รีไฟแนนซ์ธนาคาร UOB – “รีไฟแนนซ์บ้าน” แค่เรียกชื่อนี้มาบางคนก็ร้องอ๋อ บางคนก็ทำหน้างง ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แล้วการรีไฟแนนซ์ดีอย่างไร ต้องอธิบายให้เข้าใจแบบง่ายๆก่อนเลยว่า สินเชื่อบ้านส่วนใหญ่แล้วธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นส่วนลดดอกเบี้ยให้ในช่วง 3 ปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นไปแล้วอัตราดอกเบี้ยก็จะปรับสูงขึ้น ทำให้ยอดเงินที่เคยผ่อนค่างวดสินเชื่อบ้านอยู่ที่ 5,000 บาท ก็อาจจะกลายเป็น 8,000 – 10,000 บาท จนทำให้บางคนอาจจะมีเงินไม่พอใช้ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินบ้าง หรือบางคนก็กดเงินสดจากบัตรเครดิตมาจ่ายบ้าง ซึ่งวิธีเหล่านี้อาจจะไม่ถูกต้องสักทีเดียว แม้ว่าจะสามารถนำเงินมาจ่ายได้ก็ตาม แต่สิ่งที่ตามมาก็ดอกเบี้ยที่สูง นานวันเข้าจากหนี้ก้อนเล็กๆก็จะนำไปสู่หนี้ก้อนใหญ่ หากใครที่กำลังประสบอยู่ในสภาวะดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแพงนั้น แนะนำให้ลองรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ดู เพราะเดี๋ยวนี้การแข่งขันค่อนข้างสูง หลายธนาคารก็มักจะมีโปรโมชั่นดอกเบี้ยถูกพิเศษ บางธนาคารก็ให้ฟรีดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือนบ้างก็มี หรือบางธนาคารก็มาพร้อมกับโปรโมชั่นฟรีค่าจดจำนอง ค่าดำเนินการต่างๆ รวมไปถึงฟรีค่าเบี้ยประกันภัยอัคคีภัยก็ยังมี ฉะนั้นใครที่คิดจะรีไฟแนนซ์บ้านย้ายธนาคารลองมารีไฟแนนซ์บ้านกับสินเชื่อ ยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์ ของธนาคาร UOB กันดู เพราะมีทางเลือกดอกเบี้ยให้เลือกมากมายหลากหลาย ให้วงเงินอนุมัติก็สูงสามารถขอได้ทั้งเท่ากับยอดหนี้เดิมหรือจะขอวงเงินเพิ่มเติมก็ยังได้ สมัครก็ง่าย อนุมัติก็เร็วใช้เพียงแค่ 3 วันเท่านั้นรู้ผลทันที งั้นลองมาดูรายละเอียด เงื่อนไข คุณสมบัติว่าใครบ้างที่สามารถขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคาร UOB ได้บ้าง มาดูกันเลย
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคาร UOB อัพเดทล่าสุด 2563
ชื่อสินเชื่อ |
จุดเด่น | เงื่อนไขการกู้ | ประเภทของสินเชื่อ | ดอกเบี้ย |
สินเชื่อ ยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
|
สมัครง่าย อนุมัติไว ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วัน ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนสบายนาน 30 ปี | ผู้ยื่นรีไฟแนนซ์จะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป มีรายได้ตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และสมัครได้ทุกอาชีพไม่ว่าจะทำงานประจำหรืออาชีพอิสระ | บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม |
ดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ร้อยละ 2.99 ต่อปี |
credit :https://pixabay.com
สินเชื่อ ยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
สินเชื่อ ยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์ ที่มาพร้อมกับดอกเบี้ยสุดพิเศษด้วยอัตราเพียง 3.99% ต่อปี ไม่ว่าบ้านของคุณจะผ่อนหมดแล้วหรือกำลังผ่อนกับสถาบันการเงินอื่นอยู่ก็ตาม สามารถย้ายมารีไฟแนนซ์กับธนาคาร UOB ได้เลย พร้อมให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน หรือวงเงินสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท นับว่าเป็นวงเงินที่สูงมากเลยทีเดียว นอกจากจะกู้เงินไปโปะหนี้เดิมแล้วยังสามารถขอกู้เงินเพิ่มเติมได้อีก สามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามที่ต้องการ ทั้งดอกเบี้ยก็ต่ำ วงเงินกู้ก็สูง แถมยังผ่อนจ่ายได้สบายนานถึง 30 ปี และถ้ากังวลว่าจะกู้คนเดียวได้วงเงินน้อย หรือกลัวไม่ผ่าน สามารถยื่นขอกู้ร่วมกับคู่สมรส พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องก็ได้เช่นกัน เราลองมาดูรายละเอียด เงื่อนไขในการสมัครเพื่อรีไฟแนนซ์บ้านกันเลยค่ะ
