาพอื่นๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วก็จะให้ความคุ้มครองหลักๆเพียงไม่กี่ส่วน เช่นเดียวกับประกันสุขภาพ ประกันได้หมด ที่ให้ความคุ้มครองในกรณีที่แอดมิดที่โรงพยาบาลและคุ้มครองกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ลองมาดูรายละเอียดความคุ้มครองกันบ้างค่ะ
- คุ้มครองค่าห้องและค่าบริการพยาบาล ทั้งห้องปกติและห้องไอ.ซี.ยู จะเบิกได้ไม่เกิน 30 วัน
- หากเป็นห้องปกติ ประกันจะจ่ายให้วันละ 2,000 – 10,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนที่เลือก)
- หากเป็นห้อง ไอ.ซี.ยู ประกันจะจ่ายให้วันละ 4,000 – 20,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนที่เลือก)
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเรื่องสุขภาพแบบเหมาจ่าย ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรก็ตาม แต่จะเบิกได้เฉพาะกรณีที่เป็นผู้ป่วยในเท่านั้น และถ้าก่อนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนั้นมีความจำเป็นจะต้องมีการตรวจก่อนที่จะมารักษาตัวที่โรงพยาบาลก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เช่นกัน โดยจะให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายอยู่ที่ 3,000,000 – 6,000,000 บาทต่อปี
- คุ้มครองชีวิตในกรณีที่เสียชีวิตไม่ว่าจะสาเหตุใดก็ตาม ประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้กับทายาทหรือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ด้วยวงเงิน 50,000 – 2,000,000 บาท (ขึ้นอยู่แผนที่เลือก)
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ ประกันได้หมด
- สำหรับใครที่สนใจทำประกันสุขภาพนี้ก็สามารถทำได้เลย ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม ขอแค่อายุไม่เกิน 70 ปีก็พอแล้วค่ะ
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ ประกันได้หมด
ประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า จาก อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต
อุ่นใจเรื่องค่ารักษาพยาบาลด้วยการเลือกทำประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า ไม่ว่าคุณจะเจ็บป่วยหนัก หรือจะเจ็บเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงถึงปีละ 10 ล้านบาท นับว่าเป็นวงเงินค่ารักษาพยาบาลที่สูงมากเลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับค่ารักษาพยาบาลในปัจจุบันที่สูงมากขึ้นหากคุณเลือกเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่หรูๆ ค่ารักษาก็ย่อมสูงตามไปด้วย ฉะนั้นประกันจึงได้มีวงเงินคุ้มครองที่สูง นอกจากนี้แล้วคุณยังสามารถใช้ร่วมกับประกันสุขภาพอื่น หรือมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้ร่วมกัน จะทำให้คุณประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้อีก 30% ตามเงื่อนไขของบริษัทประกันชีวิตอีกด้วย และที่สำคัญเบี้ยที่จ่ายไปสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 15,000 บาท อีกด้วย
จุดเด่นของประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
- จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริง
- วงเงินคุ้มครองในการรักษาสูงสุด 10 ล้านบาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก
- หากจ่ายค่ารักษาร่วมกับประกันรับส่วนลด 30% ของเบี้ยประกันภัย
- เบี้ยประกันสุขภาพนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี
สำหรับแผนความคุ้มครองก็จะมีให้เลือกด้วยกัน 5 แผน 5 วงเงินคุ้มครอง ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของคุณว่ามีเท่าไร และต้องการความคุ้มครองในการรักษามากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะมีแผนความคุ้มครองดังนี้
- วงเงินคุ้มครองแผนที่ 1 จะอยู่ที่ 2,000,000 บาทต่อปี
- วงเงินคุ้มครองแผนที่ 2 จะอยู่ที่ 4,000,000 บาทต่อปี
- วงเงินคุ้มครองแผนที่ 3 จะอยู่ที่ 6,000,000 บาทต่อปี
- วงเงินคุ้มครองแผนที่ 4 จะอยู่ที่ 8,000,000 บาทต่อปี
- วงเงินคุ้มครองแผนที่ 5 จะอยู่ที่ 10,000,000 บาทต่อปี
ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่จะได้รับ
- ในการคุ้มครองนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือกรณีที่คุณจะต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล กับอีกกรณีหนึ่งก็คือ กรณีที่ไปรักษาแต่ไม่ได้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
กรณีที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ดังนี้
- คุ้มครองค่ารักษาในช่วงก่อน 30 วันที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
- หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ไม่ว่าจะเป็นค่าเอ็กซเรย์ หรือค่าห้องแล็บ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- คุ้มครองระหว่างที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
- สามารถเบิกค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการพยาบาลต่างได้วันละ 3,000 – 15,000 บาท
