ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะ ต่อยอดธุรกิจของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็น การต่อเติม การค้าขาย หรือ ทำธุรกิจอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่การตกแต่งบ้านเพิ่มเติม เพื่อตามรอยความฝันที่จะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของคุณราบรื่น มีความสุข แน่นอนครับว่าปัจจัยหลักคือเรื่องเงินทุนนั่นเอง สำหรับเรื่องสำคัญแบบนี้ใครหลายๆคนก็คงกำลังที่จะหาช่องทางการกู้เงินก้อนใหญ่จากธนาคารกันอยู่ใช่ไหมล่ะครับ? สำหรับวันนี้คุณเองก็สามารถยื่นเรื่องกู้สินเชื่อนี้ ซึ่งเป็นสินเชื่อธนาคารกสิกรไทย ที่ดิน , บ้าน , ห้องชุด , อาคารพาณิชย์ หรือ ทาวน์เฮ้าส์ เพียงเพื่อนๆมีหลักทรัพย์เหล่านี้ ก็สามารถขอกู้เงินสินเชื่อก้อนโต เพื่อไปลงทุนได้ ตามที่ใจต้องการ
สินเชื่อ “บ้านช่วยได้” กสิกรไทย
การลงทุนต่อเติมเรื่องการก่อสร้าง หรือ การขยายธุรกิจ หรือ ที่อยู่อาศัย ปัจจัยใหญ่เลยก็คือเรื่องเงิน ที่อาจจะต้องใช้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน สำหรับเรื่องๆเด่นของ “สินเชื่อบ้านช่วยได้” จากธนาคารกสิกรไทย เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของ ขอได้ทั้งแบบเงินกู้ หรือว่าจะเป็น วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ก็ได้ อีกทั้งยังให้วงเงินสูง ผ่อนกันสบายๆสูงสุด 30 ปี อีกทั้งเรื่องดอกเบี้ยยังถูกอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเพียงแค่คุณเองมีหลักทรัพย์ที่ปลอดภาระหนี้แล้ว ก็สามารถยื่นเรื่องกู้ได้ทันที ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประเภทหลักทรัพย์ที่รองรับ
สิ่งแรกที่เป็นสิ่งค้ำประกันเงินกู้ก็คือ ประเภทหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ประเภท และมีเงื่อนไขที่สำคัญดังต่อไปนี้
- บ้านพร้อมที่ดิน
- ทาวน์เฮ้าส์
- อาคารพาณิชย์
- ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ราคาประเมินต่อหน่วยไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
- ที่ดินเปล่า
เงื่อนไขที่สำคัญของหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยหลักทรัพย์ข้างต้นนี้จะต้องเป็นการใช้เพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น มิใช่เพื่อการให้เช่า หรือ การพาณิชย์ โดยหลักประกันทั้งหมดจะต้องปลอดภาระหนี้ ไม่ติดจำนองกับสถาบันทางการเงินใดๆ ยกเว้นกรณีขอไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น ที่เป็นสินเชื่อประเภทเดียวกัน
ดอกเบี้ยของสินเชื่อ
สำหรับดอกเบี้ยนั้นจะแยกออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ ดอกเบี้ยเงินกู้ และ ดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- สำหรับเงินกู้ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 ปีแรก MRR-1.00% หลังจากนั้นสิ้นสุดสัญญา MRR-0.05%
- สำหรับกู้เบิกเงินเกินบัญชี อัตราดอกเบี้ย MRR+1.00% ต่อปี
ระยะเวลาผ่อนชำระ
สำหรับระยะเวลาในการผ่อนชำระก็จะแบ่งให้เข้าใจง่ายๆเป็น 2 ประเภทเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ แบบเงินกู้ และ เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
- สำหรับเงินกู้ จะสามารถผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 30 ปี ซึ่งมีเงื่อนไขว่า อายุผู้ก็ายๆเป็น ้เบิกเงินเกินบัญชีรเงินใดๆย?ล้ว ก็สามารถยื่นเรื่องกู้ได้ทันที ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การได้ งินจเมื่อรวมกับระยะเวลาผ่อนชำระแล้วนั้นต้องไม่เกิน 70 ปี
- วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ต่ออายุวงเงินต่อปี
วงเงินอนุมัติ
สำหรับเงินกู้ รวมถึง เงินกู้เบิกเกินบัญชี โดยวงเงินสินเชื่อทั้ง 2 ประเภทนี้รวมกัน สูงสุดไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักประกัน โดยกำหนดวงเงินสินเชื่อขั้นต่ำอยู่ที่ 1 แสนบาท โดยมีเงื่อนไขการอนุมัติวงเงินดังนี้
- วงเงินกู้ อนุมัติสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท
- วงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท
คุณสมบัติผู้สมัคร
- มีสัญชาติ อายุ 20 ปี
- รายได้ของผู้ขอกู้ ต้องมีรายได้รับสุทธิต่อเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป
- สำหรับผู้ที่กู้ร่วมผู้ขอกู้หลักและผู้กู้ร่วมทั้งหมด ต้องมีรายได้รับสุทธิต่อเดือนของแต่ละคนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป
- อายุงาน เรื่องอายุงานนั้นสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำต้องมีอายุงานปัจจุบันไม่น้อยกว่า 6 เดือน ส่วนผู้ที่มีธุรกิจส่วนตัว ต้องประกอบธุรกิจปัจจุบันมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
- คุณสมบัติอื่นๆที่ควรรู้ สำหรับการมีผู้กู้ร่วมนั้นจะมีได้ไม่เกิน 3 คน ต้องเป็นเครือญาติ ตามกฎหมาย สำหรับผู้กู้ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของหลักประกัน กรณีที่เจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกันไม่ได้ขอกู้ จะต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติโดยตรง ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก พี่น้อง คู่สมรส ซึ่งต้องจดทะเบียนกัน แต่กรณีที่ไม่จดทะเบียนนั้นจะต้องมีบุตร
เอกสารประกอบการสมัคร
สำหรับเอกสารประกอบการสมัครนั้น จะประกอบไปด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่ เอกสารทั่วไป , เอกสารทางการเงิน และ เอกสารหลักทรัพย์ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
เอกสารทั่วไป
-
- แบบฟอร์มใบสมัครสินเชื่อ รวมทั้งหนังสือให้ความยินยอม ที่มีผู้กู้ และ ผู้ขอกู้ร่วมได้กรอกรายละเอียดแล้วครบถ้วน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือจะเป็น สำเนาบัตรข้าราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะใช้ทั้งผู้กู้ รวมทั้งผู้กู้ร่วมด้วย
- สำเนาทะเบียนบ้าน ใช้ทุกหน้า
- ใช้สำเนาทะเบียนสมรส กรณีสมรสจดทะเบียน
- ใช้หนังสือยืนยันสถานภาพสมรสจากลูกค้า หรือ สำเนาทะเบียนบ้าน หรือ สูติบัตรของบุตร ในกรณีที่ไม่จดทะเบียนสมรส
- ใช้ใบสำคัญการหย่า ในกรณีที่เป็นหม้าย หรือ ใช้ใบมรณะบัตร
- ใบเปลี่ยนชื่อ- ชื่อสกุล (ถ้ามี) จะใช้ทั้งผู้กู้ร่วม และ ผู้กู้หลัก
เอกสารทางการเงิน
สำหรับเอกสารทางการเงินจะแบ่งแยกย่อยไปอีก กับ ผู้ที่มีรายได้ประจำ หรือ ผู้ประกอบธุรกิจอื่นๆ ซึ่งแบ่งได้ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีรายได้ประจำ
- ใช้สลิปเงินเดือน 1 เดือนล่าสุด หรือว่า หนังสือรับรองเงินเดือน อายุไม่เกิน 3 เดือน , สลิปโบนัส
- ใช้เอกสารแสดงการเดินบัญชี ย้อนหลัง 6 เดือน (Statement 6 เดือน)
- ผู้ที่เป็นข้าราชการบำนาญ
- ใช้ใบแนบหนังสือสั่งจ่าย และ แสดงเอกสารการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (Statement 6 เดือน) แต่ในกรณีที่ผู้สมัครมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ ต้องแนบเอกสารเพิ่มเติมก็คือ เอกสารการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน หรือ 50 ทวิ แสดงรายได้ในช่วง 6 เดือนย้อนหลังเป็นอย่างน้อย