จุดเด่นของสินเชื่อ ยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
- กู้ง่าย อนุมัติด่วน เพียง 3 วันรู้ผล
- จ่ายน้อย ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี
- บ้านที่อยู่ระหว่างการผ่อนก็ขอกู้ได้
- รับดอกเบี้ยพิเศษเพียงแค่ร้อยละ 3.99 ต่อปี
- บ้านที่มีภาระผ่อนกับสถาการเงินอื่นอยู่ก็ขอกู้ได้
วงเงินการปล่อยกู้ของสินเชื่อ ยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
ธนาคารจะให้วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 100% จากราคาประเมินของหลักประกัน ซึ่งวงเงินในการอนุมัตินั้นก็จะให้แต่ละพื้นที่ไม่เท่ากันซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์นั้นอยู่ในพื้นที่ใด เช่น หากอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ก็มีโอกาสได้รับวงเงินกู้สูงสุดถึง 100% จากราคาประเมิน แต่ถ้าหลักประกันอยู่ในเขตต่างจังหวัด วงเงินที่ได้รับก็จะลดหย่อนลงมาอีกหน่อยสูงสุดอยู่ที่ 85 – 90% จากราคาประเมิน นอกจากนี้แล้ววงเงินก็ยังแบ่งไปตามประเภทของหลักประกันอีกด้วย ดังนี้
- กรณีที่หลักประกันประเภท บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ จะได้รับวงเงินกู้ ดังนี้
- เขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ธนาคารจะให้วงเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน
- เขตต่างจังหวัด ธนาคารจะให้วงเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์สูงสุดไม่เกิน 85 – 90% ของราคาประเมิน
- กรณีที่หลักประกันประเภท คอนโดมิเนียม จะได้รับวงเงินกู้ ดังนี้
- เขตพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ธนาคารจะให้วงเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน
- เขตต่างจังหวัด ธนาคารจะให้วงเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์สูงสุดไม่เกิน 80 – 90% ของราคาประเมิน
ทั้งนี้ การปล่อยวงเงินกู้ในการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะประเมินจากหลักประกัน แล้วก็พิจารณายอดหนี้คงค้างกับสถาบันการเงินเดิมว่ามีหนี้เหลืออยู่เท่าไร เพียงพอต่อการประเมินของหลักประกันหรือไม่ หากถ้าประเมินแล้ววงเงินที่ได้รับน้อยกว่ายอดหนี้เดิมก็ไม่สามารถยื่นขอรีไฟแนนซ์ได้ แต่ถ้าวงเงินประเมินหลักประกันสูงกว่ายอดหนี้เดิมก็สามารถรีไฟแนนซ์ได้ และก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะขอกู้วงเงินที่เป็นส่วนเกินหรือไม่ หรือว่าจะกู้เฉพาะแค่ในส่วนที่เป็นหนี้เท่านั้น
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
โดยส่วนมากแล้วในการขอสินเชื่อบ้านหรือรีไฟแนนซ์บ้านนั้น ธนาคารส่วนมากมักจะเสนอให้คุณได้เลยทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพื่อที่จะได้นำเงินจากประกันมาใช้หนี้บ้านทำให้บ้านยังคงเป็นของคุณ และอีกอย่างการเลือกทำประกันชีวิตนั้นก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูก แต่ทั้งนี้ สำหรับใครที่คิดว่าไม่จำเป็น ไม่อยากทำประกันชีวิตก็สามารถเลือกได้เช่นกันว่าจะไม่ทำประกันชีวิต โดยอัตราดอกเบี้ยของการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นก็จะแยกออกเป็นดอกเบี้ยสำหรับคนที่เลือกทำประกันชีวิตกับคนที่ไม่เลือกทำประกันชีวิต เรามาลองดูรายละเอียดกันเลยค่ะ
กรณีที่รีไฟแนนซ์บ้านไม่ขอวงเงินกู้เพิ่มเติม
- กรณีที่ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ทางเลือก ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1 (ดอกเบี้ยของ MRR = 7.75)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 3 ปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2.99 ต่อปี
