รีไฟแนนซ์บ้านทิสโก้ – รีไฟแนนซ์บ้านดีอย่างไร บางคนอาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมหลายคนที่ผ่อนบ้านมาสักระยะหนึ่งแล้วเลือกที่จะรีไฟแนนซ์เพราะอะไร หรือเพียงแค่ว่าต้องการใช้เงินก้อนเท่านั้น ก่อนอื่นเลยใครที่สนใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า การรีไฟแนนซ์บ้านนั้นจะช่วยทำให้ลดดอกเบี้ยจากที่จ่ายแพงก็ทำให้จ่ายค่าดอกเบี้ยถูกลง ยอดเงินที่ผ่อนก็ลดลง ช่วยยืดระยะการผ่อนได้นานขึ้น เพราะจากสัญญาเดิมให้ผ่อน 30 ปี แล้วผ่อนไปแล้ว เมื่อย้ายมารีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ก็มีระยะเวลาการผ่อนได้อีก 30 ปี นอกจากนี้แล้วการรีไฟแนนซ์ยังช่วยทำให้ขอกู้เงินเพิ่มเติมได้อีก เพราะถ้าเปรียบเทียบดอกเบี้ยระหว่างรีไฟแนนซ์บ้านกับดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล ค่อนข้างแตกต่างกันมาก จากที่เราได้กล่าวมานั้นอาจจะทำให้ใครหลายคนเริ่มสนใจที่อยากจะรีไฟแนนซ์บ้านกันบ้างแล้ว เพราะไม่อยากมานั่งจ่ายดอกเบี้ยที่แพง แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าแม้ว่ารีไฟแนนซ์จะมีข้อดีมากมาย ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย เพราะข้อเสียก็คือ จะทำให้คุณเป็นหนี้นานขึ้น และถ้ารีไฟแนนซ์ก่อนกำหนดก็ต้องจ่ายค่าปรับให้กับธนาคารเดิมอีก จากบทความหลายครั้งเราก็ได้เคยรวบรวมผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์ของสถาบันการเงินต่างๆไว้ที่ iMoney มากมาย และวันนี้เราจะคุณมาทำความรู้จักกับ สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน กับ ธนาคารทิสโก้ ไว้ให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน จะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามอ่านกันได้เลยค่ะ
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารทิสโก้ อัพเดทล่าสุด 2563
ชื่อสินเชื่อ |
จุดเด่น | เงื่อนไขการกู้ | ประเภทของสินเชื่อ | ดอกเบี้ย |
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
|
วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ อิสระในการจ่าย ขอเบิกเงินเกินมาใช้ได้อีก และผ่อนจ่ายได้นานสบาย 30 ปี | ผู้สมัครจะต้องมีอายุ 21 – 60 ปี ถ้าพนักงานประจำ จะต้องมีอายุการทำงาน 1 ปีขึ้นไป แต่ถ้าทำธุรกิจส่วนตัว จะต้องทำธุรกิจมากกว่า 3 ปีขึ้นไป | บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ อาคารพาณิชย์ ตึกแถว และคอนโดมิเนียม |
อัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
|
credit : https://pixabay.com
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารทิสโก้ ที่เปิดโอกาสให้สำหรับคนที่กำลังผ่อนบ้านต้องเจอกับดอกเบี้ยที่แพง เพียงแค่ย้ายมารีไฟแนนซ์บ้านเราธนาคาร ก็จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้มากเกือบหนึ่งจากเดิมเลย ทำให้มีเงินไว้ใช้จ่ายหมุนเวียนมากขึ้น ให้วงเงินกู้แบบเต็มจำหนวนยอดหนี้เดิมเลย พ่วงด้วยวงเงินเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องการใช้เงินสด และที่สำคัญอยากจะโปะหนี้เมื่อไรก็สามารถทำได้เลย จ่ายค่างวดมากกว่าที่กำหนด เดือนไหนมีงบมากก็จ่ายมาก เดือนเงินช็อตก็เบิกเงินส่วนที่เคยจ่ายเคยไปได้อีกด้วย ยิ่งมากคืนมากเท่าไรดอกเบี้ยก็ยิ่งลดมากเท่านั้น และทั้งหมดนี้ธนาคารให้คุณผ่อนจ่ายแบบสบายนานสูงสุด 30 ปี ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะน่าสนใจแค่ไหน และถ้าสนใจอยากจะย้ายมารีไฟแนนซ์บ้างต้องทำไงนั้น มาติดตามอ่านกันเลยค่ะ
จุดเด่นของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
- ช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่จ่ายแพง
- ฟรีค่าธรรมเนียมในการจัดการสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
- อนุมัติเงินกู้เพื่อรีไฟแนนซ์สูงถึง 95% ราคาประเมิน
- จ่ายค่างวดน้อยๆ ผ่อนสบาย ได้นานสูงสุดถึง 30 ปี
- มอบอิสระในการจ่ายคืนได้ตามที่ต้องการ มีมากจ่ายมาก
- สามารถเบิกถอนเงินสดในส่วนที่เคยจ่ายมากกว่าที่กำหนดได้ตลอดเวลา
วงเงินการอนุมัติของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
การปล่อยเงินกู้เพื่อให้ไปรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินอื่นนั้น ธนาคารให้วงเงินสูงสุด 95% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ซึ่งวงเงินปล่อยกู้ขั้นต่ำจะอยู่ที่ 700,000 บาท และถ้าต้องการเงินไว้ใช้จ่ายเพิ่มเติมก็สามารถขอกู้สินเชื่ออเนกประสงค์เพิ่มเติมได้อีกด้วย
อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
อัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด โดยดอกเบี้ยในการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นจะอ้างอิงจากอัตราดอกเบี้ยของลูกค้าชั้นดี ประเภทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (MHR) = 6.911 ต่อปี
ระยะเวลาการผ่อนของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
ธนาคารจะให้ผ่อนจ่ายได้อย่างสบาย นานสูงสุด 30 ปี แต่เมื่อรวมกับอายุของผู้สมัครแล้วจะต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี
ใครบ้างที่สามารถยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
- บุคคลธรรมดาทั่วไปที่มีสัญชาติไทย
- ผู้สมัครจะต้องมีอายุตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ดังนี้
- กรณีที่ทำงานประจำ มีรายได้ประจำ ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 – 55 ปี
- กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ ผู้สมัครจะต้องมีอายุตั้งแต่ 21 – 60 ปี
- อายุของการทำงาน จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ดังนี้
- กรณีที่ทำงานประจำ มีรายได้ประจำ จะต้องมีอายุงานกับที่ทำงานปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 1 ปี
- กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ จะต้องประกอบกิจการมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปีขึ้นไป
- สามารถขอกู้ร่วมได้ แต่คนที่จะกู้ร่วมนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
เงื่อนไขของหลักประกันในการขอรีไฟแนนซ์บ้าน
- ธนาคารจะรับรีไฟแนนซ์เฉพาะ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และคอนโดมิเนียม โดยหลักประกันเหล่านี้จะต้องเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น
- ธนาคารจะรับเฉพาะหลักประกันที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ, จังหวัดนนทบุรี, จังหวัดปทุมธานี, จังหวัดสมุทรปราการ, จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครปฐม เท่านั้น
credit : https://pixabay.com
สำหรับใครที่สนใจอยากจะสมัครต้องเตรียมเอกสารตามที่ธนาคารกำหนดเพื่อเตรียมให้พร้อม ซึ่งเอกสารการสมัครนั้น ธนาคารจะแบ่งแยกไว้ว่าสำหรับคนที่มีรายได้ประจำ จะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ส่วนคนที่เป็นเจ้าของกิจการจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง มาดูรายละเอียดกันเลย
เอกสารประกอบการสมัครขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
กรณีที่ผู้สมัครเป็นมนุษย์เงินเดือน มีรายได้ประจำ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัคร
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร
- หากผู้สมัครมีคู่สมรสให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส
- หากผู้สมัครมีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ให้แนบหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
- สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน ให้ใช้เอกสารย้อนหลัง 3 – 6 เดือนนับจากเดือนที่สมัคร
- หลักฐานหนังสือรับรองการหักภาษี (ใบ 50 ทวิ / ภ.ง.ด .90)
- สมุดบัญชีเงินฝากที่มีเงินเดือนเข้า จะต้องย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมหน้าสมุดที่ชื่อ เลขที่บัญชี ของผู้สมัคร
- หากมีบัญชีเงินฝากอื่นๆ หรือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆ ก็ให้แนบเพิ่มเติมมาด้วย
กรณีที่ผู้สมัครเป็นเจ้าของกิจการ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้สมัครหรือผู้ที่มีอำนาจในการลงนาม
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัครหรือผู้ที่มีอำนาจในการลงนาม
- หากผู้สมัครมีคู่สมรสให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส
- หากผู้สมัครมีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุล ให้แนบหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
- เอกสารหลักฐานการจดทะเบียนของกิจการ ซึ่งเอกสารจะประกอบไปด้วย
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