- หากจะต้องรักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนัก (ไอ.ซี.ยู) จะเบิกค่าห้องได้เพิ่มจากห้องผู้ป่วยปกติ 2 เท่า ก็จะเท่ากับว่าเบิกได้วันละ 6,000 – 30,000 บาท
- เบิกค่าแพทย์ในการตรวจเยี่ยมอาการ วันละ 2,000 – 10,000 บาท
- เบิกค่ายากลับบ้านได้ไม่เกิน 7 วัน จะเบิกได้อยู่ที่ 1,500 – 4,500 บาท
- เบิกค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ เช่น ค่ายา ค่าเอ็กซเรย์ ค่าห้องแล็บ ค่าทำกายภาพบำบัด ค่าผ่าตัด ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ และค่าใช้บริการรถพยาบาลฉุเกฉิน ประกันจะจ่ายให้ตามจริง
- คุ้มครองค่ารักษาในช่วง 60 วันที่ออกจากโรงพยาบาล
- จะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามจริงที่เกิดขึ้น
กรณีที่ไม่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล จะสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ดังนี้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่คุณได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมง โดยประกันจะจ่ายค่ารักษาให้ตามจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการผ่าตัดหรือหัตถการโดยที่คุณไม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งอาจจะเป็นเคสที่ผ่าตัดเล็กๆ โดยประกันจะจ่ายค่ารักษาให้ตามจริง
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในการล้างไต การทำเคมีบำบัด และการฉายแสง สำหรับคนที่เป็นโรคไตหรือมะเร็ง โดยประกันจะจ่ายค่ารักษาให้ตามจริง
ในการซื้อประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า คุณจะต้องซื้อประกันชีวิตหลักเสียก่อนแล้วจึงค่อยซื้อประกันสุขภาพนี้เพิ่มเติม นอกจากนี้แล้วเราอยากจะแนะนำสำหรับคนที่สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอยู่แล้วจะเหมาะมากสำหรับประกันสุขภาพนี้เพราะการที่คุณมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลอยู่แล้ว เวลาไปหาหมอรักษาคุณก็ใช้สวัสดิการเดิมที่อยู่จ่ายค่ารักษาในส่วนแรกไป และส่วนที่เกินก็ใช้เป็นประกันสุขภาพนี้ และที่เราแนะนำให้คนที่มีสวัสดิการเลือกแผนประกันสุขภาพนี้ก็เพราะ หากคุณมีส่วนร่วมในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยนั้นคุณจะต้องรับส่วนลดค่ารักษาพยาบาลสูงถึง 30% ของเบี้ยประกันภัย โดยเราได้นำอัตราค่าใช้จ่ายในส่วนแรกที่คุณจะต้องจ่ายมาให้ดูกันว่าในแต่ละแผนความคุ้มครองจะต้องจ่ายอยู่ที่เท่าไรจึงจะได้รับส่วนลดของอัตราเบี้ยประกันภัย ดังนี้
- กรณีที่คุณเลือกความคุ้มครองแผนที่ 1 คุณจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลร่วมกับประกันสุขภาพอยู่ที่ 17,500 บาทต่อปี
- กรณีที่คุณเลือกความคุ้มครองแผนที่ 2 คุณจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลร่วมกับประกันสุขภาพอยู่ที่ 25,000 บาทต่อปี
- กรณีที่คุณเลือกความคุ้มครองแผนที่ 3 คุณจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลร่วมกับประกันสุขภาพอยู่ที่ 35,000 บาทต่อปี
- กรณีที่คุณเลือกความคุ้มครองแผนที่ 4 คุณจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลร่วมกับประกันสุขภาพอยู่ที่ 40,000 บาทต่อปี
- กรณีที่คุณเลือกความคุ้มครองแผนที่ 5 คุณจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลร่วมกับประกันสุขภาพอยู่ที่ 45,000 บาท
คุณสมบัติของผู้สมัครทำประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
- สมัครทำประกันสุขภาพได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 70 ปี ต่ออายุได้ถึงอายุ 84 ปี โดยที่ประกันจะให้ความคุ้มครองจนถึงอายุ 85 ปี
ช่องทางในการสมัครประกันสุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า
แม้ว่าการทำประกันสุขภาพนั้นไม่ใช่จุดประสงค์ในการหาตัวช่วยเพื่อจะนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้ของเราในแต่ละปีนั้น เพียงแต่ว่าหากเราจะเลือกซื้อประกันสุขภาพสักกรมธรรม์หนึ่ง ก็อาจจะได้ทั้งความคุ้มครองที่คุ้มค่า เบี้ยประกันภัยไม่แพง และถ้าสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพนั้นมาลดหย่อนภาษีได้เหมือนประกันชีวิตก็คงจะดีไม่น้อย ฉะนั้นในเมื่อมีทางเลือกที่ดี ที่ทำให้เราได้รับประโยชน์หลายต่อคุณก็ไม่ควรจะพลาดนะคะ สำหรับที่มีประกันสุขภาพแล้วอยากจะมองหาประกันอื่นๆเข้ามาเสริม ไม่ว่าจะเป็นประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิตในรูปแบบเงินออม เพื่อที่จะได้มีเงินก้อนเมื่ออายุมากขึ้น หรือวางแผนหลังเกษียณด้วยการเลือกทำประกันชีวิตก็ได้เลย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คุณสามารถดูบทความที่เกี่ยวกับประกันภัยทุกประเภทได้ที่เว็บไซต์ iMoney.in.th ได้เลยเราได้รวบรวมพร้อมนำมาเปรียบเทียบ ชูจุดเด่นของแต่ละบริษัทประกันภัย เพื่อที่จะช่วยในการตัดสินใจก่อนที่จะเลือกทำประกันภัยนั้นเอง นอกจากเรื่องประกันภัยแล้ว iMoney ยังมีบทความอื่นๆที่เกี่ยวกับการเงินที่น่าสนใจอีกมากมายยังไงเพื่อนๆก็ลองแวะเข้ามาอ่าน มาแสดงความคิดเห็นกันได้เลย หรือใครอยากจะรู้ข้อมูลในส่วนไหนเพิ่มเติมก็บอกเราได้เลยค่ะ เพราะทุกเรื่องของการเงินคืองานของเรา