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.00 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.75 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 2.99 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาในการรีไฟแนนซ์บ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 4.65 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2 (ดอกเบี้ยของ MRR = 7.75)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2 ปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านในช่วงปีที่ 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 4.30 ต่อปี
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.00 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.75 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 3.10 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาในการรีไฟแนนซ์บ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 4.66 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 1 (ดอกเบี้ยของ MRR = 7.75)
สำหรับใครที่เลือกทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อนั้นก็จะมีดอกเบี้ยให้เลือกด้วยกัน 2 ทางเลือก ซึ่งจะต้องบอกเลยว่าทางเลือกที่ 1 กับทางเลือกที่ 2 แตกต่างกันที่ว่า ทางเลือกที่ให้ดอกเบี้ยคงที่นาน 3 ปี ฉะนั้นจะทำให้รู้ได้แน่นอนเลยว่าจะต้องเสียดอกเบี้ยเท่าไร สามารถนำมาเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยของปัจจุบันที่เป็นอยู่ หรือเปรียบเทียบกับธนาคารอื่น หรือจะเลือกทางเลือกที่ 2 ก็จะให้ดอกเบี้ยคงที่ในช่วง 2 ปีแรก พอเข้าปีที่ 3 ก็จะเป็นดอกเบี้ยคงที่แต่จะเพิ่มขึ้นจาก 2 ปีแรก ซึ่งถ้าจะให้เราแนะนำบอกได้เลยว่าควรจะเลือกดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 น่าจะคุ้มกว่าการเลือกทางเลือกที่ 2
- กรณีที่ไม่ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ทางเลือก ดังนี้
- ทางเลือกที่ 1 (ดอกเบี้ยของ MRR = 7.75)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 3 ปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 3.15 ต่อปี
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.00 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.75 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 3.15 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาในการรีไฟแนนซ์บ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 4.71 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 2 (ดอกเบี้ยของ MRR = 7.75)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2 ปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 2.65 ต่อปี
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านในช่วงปีที่ 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ 4.45 ต่อปี
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.00 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.75 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาในการรีไฟแนนซ์บ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 4.73 ต่อปี
- ทางเลือกที่ 1 (ดอกเบี้ยของ MRR = 7.75)
สำหรับคนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อ เพราะอาจจะมองว่าไม่คุ้ม ก็จะมีดอกเบี้ยให้เลือก 2 ทางเลือกเช่นกัน จากทั้ง 2 ทางเลือกนี้ เราขอแนะนำเป็นทางเลือกที่ 1 ก็น่าจะคุ้มค่า เพราะหากมองเปรียบเทียบดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 แรกนั้น ดอกเบี้ยทางเลือกที่ 1 ถูกกว่า แม้ว่าจะไม่มากก็ตาม แต่เราต้องมองว่าจุดประสงค์ของการรีไฟแนนซ์ก็เพื่อจะหาดอกเบี้ยถูกนั่นเอง
กรณีที่รีไฟแนนซ์บ้านขอกู้วงเงินเพิ่มเติม