- ใบจดทะเบียนการค้า
- ใบทะเบียนพาณิชย์
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมด
- รายงานสรุปงบการเงิน ให้ย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี
- เอกสารหลักฐานใบหักภาษี ณ ที่จ่าย หรือ ใบ ภ.ง.ด. หรือ ใบ ภ.พ. 30 ให้ย้อนหลัง 6 เดือน
- สมุดบัญชีเงินฝากที่มีเงินหมุนเวียน จะต้องแนบมาทั้งของบัญชีของกิจการที่ดำเนินการ และบัญชีส่วนตัวของผู้สมัคร
- กรณีที่มีทรัพย์สินอื่นๆ เช่น บัญชีเงินฝาก หนังสือที่แสดงถึงกรรมสิทธิ์ ให้แนบเอกสารมาด้วย
นอกจากเอกสารส่วนตัวที่จะต้องใช้ประกอบการยื่นสมัครสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว ยังจะต้องใช้เอกสารด้านหลักประกันที่มาขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารด้วย ซึ่งเอกสารด้านหลักประกัน จะประกอบไปด้วย
- สำเนาเอกสารที่แสดงถึงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์ เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน สำเนากรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม
- สำเนาสัญญาที่มีการซื้อขายที่ดิน หรือ คอนโดมิเนียม
- สำเนาสัญญาเงินกู้ที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเดิม
- สำเนาหนังสือสัญญาที่มีการจดจำนองที่ดิน
- หลักฐานการจ่ายเงินในการผ่อนบ้านกับสถาบันการเงินเดิม เช่น ใบเสร็จจะต้องเป็นเดือนล่าสุด
ค่าธรรมเนียมต่างๆที่จะต้องจ่ายในการรีไฟแนนซ์บ้าน
- ถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดจำนอง จะจ่ายไม่เกิน 1% ของมูลค่าจำนอง หรือสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
- ถูกเรียกเก็บค่าอากรแสตมป์ ในการทำสัญญารีไฟแนนซ์บ้าน จะจ่ายอยู่ที่ 0.05% ของวงเงินกู้หรือสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
- ถูกเรียกเก็บค่าสำรวจและการประเมินหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์ โดยอัตราจะเป็นไปตามบริษัทที่มาประเมิน
- จ่ายค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย โดยอัตราที่จะต้องจะอยู่ที่ประมาณ 0.11 – 8% ของทุนประกันภัยที่เลือกทำประกันภัย
- หากปิดหนี้ก่อนที่ธนาคารกำหนด หรือก่อน 3 ปี จะต้องเสียค่าปรับ 3% ของยอดหนี้คงค้างตามสัญญาที่เหลืออยู่
ทั้งนี้ สินเชื่อเกือบทุกประเภทจะต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งคุณจะต้องมีเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่ง และก่อนที่จะตัดสินใจรีไฟแนนซ์ก็ให้ประเมินดูด้วยว่าค่าใช้จ่ายที่จะต้องเสียเท่าไร และเมื่อบวกลบคูณหารกับดอกเบี้ยที่ได้รับ ว่ามันคุ้มค่ากับการรีไฟแนนซ์หรือไม่
สิทธิประโยชน์พิเศษที่ได้รับ
- ฟรีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการจัดการสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
ช่องทางการสมัครสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน
- หากมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน หรือใครที่สนใจอยากจะสมัครรีไฟแนนซ์บ้าน ให้เข้าไปติดต่อได้ที่ธนาคารทิสโก้ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจะสมัครผ่านทางออนไลน์
จริงอยู่ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นสามารถช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของเราไปได้มาก และบางคนเลือกที่จะรีไฟแนนซ์บ้านไปเรื่อยๆ พอผ่อนครบ 3 ปี ก็ย้ายรีไฟแนนซ์บ้านไปยังธนาคารใหม่ เพื่อต้องการลดภาระดอกเบี้ย เพราะนอกจากจะประหยัดเงินแล้ว ยังช่วยทำให้หนี้หมดเร็วอีกด้วย และถ้าคุณต้องการข้อมูลเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของสถาบันการเงินต่างๆ เข้ามาดูข้อมูลได้ที่ iMoney.in.th ได้เลยค่ะ ส่วนใครที่สนใจเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเงิน หรือมีวางแผนการจะซื้อบ้าน ซื้อรถ ยังเลือกไม่ถูกว่าขอสินเชื่อจากที่ไหนดีนั้น ก็เข้ามาหาข้อมูลเปรียบเทียบจุดเด่น ดอกเบี้ย เงื่อนไขต่างๆได้ที่เว็บไซต์นี้เหมือนกันค่ะ และถ้าเพื่อนๆชื่นชอบบทความนี้ หรืออยากจะส่งต่อให้กับเพื่อนๆคนอื่นก็กด Like กด Share ได้เลย และวันนี้พวกเราขอลาไปหาเรื่องราวดีมาเขียนใหม่ในครั้งหน้า อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจากธนาคารทิสโก้ https://www.tisco.co.th/th/personal/loan/refinance-home-loan.html#register