- ผู้ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือ อ้างอิงรายได้จากกิจการ
- ใช้เอกสารแสดงการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (Statement 6 เดือน) ในนามส่วนบุคคล หรือ กิจการ
- ใช้เอกสารแสดงรายรับทางการเงินอื่นๆ
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- เอกสารการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน หรือ 50 ทวิ แสดงรายได้ในช่วง 6 เดือนย้อนหลังเป็นอย่างน้อย
- ใช้เอกสารแสดงรายรับทางการเงินอื่นๆ
เอกสารของหลักทรัพย์
- ใช้สำเนาโฉนดที่ดิน / นส.3 / นส.3ก หรือ หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ พร้อมสารบัญจดทะเบียนทุกหน้า
- สำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน (ทด.13)
ค่าธรรมเนียม และ ค่าใช้จ่ายในการสมัครสินเชื่อ
สำหรับการสมัครสินเชื่อ “บ้านช่วยได้” นั้น จะมีค่าใช้จ่าย และ ค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
- 3,000 บาท ต่อราย สำหรับ ค่าประเมินราคาหลักประกันรายย่อย
- ลูกค้าต้องทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อบ้าน โดยมีทุนประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้านตั้งแต่ 70% ขึ้นไปของวงเงินสินเชื่อบ้าน และ เลือกระยะเวลาคุ้มครองเต็มระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ หรือว่ามีทุนประกันคุ้มครองเต็มวงเงินสินเชื่อบ้าน ซึ่งเลือกระยะเวลาคุ้มครองไม่น้อยกว่า 70% ของระยะเวลาชำระคืนเงินกู้
ช่องทางการสมัครสินเชื่อ “บ้านช่วยได้” สมัครได้ที่ไหน ?
สำหรับการยื่นขอสินเชื่อนี้ เพื่อนๆสามารถกดสนใจสมัครสินเชื่อได้ใน แอพพลิเคชั่น K PLUS โดยเป็นแอพของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับท่านเป็นการส่วนตัวโดยการโทรเข้ามือถือเลย อีกช่องทางหนึ่งคือการยื่นสมัครได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาใกล้บ้าน ได้ทุกสาขา เตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อม แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย
ช่องทางการชำระสินเชื่อ
ในปัจจุบันนี้เพื่อนๆสามารจ่ายบิลผ่าน แอพพลิเคชั่น K PLUS ได้แล้ววันนี้ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง สแกนผ่าน QR CODE ชำระได้ทันที ส่วนอีกช่องทางสามารถชำระผ่านธนาคารกสิกรไทยได้ทุกสาขา รวมทั้ง เคาน์เตอร์เซอร์วิสด้วย แต่ถ้าหากว่าแนะนำจริงๆ ให้เพื่อนๆจ่ายผ่านทางธนาคารกสิกรไทยจะดีกว่า เพราะจะได้หลักฐานการชำระเงินที่ชัดเจนกว่า และ ไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม
แน่นอนว่าการลงทุนต่างๆ รวมทั้งการต่อเติมบ้าน หรือ การขยายธุรกิจ จะต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนครับว่า “สินเชื่อบ้านช่วยได้” เป็นอีกช่องทางหนึ่งสำหรับผู้ที่มีหลักทรัพย์ ปลดภาระหนี้ สามารถยื่นเป็นหลักประกันในการขอกู้ได้ สำหรับในบทความนี้ก็ได้รวบรวมรายละเอียดของ สินเชื่อผลิตภัณฑ์นี้ เอาไว้แล้ว ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สำคัญมากมาย ถ้าหากว่าคุณมองหาสินเชื่อที่คุณเอง ไม่ต้องเป็นเจ้าของหลักประกัน อีกทั้งยังขอได้ทั้งเงินกู้ หรือ วงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี แถมยังให้วงเงินสูง ผ่อนสบายๆยาวๆถึง 30 ปี ต้อง สินเชื่อ ”บ้านช่วยได้” ของกสิกรไทย