- กรณีที่ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2 ปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.50 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.25 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 1.75 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.00 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 5.50 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาในการรีไฟแนนซ์บ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 5.79 ต่อปี
- กรณีที่ไม่ทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2 ปีแรก ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 2.35 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 5.40 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านในช่วงปีที่ 3 ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 1.60 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.15 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไป ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอยู่ที่ร้อยละ MRR – 1.75 ต่อปี หรือเท่ากับร้อยละ 6.00 ต่อปี (อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามดอกเบี้ย MRR)
- อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 5.65 ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาในการรีไฟแนนซ์บ้านจะอยู่ที่ร้อยละ 5.85 ต่อปี
จากอัตราดอกเบี้ยจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการเลือกทำประกันชีวิตได้รับดอกเบี้ยถูกกว่ากันหลายบาทเลย แต่จะทำประกันชีวิตได้ก็ต่อเมื่อจะต้องมีระยะเวลการผ่อนไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป และถ้าทุนประกันต่ำกว่า 80% ของวงเงินกู้ คุณจะต้องทำประกันให้มีระยะเวลาเอาประกันภัยตามระยะเวลาเงินกู้
ระยะเวลาในการผ่อนชำระของสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
- ระยะเวลาการผ่อนจ่ายค่างวดนั้นสามารถเลือกได้ตามที่ต้องการ อยากจ่ายมากระยะเวลาก็สั้น ถ้าจ่ายน้อยผ่อนสบาย ระยะเวลาการผ่อนก็จะนานสักหน่อย แต่ยังไงก็ตามระยะเวลาการผ่อนจะได้นานสุดไม่เกิน 30 ปี ทั้งก็จะต้องขึ้นอยู่กับอายุควบคู่ไปกับอาชีพของผู้สมัคร เช่น กรณีที่ผู้สมัครมีรายได้ประจำ ก็จะให้กู้รวมอายุกับระยะเวลาการผ่อนไม่เกิน 70 ปี แต่ถ้าประกอบธุรกิจส่วนตัว ก็จะให้กู้รวมอายุกับระยะเวลาการผ่อนได้ไม่เกิน 75 ปี
ใครบ้างที่สามารถขอยื่นรีไฟแนนซ์บ้านกับสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
- สมัครได้เฉพาะบุคคลธรรมดาไม่ว่าจะประกอบอาชีพใด
- ผู้สมัครจะต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้นจึงจะสามารถยื่นรีไฟแนนซ์ได้
- ผู้สมัครจะต้องมีรายได้ หรือฐานเงินเดือน ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
- เงื่อนไขในการสมัครของผู้ยื่นรีไฟแนนซ์ตามอาชีพ ดังนี้
- กรณีที่มีรายประจำที่แน่นอน (ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ/พนักเอกชน)
- ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และเมื่อนำอายุรวมกับระยะเวลาการผ่อนจะต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี
- สำหรับอายุในการทำงานจะต้องทำงานที่ปัจจุบันหรือที่เดิมไม่น้อยกว่า 2 ปี ในกรณีที่นับรวมกัน ที่ทำงานใหม่จะต้องผ่านการทดลองงาน
- กรณีที่ประกอบกิจการ หรือ มีอาชีพอิสระ
- ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และเมื่อนำอายุรวมกับระยะเวลาการผ่อนจะต้องมีอายุไม่เกิน 75 ปี
- ธุรกิจหรือกิจการที่ดำเนินการจะต้องมีอายุอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป
- กรณีที่มีรายประจำที่แน่นอน (ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ/พนักเอกชน)
เอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
สำหรับเอกสารที่จะต้องใช้ในการยื่นรีไฟแนนซ์บ้านนั้นก็จะเป็นเอกสารโดยทั่วไปเหมือนกับการขอสินเชื่ออื่นๆ ซึ่งจะต้องมีทั้งเอกสารที่แสดงถึงตัวบุคคล เอกสารแสดงที่มาของรายได้ แต่ถ้าในกรณีที่รีไฟแนนซ์บ้านจะต้องมีเอกสารด้านหลักประกันเพิ่มเติมเข้ามาอีก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เอกสารแสดงตัวบุคคล
- บัตรประชาชนของผู้ยื่นรีไฟแนนซ์ (กรณีที่ผู้กู้ร่วมก็จะต้องใช้ของผู้กู้ร่วมด้วย)
- ทะเบียนบ้าน (กรณีที่ผู้กู้ร่วมก็จะต้องใช้ของผู้กู้ร่วมด้วย)
- ใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (กรณีที่มีการเปลี่ยนจะต้องแนบเอกสารจากทางราชการ)
- ทะเบียนสมรส หรือ ใบสำคัญการหย่า (กรณีที่มีการสมรสหรือเลิกรา)
- เอกสารแสดงที่มาของรายได้
- สลิปเงินเดือน จะต้องใช้เดือนล่าสุด แต่ถ้าไม่มีสามารถใช้เป็นหนังสือรับรองเงินเดือน ซึ่งจะต้องระบุฐานเงินเดือน ตำแหน่งงาน และใช้เอกสารที่เป็นต้นฉบับเท่านั้น
- บัญชีเงินฝากธนาคารที่มีรายได้เข้า ย้อนหลัง 6 เดือน
- กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือทำอาชีพอิสระ จะต้องแนบเอกสารอื่นเพิ่มเติม
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า
- สำเนาหนังสือรับรองจากกระทรวงพาณิชย์
- สำเนาหนังสือบริคณห์สนธิ
- เอกสารของหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์
- สัญญาซื้อขายที่ดิน (ทด.13)
- สัญญาเงินกู้และสัญญาจำนอง
- ใบเสร็จย้อนหลัง 12 เดือน ที่จ่ายค่างวดกับสถาบันการเงินเดิม
ช่องทางการชำระค่างวดสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
- จ่ายผ่านชำระผ่านเคาน์เตอร์บริการของของธนาคารยูโอบีทุกสาขาทั่วประเทศ
- จ่ายผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) หรือ เครื่องฝากเงินอัตโนมัติ (CDM) ของธนาคารยูโอบี
- จ่ายผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งเป็นบริการธนาคารทางโทรศัพท์ของธนาคารยูโอบี
- จ่ายผ่านระบบยูโอบีอินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้งของธนาคาร
- จ่ายผ่านธนาคารพาณิชย์ต่างๆทั่วประเทศ
- จ่ายผ่านจุดบริการต่างๆ เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส เทสโก้โลตัส บิ๊กซี เป็นต้น
สนใจสมัครสินเชื่อยูโอบี โฮมโลน รีไฟแนนซ์
- ใครที่อยากจะย้ายมารีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารยูโอบีก็สามารถสมัครได้กันหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการสมัครด้วยตัวเอง เพียงแค่ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของธนาคารทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจะสมัครทางเว็บไซต์ คลิกที่นี่
จริงอยู่ว่าการรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกที่หลายคนมักจะเลือกกันมากในยามที่เดือดร้อนเงิน มีความจำเป็นต้องการใช้เงิน แต่อย่างที่เคยบอกไว้หลายต่อหลายครั้งว่า ทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอทั้งด้านที่ดีและด้านที่ไม่ดี ถ้าสำหรับใครกำลังผ่อนบ้านแล้วเริ่มก้าวผ่านหลังจากปีที่ 3 ไปแล้วนั้นต้องบอกเลยว่าดอกเบี้ยจะมีปรับสูงขึ้นตามมาด้วยยอดเงินที่ผ่อนต่อเดือนก็สูงขึ้น จะดีกว่าไหมถ้ารีไฟแนนซ์ย้ายไปธนาคารอื่นแล้วได้รับดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ไม่ต้องจ่ายรายเดือนที่สูงขนาดนั้น ทำให้มีเงินเหลือใช้สามารถนำเงินนั้นไปต่อยอดให้ออกดอกเกิดผลได้อีกด้วย แต่ถ้าใครเลือกรีไฟแนนซ์ไปผิดธนาคาร ได้ดอกเบี้ยที่ถูกจริงแต่ถูกได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น แถมตอนที่รีไฟแนนซ์บ้านก็ยังจะต้องจ่ายค่าโน้นนี้นั้นจิปาถะมากมาย ฉะนั้นก่อนที่จะรีไฟแนนซ์บ้านหรืออะไรก็ตามที่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ควรที่จะต้องศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน หาข้อมูลหลายๆธนาคารมาเปรียบเทียบ เพราะสมัยนี้การแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้หลายธนาคารจัดโปรโมชั่นส่วนลดส่วนแถมมากมาย ซึ่งเพื่อนๆสามารถหาข้อมูลในการเปรียบเทียบต่างๆได้จากเว็บไซต์ iMoney.in.th ได้เลยค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคาร UOB www.uob.co.th